องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 797 จับคน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 797 จับคน
อาเซี่ยวเบะหน้าไม่ตอบกลับ ฉีเฟยอวิ๋นเลยเดินไปทางด้านหน้าเรือน อาเซี่ยวเร่งฝีเท้าตามไป เรียกฉีเฟยอวิ๋นไว้ว่า“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ นายท่านสั่งเจ้าไปแล้วหรือ เจ้าอย่าคิดว่านายท่านชอบเจ้า แล้วเจ้าก็ลำพองใจหลงระเริงนะ กฎเกณฑ์ของเมืองต้าเหลียงกดคนจนตายได้ เจ้าเคยนอนกับนายท่าน เจ้ายังคิดจะกลับไป เจ้ากลับไปแล้วหนานกงเย่จะไว้ชีวิตเจ้าหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจที่อาเซี่ยวพูด เธอเดินในส่วนของเธอ
เธอสวมใส่ชุดผู้ชาย รูปโฉมก็เป็นผู้ชาย โดยพื้นฐานแล้วดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิง อาเซี่ยวร้องตะโกนอยู่ด้านหลังว่า“เจ้าเป็นอย่างนี้เจ้าคิดว่าเขาจะรู้จักเจ้าหรือ?”
หนานกงเซวียนเหอมองภาพแผ่นหลังของฉีเฟยอวิ๋นที่วิ่งไปจนรู้สึกจิตใจสับสนว้าวุ่น
“นายท่าน ปีศาจสาวจะไปแล้ว ท่านไม่สนใจเลยหรือ?”อาเซี่ยวกล่าวอย่างร้อนรน
หนานกงเซวียนเหอมองอาเซี่ยว กล่าวว่า“เจ้าไม่เกลียดนางหรือ ?นางเป็นคนสังหารอาอวี้นะ!”
“นายท่าน เป็นหนานกงเย่ที่สังหารอาอวี้”
“นั่นก็เป็นสามีของนาง”
“……”อาเซี่ยวไม่เข้าใจ กล่าวว่า“นายท่าน สรุปว่าท่านต้องการทำอะไร?”
“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น เจ้ากับนางเป็นคู่อริกัน เจ้าไม่แก้แค้นนาง เจ้าอยากเก็บนางไว้ทำไมหรือ?”
“…..นางไม่ควรที่จะอยู่หรือ?”อาเซี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
หนานกงเซวียนเหอเงยหน้ามองสถานที่ที่ฉีเฟยอวิ๋นไป กล่าวว่า“ข้าอยากจะให้นางอยู่ นางก็ต้องอยู่หรือ?”
“งั้นก็ปล่อยนางไปหรือ?”
“อืม”
ไม่ไปแล้วอย่างไร?
ตนเองยังดูแลไม่ได้เลย
ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากด้านในเรือน เพื่อหาหนานกงเย่ตรงประตู เวลานี้หนานกงเย่ลงจากรถม้ามา ขณะที่เขากำลังจะบุกเข้าไปตามหาฉีเฟยอวิ๋น ก็ได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากเรือน หนานกงเย่ชะงักงัน เชือกบังเหียนม้าวางลง เขาดูออกทันทีว่านั่นคือฉีเฟยอวิ๋น ไม่รอการเคลื่อนไหวฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กระโจนเข้าสวมกอด
หนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋น สูดหายใจลึกๆกล่าวว่า“ข้าร้อนใจแทบแย่!”
ฉีเฟยอวิ๋นตอบอืม แล้วร้องไห้พรั่งพรูออกมาคล้ายดั่งเด็กน้อย
เฟิงอู๋ชิงและคนอื่นๆทยอยตามมา ซูมู่หรงอารมณ์ไม่ค่อยจะดี เพราะฉีเฟยอวิ๋นปฏิบัติกับเขาอย่างเย็นชา ปฏิบัติกับหนานกงเย่นั้นยินดีปรีดาเหลือล้น
“เขาไม่ได้ทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่?”หนานกงเย่ผละออกจากฉีเฟยอวิ๋น แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย ตรวจสอบฉีเฟยอวิ๋นขึ้นๆลงๆอยู่อย่างนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นฉีกหน้ากากบนใบหน้าออก ปรากฎใบหน้าละมุนของฉีเฟยอวิ๋นออกมา อดไม่ได้ที่จะจูบสัมผัส ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดงก่ำ มือทั้งสองข้างตีที่ตัวของหนานกงเย่อย่างแผ่วเบา แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
คนบริเวณโดยรอบมอง ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดงมาก หนานกงเย่ก็ไม่สามารถที่จะไม่เกรงใจ เลยปล่อยผละออกจากเธอ
ฉีเฟยอวิ๋นหายใจหอบแฮก หัวใจเต้นแรง เหมือนกับคนมีความรักครั้งแรก
หนานกงเย่จูงมือของฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางด้านบนเรือน
“เฟยอิงล่ะ?”
