องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 796 ปีศาจสาวไม่มีมโนธรรม
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 796 ปีศาจสาวไม่มีมโนธรรม
ทั้งสองออกจากเรือนด้านหลัง หนานกงเซวียนเหอกับฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนโฉม จากนั้นไปตามตำแหน่งของภูเขาเหมือง และหาตำแหน่งที่สามารถมองเห็นกันได้ อีกทั้งห่างไกลกัน
ที่บริเวณเชิงเขา ฉีเฟยหยุนเหลือบมองที่หน้าผาสูง รู้สึกหดหู่อยู่ครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นและนวดคลึงคิ้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
หนานกงเซวียนเหอเป็นศัตรูคู่อริของเธอ แต่เธอช่วยหนานกงเซวียนเหอ
“พักสักหน่อย?”หนานกงเย่ปลดกระบอกน้ำยื่นให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเอามาดื่มหนึ่งกลืน หนานกงเซวียนเหอก็ไม่ได้ใช้อีกอันเขากะว่าจะดื่มมันเลย จึงถูกฉีเฟยอวิ๋นแย่งไปแล้วปิดฝา
“เจ้าดื่มอีกอัน อันนี้ให้ข้า ข้าจะเก็บไว้เอง”ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าหนึ่งทำอย่างนี้มันไม่สะอาด สองมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
หนานกงเซวียนเหอตลกขบขันเอื้อมมือไปแย่งคืน แล้วกล่าวว่า“ข้าไม่รังเกียจความสกปรกของเจ้าหรอก”
“ข้ารังเกียจเจ้า!”ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะแย่งกลับมา หนานกงเซวียนเหอเปิดกระปุกออก แล้วกระดกดื่ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโอหัง ฉีเฟยอวิ๋นหน้าเขียวอึมครึม หมุนตัวเดินขึ้นไป อย่างมากก็แค่ไม่ดื่ม
หนานกงเซวียนเหอห้อยกระปุกน้ำไว้ข้างเอว สาวเท้าเดินตามฉีเฟยอวิ๋นไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เดินช้า แต่เขาดันเดินขึ้นไปก่อนแล้ว
ตอนที่เดินถึงเส้นทางสูงชัน เขายื่นมือมาดึงฉีเฟยอวิ๋นขึ้นไป
ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นเย็นชา ไม่อยากจะสัมผัสมือของหนานกงเซวียนเหอ แต่เขาดันกล่าวว่า“วางใจเถิด ข้ากับเจ้ามันคือการปลอมแปลง ในใจของข้ามีเพียงแค่ฉวนเอ๋อร์”
ฉีเฟยอวิ๋นกลัดกลุ้มใจชั่วขณะ มองเขาที่ขวางทางไว้ เธออยากจะอ้อมเดินไป แต่ก็ไม่ได้
จึงทำได้เพียงยื่นมือให้หนานกงเซวียนเหอ มือทั้งสองคนประกบเข้าหากัน หนานกงเซวียนเหอดึงแล้วฉีเฟยอวิ๋นเลยขึ้นได้ทันที
ปล่อยมือแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงได้เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดแบบอื่นอีกกับหนานกงเซวียนเหอ
เดินมาแล้วหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนถึงได้ถึงยอดเขา เดินถึงด้านบนฉีเฟยอวิ๋นเลยหมุนตัวหันกลับไปถามหนานกงเซวียนเหอ “ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ ก็คือมีแนวคิดวิธีการแล้ว”
“ลงจากตรงนี้ไปคือเหวลึก ข้าเคยมาที่นี่ ตกลงไปไม่ง่ายหรอกนะที่จะหาเจอ สามารถพูดได้เลยว่าตายอย่างไม่น่าสงสัย แต่ข้าต้องการหาสถานที่อำพรางตัว”
“เจ้าจะลงไปเป็นเพื่อนข้าหรือไม่?”
“หืม”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือมองไปทางด้านล่างภูเขา พอมองลงไปมันลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว หนานกงเซวียนคิดว่าเธอโง่ซื่อบื้อหรือ?
“เจ้าลงไปเถอะ ข้าจะรอเจ้า หากเจ้าขึ้นมาได้ก็มีหนทางมีชีวิตรอด หากเจ้าขึ้นมาไม่ได้ก็คือความตาย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“เหอะ…..ข้าไม่รู้สึกหรือคิดว่าอย่างไรทั้งนั้น”
หนานกงเซวียนเหอดึงฉีเฟยอวิ๋นครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปบริเวณปากหน้าผาแล้วมองจุดที่จะลงไป ฉีเฟยอวิ๋นผลักเล็กน้อย อีกนิดหนึ่งจะตกลงแล้ว หนานกงเหอดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ ทั้งสองฝ่ายกลิ้งไปอีกด้านพอหยุดลงเป็นหนานกงเซวียนเหอที่กดคร่อมอยู่บนตัวฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว กล่าวว่า“ลุกขึ้นเสีย!”
