องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 787 ฟังที่นางพูด
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 787 ฟังที่นางพูด
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดขึ้นมา “มีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าเป็นคนดี อย่าให้ความเกลียดเแค้นครอบงำอีกเลย!”
“ความเกลียดแค้น?” หนานกงเซวียนเหอหัวเราะให้กับตัวเอง จู่ๆ ก็อยากเห็นใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นและยื่นมือออกไป ฉีเฟยอวิ๋นตกอยู่ในความสับสนมึนงง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะคิดได้ ใบหน้าของเธอถูกถอดออกแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นก้าวถอยหลังและเงยหน้ามองไปที่หนานกงเซวียนเหอ เขาก็ถอดผิวหนังบนใบหน้าของเขาออกเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นยักคิ้ว “ข้าทำเองได้”
หนานกงเซวียนเหอจ้องมองฉีเฟยอวิ๋น “หากข้าบอกว่าให้ไปกับข้า เจ้าจะยอมทิ้งหนานกงเย่หรือไม่?”
“ไปกับเจ้า?” ฉีเฟยอวิ๋นทำสีหน้าแปลกใจ
“ฉวนเอ๋อร์ไปแล้ว ต่อให้กลับมาในอนาคต นางก็จะเกลียดข้า ข้าเป็นอะไรกันแน่ ในเมื่อไม่ใช่ฉวนเอ๋อร์ คนคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่สำคัญอีก สิ่งที่หนานกงเย่ให้เจ้าก็คือตำแหน่งพระชายาเย่ แต่ข้าสามารถให้ตำแหน่งฮองเฮากับเจ้าได้ ลูกชายของเจ้า หากเจ้าเก็บพวกเขาไว้ข้างกาย ข้าก็จะคิดเสียว่าเป็นลูกของตัวเอง อนาคตหากข้าไม่มีลูก ข้าจะแต่งตั้งและยกตำแหน่งขุนนางชั้นสูง รวมถึงแต่งตั้งเป็นองค์ชายและได้รับการจัดสรรที่ดิน และแน่นอน หากพวกเขายอม ข้าก็สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ให้พวกเขาได้เช่นกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ “กลุ่มคนจากตระกูลของเจ้าเป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่ได้ฝึกซ้อมการใช้อาวุธแหลมคมเพื่อทำการสู้รบ ส่วนคนเมื่อวานตอนบ่ายนั้นไม่อาจเป็นเข้าได้ ต่อให้เป็นเจ้า ข้าก็จะไม่ไปเป็นฮองเฮาของเจ้า และกวเขาก็จะไม่เป็นตัวแทนอะไรของเจ้าด้วยเช่นกัน
คนของตระกูลของเจ้าไม่อาจยอมรับข้าได้ และไม่อาจยอมรับพวกเขาเช่นกัน
ต้องมีสักวันหนึ่งที่เมื่อหมดประโยชน์แล้วก็กำจัดทิ้ง บนโลกนี้ล้วนเป็นเช่นนั้น
หลังจากใช้ข้าเสร็จก็จะฆ่าข้า ไม่มีการตอบแทนข้า”
“หากข้าสัญญาล่ะ?” หนานกงเซวียนเหอสีหน้าจริงจัง
ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งหัวเราะออกมา “คำสัญญาของเจ้าก็คงเป็นตัวเจ้าเองกลับไม่ใช่คนอื่น ถึงตอนนั้นพวกเขาฆ่าเจ้าและข้าอย่างไม่มีหนทางอื่น อีกทั้ง……ถึงตอนนั้นที่เจ้าทำสำเร็จ พวกเขาก็จะฆ่าเจ้า!”
“ทำไมหรือ?”
“เพราะความคิดของเจ้าและพวกเขาต่างกัน เจ้ายังจำจงชินอ๋อง ยังจำจวนท่านอ๋องเจ็ดได้หรือไม่? แล้วทำไมเจ้าจะไม่ใช่จงชินอ๋องล่ะ?
หากหมดประโยชน์ก็จะถูกฆ่าตาย
และยังมีอวี้ชินอ๋อง เพียงเพราะอวี้ชินอ๋องเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่ต้องการเข้าร่วมก่อกบฏกับพวกเจ้า สุดท้ายพวกเจ้าก็ส่งเขาไปตาย
หลักการนี้ก็เช่นกัน ฉะนั้นคำสัญญาของเจ้าไม่มีค่าเลยในสายตาของข้า
แต่ที่ข้าช่วยเจ้า เป็นเพราะว่าเจ้าก็นับว่าเป็นคนดีประมาณหนึ่ง!