“อยู่ด้านใน หม่อมฉันจะพาท่านไปดู ท่านอ๋อง หนานกงเซวียนเหอช่วยชีวิตหม่อมฉัน ท่านปล่อยเขาเถิด ครั้งหน้าค่อยจับ”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเจรจาต่อรอง
หนานกงเย่กล่าวว่า“หากเขาไม่จับอวิ๋นอวิ๋นมา ก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง”
“เช่นนั้นท่านอ๋องจับเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพาท่านอ๋องไปหาเฟยอิง”ฉีเฟยอวิ๋นพาหนานกงเย่เข้าไป หนานกงเย่เอากระเป๋าเล็กๆห้อยไว้ตรงหน้าอกของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองไปด้านใน พอดีกับด้านในนั้นยังมีของสามสิ่งที่คล้ายเมล็ดถั่วอยู่ เด็กน้อยสามตัวยังคงเหมือนเดิม เสี่ยวเฮยคือเสี่ยวเฮย เสี่ยวจินคือเสี่ยวจินและยังมีเจ้าแมลงด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นตบเบาๆกล่าวว่า“พวกเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ท่านอ๋อง ฝูโยวของหม่อมฉันล่ะเพคะ?”
“นางก็ไม่เป็นไร”
ทั้งสองเดินพูดคุยกันเข้ามาในเรือน เฟยอิงถูกคนแขวนห้อยไว้ชั้นบน หนานกงเย่เรียกคนไป ภายในเรือนว่างเปล่าหมดแล้ว
“ตามหา”
คนของหนานกงเย่ค้นภายในเรือนอย่างรวดเร็ว ซูมู่หรงไปหาทางเรือนด้านหลัง คนจำนวนหนึ่งได้หนีออกทางเรือนด้านหลังไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามไป เพิ่งลงภูเขามาก็เห็นหนานกงเซวียนเหอขึ้นภูเขาอีก ฉีเฟยอวิ๋นกลัดกลุ้มใจและต้องตามไปด้วย แต่ทุกคนใช้วิชาตัวเบา การขึ้นภูเขาเลยไม่ใช่ปัญหา หนานกงเย่แบกฉีเฟยอวิ๋น ได้ประมาณครึ่งชั่วยามถึงได้ขึ้นไปบนภูเขาได้
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็นคนอื่น เห็นเพียงแค่หนานกงเซวียนเหอ
หนานกงเซวียนเหอยิ้มกล่าวว่า“หนานกงเย่ เหตุใดเจ้าจะต้องบังคับขู่เข็ญข้าด้วย คนของเจ้าข้าคืนให้แล้ว เจ้ายังจะตามข้ากัดไม่ปล่อย”
“เจ้าคือโจรร้ายกบฏของเมืองต้าเหลียง ข้าจะตามสังหารเจ้า ไม่ว่าจะหลบหนีไปที่แห่งใด”
“หากว่าข้าตัดสินใจละทิ้งความมืดคืนสู่หนทางสว่างล่ะ?”หนานกงเซวียนเหอมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วมองหนานกงเย่
“ตอนนี้เจ้าละทิ้งความมืดสู่ความสว่างกลับตัวกลับใจนั้นมันไม่ทันแล้ว เจ้ามีเพียงแค่เส้นทางความตาย”
“หนานกงเย่ เจ้าอย่ากลั่นแกล้งคนจนเกินไป”
“กลั่นแกล้งคนจนเกินไปคือเจ้า หากเจ้าหยุดมือ ข้าจะมาพบเจ้า ณ ที่แห่งนี้ได้ที่ไหนกัน ถ้าเจ้าต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่และตั้งหลักแหล่งในบ้านเมืองได้ แล้วเหตุใดถึงได้วางกับดักและกระโดดหนีออกไปเล่า?”
หนานกงเซวียนเหอชะงักงัน มองไปทางฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นก็แปลกใจมาก มองไปทางหนานกงเย่แล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรเพคะ?”