หนานกงเซวียนเหอยิ้มอย่างตลกขบขันกล่าวกับฉีเฟยอวิ๋นว่า“ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้”
“ลุกขึ้น!”
ฉีเฟยอวิ๋นขี้เกียจพูดไร้สาระ จึงออกแรงผลักหนานกงเซวียนเหอออก
“เจ้าอยู่ไกลๆข้าหน่อย ข้าทำดีกับเจ้าที่สุดแล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา หมุนตัวเดินลงเขาไม่หันกลับมาเลย
หนานกงเซวียนเหอเหลือบมอง หมุนตัวเดินไปทางหน้าผา ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเพียงเสียงวิ่งชั่วขณะ หันกลับไปมองคนได้หายไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งไปดูด้านล่าง ด้านล่างก็ไม่มีคนเลย
“หนานกงเซวียนเหอ”ฉีเฟยอวิ๋นตะโกนร้องตรงปากเหว
ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังมา หันกลับไปมองก็เห็นหนานกงเซวียนเหอยืนอยู่
“เจ้ามันไม่ใช่คนจริงๆ!”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกว่าหนานกงเซวียนเหอกระโดดลงไป เลยรู้สึกว่าเธอโง่ขึ้นมาทันที
“เจ้าก็ใส่ใจข้านี่”หนานกงเซวียนเหอเดินเข้าใกล้ แต่เขาไม่ได้แกล้งฉีเฟยอวิ๋น เพียงแค่พูดตามที่ใจคิด
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบ หนานกงเซวียนเหอได้อ้อมไปตรงปากหน้าผาแล้ว ทั้งสองเดินมาตรงปากหน้าผาด้วยกัน ฉีเฟยอวิ๋นมองลงไปด้านล่าง มันลึกมาก เดิมมันลงไม่ได้หรอก ลงไปมีแต่ความตาย
“ข้าเคยคิดคำนวน ระยะทางที่พวกเราเดินขึ้นได้สองชั่วยาม ตามระยะทางเท้าของพวกเรามีระยะทางเก้ากิโลเมตร หากตกจากที่สูงนี้คงตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้ามีบางอย่างรั้งตรงกลาง ด้วยความสามารถของข้า ข้าสามารถขึ้นมาได้แน่นอน”
“เพื่อเหมืองแร่เหล็กนี้มันคุ้มค่ากันหรือ หากว่าเหตุการณ์ไม่แน่นอนเจ้าตาย ไม่ใช่อะไรก็สูญเปล่าหรือ?”
“เช่นนี้หากว่าไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนล่ะ?”ท่างทางมั่นอกมั่นใจของหนานกงเซวียนเหอเหมือนหนานกงเย่มาก จนกระทั่งฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นภาพของหนานกงเย่ตรงแผ่นหลังของหนานกงเซวียนเหอเลย
“เจ้าระวังด้วยล่ะ”ฉีเฟยอวิ๋นสั่งกำชับ หนานกงเซวียนเหอยกมือทำสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องพูด ฉีเฟยอวิ๋นเงียบปาก หนานกงเซวียนเหอเอียงหูฟัง ฟังอยู่สักพักเขาเลยเอาเชือกออกมาผูกกับต้นไม้ไว้
“ข้าจะลงไปดู เจ้ารอข้านะ”
“เจ้าจะลงไปจริงๆนะหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าหนานกงเซวียนเหอบ้าไปแล้ว
แต่บนไหล่ของคนคนหนึ่งมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงถ่วงอายุ เป็นบ้านั้นถือว่าปกติ
“หากพรุ่งนี้ข้าขึ้นมาไม่ได้ เจ้าก็ลงไปนะ”
หนานกงเย่เหลือบมองด้านล่าง ทิ้งไว้หนึ่งประโยคแล้วรีบกระโจนลงไป
เดิมเชือกก็ไม่ได้ยืดยาว และตรงที่ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่นั้นค่อนข้างไม่ปลอดภ เธอไม่มีทางจะลงไปตายเป็นเพื่อนหนานกงเซวียนเหอหรอก เลยทำได้เพียงถอยหลังไปรอ
นั่งลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นถึงได้พบว่า น้ำกับของกินถูกหนานกงเซวียนเหอเอาไปหมดแล้ว ครึ่งหนึ่งสักน้อยนิดก็ไม่เหลือให้เธอเลย