ส่วนเรื่องอื่นนั้น ข้าเชื่อว่าลูกๆ ของข้าไม่มีทางหักหลังท่านพ่อของพวกเขา และข้าก็ไม่มีวันยอมทิ้งลูกๆ ของข้า ถึงแม้ว่าหนานกงเย่จะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสามีของข้า ข้าไม่มีวันลาจากเขาไปไหน ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าจะให้ตำแหน่งฮองเฮากับข้า ต่อให้เจ้ามอบอาณาจักรเมืองให้กับข้าหรือมอบชีวิตของเจ้าให้กับข้า ข้าก็ไม่คิดต้องการเลยสักนิด!”
หนานกงเซวียนเหอหัวเราะ “ไม่แน่ สักวันหนึ่งเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ เพราะหากเจ้าไม่ตอบตกลง ข้าก็จะฆ่าเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว “ทำไมหรือ เจ้าคิดว่าข้ากลัวตายอย่างนั้นหรือ?”
“……” หนานกงเซวียนเหอเงียบไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
คนของเขามาอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ก็มาถึงเชิงเขาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมอง พวกเขากำลังปีนขึ้นมา
หนานกงเซวียนเหอเหลือบมองแผนที่และเก็บเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปและหัวเราะขึ้นมา “ในกลุ่มคนเหล่านั้นจะต้องมีคนฉลาด ต่อให้พวกเจ้าไม่ให้พวกเขาดู พวกเขาก็สามารถรู้ได้ แอบเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร?”
“เจ้าไม่เข้าใจก็อย่าพูดอะไรมาก” หนานกงเซวียนเหอกล่าวอย่างขุ่นเคืองและเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่นี่ เมื่อเห็นหนานกงเซวียนเหอ ทุกคนที่มาถึงต่างคุกเข่าลง “ข้าน้อยคารวะท่านผู้นำ”
“อืม ลุกขึ้นเถอะ มีโครงสร้างหลงเหลืออยู่จากการก่อสร้างที่นี่ พวกเขาไปอย่างรีบร้อน พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมและลงเขาไปหาช่างฝีมือมา ข้าต้องการทดลองทำดู และนำเสบียงอาหารขึ้นมาด้วยเพราะอาจต้องอยู่ที่นี่อีกระยะหนึ่ง พักที่หมู่บ้านเชิงเขาก่อนและอย่าทำให้คนอื่นตกใจ แต่งกายให้เหมือนกับคนที่นี่ จากนั้นควบคุมพื้นที่บริเวณโดยรอบให้ดี”
“ขอรับ”
ผู้ที่ได้รับคำรับเตรียมตัวที่จะออกไป ฉีเฟยอวิ๋นพูดขึ้น “ให้พวกเขาพาเฟยอิงและอาเซี่ยวมาด้วย”
หนานกงเซวียนเหอแปลกใจ “หากอาเซี่ยวมาแล้ว เจ้าต้องคอยเอาแต่ป้องกันตัวจากเขาสิ?”
“นั่นเป็นเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องสนใจ อาเซี่ยวเป็นคนซื่อสัตย์และเรียบง่าย แม้จะโง่เขลาไปบ้าง หากไม่ใช่เป็นเพราะอาอวี้ เขาก็คงไม่ทำเช่นนั้นกับข้า ข้างกายข้ามีอาอวี่ เจ้าก็เคยเห็น พวกเขามีความคล้ายกันนั่นคือล้วนโง่เขลาไม่มีใครเทียบได้ อาอวี่มีน้องสาวหนึ่งคน และตายไปเพราะข้า
เทพเจ้าจะไม่ทำให้ข้าตายไปหรอก”
อันที่จริงฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดว่ามีเรื่องที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นบนร่างกายของเธอ อาจเป็นเพราะเธอตัดสินผิดพลาดก็เป็นได้
เธอก็เพิ่งนึกได้ในตอนนี้
“ไปเถอะ พาพวกเขามาด้วย”
หนานกงเซวียนเหอสั่งออกไป คนข้างล่างตอบรับและเตรียมจากไป จากนั้นจึงถูกฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้หยุดอีก เมื่อคนนั้นกลับมาหนานกงเซวียนเหอดูท่าไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงช่างน่ารำคาญนัก”
“นำยาติดมาด้วย ข้าจะเขียนให้กับพวกเจ้า” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบกระดาษและพู่กันมาเขียนตัวยา เมื่อได้รับใบสั่งยา คนเหล่านั้นก็จากไป