“กลิ่นของพวกเจ้ากับกลิ่นที่นี่มีกลิ่นเดียวกัน พวกเจ้าเคยขึ้นมาบนภูเขา บนร่างกายทิ้งร่องรอยไว้ เขาไม่เดินเส้นทางที่ดี พยายามจะมาที่แห่งนี้ คิดว่าข้าโง่หรือ?
อวิ๋นอวิ๋น เจ้าอยากให้ข้าปล่อยเขา ข้าเพียงแค่คิดว่าเจ้าใจอ่อน ที่ไหนได้เจ้าเริ่มเข้าข้างผู้อื่นแล้ว กลับไปข้าจะจัดการเจ้า!”
ฉีเฟยอวิ๋นหนักใจ กล่าวว่า“ท่านอ๋อง งั้นปล่อยเขาไปเถอะ ทำเหมือนว่าเขาหนีไป เขาไม่มีเจตนาอื่นนะเพคะ”
“ไม่ได้”
หนานกงเย่ยกมือขึ้นกดจุดนอนหลับของฉีเฟยอวิ๋น ตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นดำวูบ คนทั้งคนล้มลงที่พื้น
“เจ้าหอเฟิง”
หนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นหันเดินไปทางเฟิงอู๋ชิง แล้วปล่อยทิ้งคนลงไป เฟิงอู๋ชิงลุกขึ้นยืนโอบอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไว้ หนานกงเซวียนเหอกระโจนเข้าหา เพราะเขาก็ต้องการแย่งฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่กระโจนใช้เท้าเตะถีบออกไป หนานกงเซวียนเหอเลยถอยหลังเกือบจะตกลงไป
ฉีเฟยอวิ๋นถูกเฟิงอู๋ชิงโอบอุ้มไว้ แล้วร่อนวางลงช้าๆ
หนานกงเย่ชักกระบี่ออกมา“หากวันนี้เจ้าชนะข้า แน่นอนว่ามีชีวิตรอด หากเจ้าแพ้ เจ้าก็ตายเสีย”
หนานกงเซวียนเหอมองฉีเฟยอวิ๋น แล้วหัวเราะไม่หยุดกล่าวว่า“ไม่เช่นนั้นหากข้าชนะแล้ว เจ้าต้องเอานางให้ข้า ข้าไม่ต้องการพื้นพิภพนี้ก็ได้ ข้าสามารถหมุนตัวแล้วเดินไป ว่าอย่างไร?”
“เจ้าไม่มีทางชนะข้าหรอก และข้าก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นด้วย”
หนานกงเย่กระโจนเข้าใส่หนานกงเซวียนเหอ หนานกงเซวียนเหอชักกระบี่ออกมา ทั้งสองต่อสู้กัน จิตใจของซูมู่หรงฝักใฝ่อยู่ที่ฉีเฟยอวิ๋น เลยเดินไปกล่าวกับเฟิงอู๋ชิงว่า“ท่านอาสาม เดี๋ยวข้าอุ้มเอง”
เฟิงอู๋ชิงมองซูมู่หรง จากนั้นกล่าวว่า“นางคือน้องสาวของเจ้า?”
“ข้ารู้แล้ว”
ซูมู่หรงกล่าวด้วยสีหน้าเคารพนับถือ เฟิงอู๋ชิงมองเขาแล้ว รู้สึกไม่วางใจเลยกล่าวว่า“ช่างเถิด ข้าอุ้มเอง เจ้าไปดูการต่อสู้ด้านนั้น”
เฟิงอู๋ชิงเดินไปนั่งลงอีกด้านโอบฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมกอด
หนานกงเย่กับหนานกงเซวียนเหอต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง หนานกงเย่เหม่อลอย หนานกงเย่เลยใช้กระบี่แทงเข้าที่ไหล่ของหนานกงเซวียนเหอ หนานกงเซวียนเหอถอยหลังสองก้าว หนานกงเย่แทงเข้าอีก ครั้งนี้เข้าที่หัวใจ หนานกงเซวียนเหอยืนเหงื่อไหล่อาบอยู่ที่เดิม
ฉีเฟยเริ่มได้สติต่อสู้ดิ้นรนลืมตาขึ้น
“หยุด”น้ำเสียงแผ่วเบาดังมา ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นออกจากอ้อมกอดของเฟิงอู๋ชิง ทันใดนั้นเธอได้เคลื่อนตัวไปอยู่ข้างกายของหนานกงเซวียนเหอ และขวางหนานกงเซวียนเหอไว้