ฉีเฟยอวิ๋นรอเป็นวันเป็นคืนหนานกงเซวียนก็ยังไม่ขึ้นมา เธอไม่ได้ไปไหนเลยหาของกินระแวกนั้น แล้วรออีกสองวันสองคืน
วันที่สี่ฉีเฟยอวิ๋นรอก็ไม่เห็นหนานกงเซวียนเหอขึ้นมา พูดตามหลักเหตุผลฉีเฟยอวิ๋นควรกลับไปได้แล้ว
แต่เธอยังคงไม่ไปไหน รอไปจนถึงห้าวัน
ใต้เหวลึกด้านล่างมีคนปีนขึ้นมา เพราะเชือกที่อยู่ข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นมันเคลื่อนไหว
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้นแล้วเดินไปดูตรงด้านล่างหน้าผาสูงชัน จนเห็นว่ามีคนขึ้นมาแล้ว
เห็นหนานกงเซวียนเหอขึ้นมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีความแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เธอลากดึงเชือกเอาหนานกงเซวียนเหอที่โรยราไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
หนานกงเซวียนเหอนอนลง ยิ้มให้กับฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบน้ำมาป้อนเขา หนานกงเซวียนเหอยิ้มปริ่ม ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง ตรวจสอบดูอาการบาดแผลของหนานกงเซวียนเหอ เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรพักผ่อนสักครู่หนึ่ง หนานกงเซวียนเหอถึงได้ลุกขึ้น
ตลอดชีวิตฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยนับถือใครเลย แต่หนานกงเซวียนเหอนี้เป็นคนแรก
บางทีมันอาจเป็นหนทางเอาชีวิตรอดที่โหดร้ายที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นถึงได้เป็นเช่นนี้
พอเห็นหนานกงเซวียนเหอ ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงหนานกงเย่ ล้วนเป็นดั่งกริชที่เฉียบแหลมได้รับการฝึกฝนออกมา แต่วิธีการแตกต่างกันเท่านั้นเอง การใช้ก็คือใช้เหมือนกัน
พวกเขาล้วนถูกมัดพันธการไว้ น่าสงสารมาก!
“ผู้หญิงคนนี้ เหตุใดเวลาเช่นนี้ถึงเหม่อลอยได้ คิดถึงเขาหรือ?”หนานกงเซวียนเหอลุกขึ้นนั่ง ฉีเฟยอวิ๋นเอาปิ่งที่เตรียมไว้ยื่นให้เขา หนานกงเซวียนเหอถามด้วยความแปลกใจว่า”เจ้าไปทำมาจากไหนหรือ?”
“เจ้าเอาของกินไปหมด ข้าเลยลงไปซื้อมา”
หนานกงเซวียนเหอหยิบมาหนึ่งชิ้น ดินแล้วหายใจหอบแฮกๆไปด้วย เพราะเขาเหนื่อยมาก
ทั้งสองพักจนถึงเย็น จากนั้นลงเขาไป
และกลับเรือนกันในคืนนั้นเลย
พอเข้ามาได้เห็นอาเซี่ยวรีบวิ่งมา กล่าวว่า“นายท่าน จวินโม่ซ่างได้นำกองกำลังทหารล้อมรอบเรือนของพวกเราแล้ว และได้ยินว่าหนานกงเย่มาด้วย”
“ทำไมเร็วขนาดนี้?”หนานกงเซวียนเหอหดหู่ เขายังไม่ได้ใกล้ชิดเรียนรู้กับฉีเฟยอวิ๋นเพียงพอเลย
“อยู่เถิดนะ ข้าไม่ต้องการเหมืองแร่เหล็กแล้วก็ได้”เวลานี้หนานกงเซวียนเหอรู้สึกสั่นหวั่นไหว หากเปรียบเทียบฉีเฟยอวิ๋นกับเหมืองแร่เหล็ก ฉีเฟยอวิ๋นนั้นมีค่าราคากว่า
“อย่างไรข้าก็ต้องไป”
ฉีเฟยอวิ๋นอยากเจอหนานกงเย่จนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว จากนั้นหันกลับไปถามว่า“คนอยู่ที่ไหนหรือ?”
อาเซี่ยวยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม พอได้ยินว่าหนานกงเย่มา ก็ลืมนายท่านเสียแล้ว ปีศาจสาว!