หลังจากนั้นก็ได้แค่รอ ฉีเฟยอวิ๋นไปที่เหมืองเหล็กกับหนานกงเซวียนเหอ ข้างในเหมืองเหล็กนั้นมีเหล็กมากมาย แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงข้างสุด ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองก็รู้สึกตะลึง
“นำคบไฟมานี่”
หนานกงเซวียนเหอหยิบคบไฟให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองและมองเห็นบางสิ่งในเหมืองเหล็ก เมื่อยื่นมือออกไปและจ้องมองอย่างละเอียด
“ตรงนี้ห้ามแตะต้อง ที่นี่มีทรายดูด หากเปิดทางเข้าไปเรื่อยๆ มันจะเกิดการถล่มและจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายได้ ทางที่ดีคือหาทางลัดอื่นและเปิดทางอื่น”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปข้างหน้าและสังเกตดู “พวกเขาก็รู้ว่าไม่สามารถเปิดเข้าไปข้างในได้ เหมืองเหล็กที่นี่ดูมีอายุเก่าแก่มากแล้ว แถมยังมีการทำสัญลักษณ์ เจ้าดูนี่สิ”
ฉ๊เฟยอวิ๋นยื่นคบไฟไปในเหมืองเหล็กที่ที่มีทรายดูด บริเวณโดยรอบมีการทำสัญลักษณ์สีแดงไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการแจ้งเตือนผู้อื่น
ใบหูของหนานกงเซวียนเหอกระตุก ข้างในยังมีเสียงทรายดูดดังอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ยินเช่นกัน
“เรารีบออกไปข้างนอกเร็ว”
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจึงจูงมือของหนานกงเซวียนเหอรีบวิ่งออกไป คนอื่นๆ ต่างก็วิ่งออกมาข้างนอก หนานกงเซวียนเหอก้มลงมองมือที่ถูกจับไว้ ยังไม่ทันที่จะออกไปได้ ข้างหลังก็เริ่มร้าวและถล่มลงมา
“แย่แล้ว ที่นี่ไม่ควรมีคนเข้ามาเยอะ ทุกคนล้วนเอาแต่วิ่งจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ เจ้าออกไปก่อน” ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็ผลักหนานกงเซวียนเหอ จากนั้นมองไปที่ผู้คนที่อยู่ข้างหน้า “พวกเจ้าหยุดก่อน นายท่านของพวกเจ้ายังไม่ไปเลย”
ทุกคนต่างหยุดลงและไม่กล้าขยับ และภายในเหมืองก็เงียบสงัดลงเช่นกัน แต่ทรายก็ยังดูดอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้า “ห้ามใครคนไหนขยับทั้งนั้น ต้องฟังคำสั่งของข้า ใครไม่ฟัง นอกไปแล้วต้องตายทั้งหมด”
ทุกคนต่างมองไปที่หนานกงเซวียนเหอ เวลานี้ใครจะฟังคำพูดของผู้หญิงอย่างฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเซวียนเหอกล่าวว่า “ฟังที่นางพูด”
ทุกคนต่างต้องการพูดขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “หยุดพูด ฟังข้า ที่นี่ห้ามขยับเคลื่อนย้ายรุนแรง และห้ามพูดพร้อมกัน ตอนนี้ทำได้เพียงค่อยๆ ออกไปทีละคน และต้องให้นายท่านของพวกเจ้าออกไปก่อน”
ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่พยักหน้า
หนานกงเซวียนเหอมองฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าไปก่อน”
“ไม่ ข้าไม่ตายง่ายๆ เจ้าไปก่อน เจ้าออกไปแล้ว พวกเขาถึงจะปลอดภัย”
หนานกงเซวียนเหอทำหน้าบูดบึ้งและยิ้มออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไป เขาก้าวเดินผ่านคนของเขาที่ที่เปิดทางออกเป็นสองฝั่ง
คนที่เข้ามาประมาณสิบกว่าคน ไม่นับว่าเยอะมาก
หนานกงเซวียนเหอเดินผ่านกลุ่มคนออกมาและหันไปมองฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าออกมาเถอะ”
“เจ้าไปก่อน ประเดี๋ยวเดียวไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่ทุกคนห้ามวิ่ง เจ้ารีบไปสิ ระวังการก้าวเท้า ห้ามเดินแรงเกินไป หากเจ้าออกไปแล้วข้าก็สามารถรู้ได้”
หนานกงเซวียนเหอมองดูคนรอบๆ “ฟังที่นางพูด”
ทุกคนต่างก้มหน้า จากนั้นหนานกงเซวียนเหอจึงหันหลังเดินออกไป