องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 801 เสียดายยิ่ง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 798 เสียดายยิ่ง
“ปล่อยเขาเถอะ ถึงแม้ท่านจะติดค้างข้า แต่ข้าก็จะไป ยอมให้พวกท่านมีความสุขด้วยกัน”
การปรากฏตัวของเจ้าของร่างเดิมทำให้หนานกงเย่ตะลึงตะลาน เจ้าของร่างเดิมหันไปมองหนานกงเซวียนเหอ อีกฝ่ายจึงคลี่ยิ้ม “อย่างไรเสียเจ้าก็อาลัยอาวรณ์ข้า”
เจ้าของร่างเดิมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มองไปยังหนานกงเย่ “ข้าสามารถตายให้ท่านดู หากร่างกายนี้ตายแล้ว ท่านก็จะไม่เหลือสิ่งใดอีก”
เจ้าของร่างเดิมดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออก ก่อนจะมาจี้ลำคอตัวเอง
หนานกงเย่วางกระบี่ลง “เข้าไม่รอดหรอก”
“ก็ไม่แน่” เจ้าของร่างเดิมจับมือหนานกงเซวียนเหอแล้วเดินลงจากภูเขา เฟิงอู๋ชิงลุกขึ้นมองหนานกงเย่อย่างเห็นอกเห็นใจ
แต่งสตรีมากรักก็จะโชคร้ายเยี่ยงนี้แหละ
หนานกงเซวียนเหอเดินลงเขากับเจ้าของร่างเดิมอย่างกระโผลกกระเผลก เจ้าของร่างเดิมไม่ถนัดขึ้นเขาลงห้วย ส่งผลให้เดินเกือบล้ม หนานกงเย่ขยับกาย ก่อนจะถึงข้างกายเธอในชั่วพริบตา
“ท่านอย่าเข้ามา ข้าจะไปส่งเขา หากเขาไม่เป็นอันใด ข้าจะกลับไป”
เจ้าของร่างเดิมไม่กล้าให้หนานกงเย่เข้าใกล้ หนานกงเย่จึงตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าเดินไม่ถนัด ทิ้งนางเสีย”
“เช่นนั้นพวกท่านไป ข้าจะอยู่ดูแลเขาเอง”
เจ้าของร่างเดิมไม่ยอมไปทำให้หนานกงเย่หน้าดำคล้ำเครียดยิ่ง
“ไป”
หนานกงเย่ตวาดเสียงโกรธขึ้งพร้อมกับหันหลังไป
เฟิ่งอู๋ชิงทำหน้าตาตลกขบขัน มองฉีเฟยอวิ๋นผู้ซึ่งไม่รู้หนาวรู้ร้อนปราดหนึ่ง
หนานกงเย่หมุยกายลงเขา ทว่าซูมู่หรงกับจวินโม่ซ่างไม่ไป ทั้งสองต่างฝ่ายต่างมีความคิดในหัวตัวเอง
หนานกงเย่มองไปยังทั้งสองคน “ข้าจะให้พวกเจ้าไป”
จวินโม่ซ่างเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “หนานกงเย่ ที่นี่คือถิ่นของข้านะ”
“หากเจ้าไม่ไป ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วโยนเจ้าลงไป”
จวินโม่ซ่างเลิกคิ้วพร้อมกับมองหน้าผากอันสูงชัน เขาคิดชั่งใจดูแล้วพลันรู้ว่าสู้หนานกงเย่ไม่ไหว
“ข้าลงไป เจ้าล่ะ?”
ซูมู่หรงไม่สบอารมณ์ “เจ้าไปก็ไปเองสิ ไยต้องพาข้าไปด้วย?”
จวินโม่ซ่างยิ้มทะลึ่ง “ข้าก็มารยาทเจ้าบ้านไง”
“เจ้าอย่ามายุ่งกับข้า” ซูมู่หรงยังคงไม่วางใจ ทว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานกงเย่ หากเฟิ่งอู๋ชิงร่วมมือกับเขาและจวินโม่ซ่างก็จะรับมือกับหนานกงเย่ได้อย่างไม่มีปัญหาอันใด
เฟิ่งอู๋ชิงมองพวกเขาปราดหนึ่ง “ลงไปเถอะ ฟังอวิ๋นอวิ๋นเถอะ”
เฟิ่งอู๋ชิงมองหนานกงเย่ปราดหนึ่ง ก่อนจะเดินนำลงเขา
ทันทีที่พวกเขาสี่คนลงไป เจ้าของร่างเดิมก็ประคองหนานกงเซวียนเหอนอนกับพื้น แล้วรอจนพวกเขาเดินไปไกล เจ้าของร่างเดิมจึงคว้ามีดออกมา ทว่ากลับรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าลงมือเฉือดข้อมือตัวเอง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายตลบ จากนั้นค่อยเอามีดเฉือดข้อมือ “ข้าทำเพื่อนาง”
ยามที่ฉีเฟยอวิ๋นสลบไสล ทว่าก็ยังเป็นห่วงเป็นใยหนานกงเซวียนเหอมาก เดิมทีเจ้าของร่างเดิมไม่อยากปรากฏโฉม ทว่าเมื่อสันนิษฐานเหตุการณ์เช่นนี้ได้จึงออกมาให้การช่วยเหลือ
หนานกงเซวียนเหอเห็นเลือดสดพลันรีบคว้าข้อมือฉีเฟยอวิ๋นมาทันควัน เมื่อสองมือของเขาจับข้อมือฉีเฟยอวิ๋นได้ก็เริ่มทำดูดกินในขณะที่ยังมีเลือดไหลพรูออกจากบาดแผล มีเลือดมากเท่าไหร่ เขาก็จะดูดมาให้หมดสิ้น
เจ้าของร่างเดิมตกใจจนอึ้ง พลางเบิ่งตาโต ทว่าเธอก็ยังคงเจืออารมณ์ลุกลนไว้เล็กน้อย เพราะฉากแบบนี้พึ่งจะมีเป็นครั้งแรก
หนานกงเซวียนดื่มไปได้สักพัก ร่างกายพลันฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆปล่อยมือฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็นอนเหม่อลอยอยู่บนพื้น
เจ้าของร่างเดิมรู้สึกเจ็บเจียมตาย เมื่อชักมือกลับมาพลันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออก จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดสะอ้านมาเช็ด และแล้วก็เห็นรอยแผลเริ่มหายดี
หนานกงเซวียนเหอลุกขึ้น พลางดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้าใกล้ “ข้าดูหน่อย”
เจ้าของร่างเดิมกระอักกระอ่วน “บุรุษกับสตรีไม่ควรสัมผัสกายกัน ท่านอย่าได้ดึงข้า ข้าช่วยท่านก็เพราะนาง ท่านรีบไปเถอะ มิฉะนั้นหนานกงเย่มาแล้วจะเอาชีวิตท่าน เขาเป็นคนโหดเหี้ยมมาก”
ลีลาการพูดจาของเจ้าของร่างเดิมกับฉีเฟยอวิ๋นนั้นแตกต่างกัน นางลั่นคำว่า โหดเหี้ยมเสียงลากยาวเชียว
หนานกงเซวียนทำหน้าประหลาดใจ จ้องฉีเฟยอวิ๋นอย่างฉงนสนเท่ห์ “เจ้ากระเง้ากระงอดเป็นด้วยหรือ”
เจ้าของร่างเดิมไม่สบอารมณ์ “ท่านนี้กระไรนะ มองดูเหมือนเป็นคนเอาการเอางาน ไยจึงเจ้าชู้ปานนี้?”
“เจ้าชู้หรือ” หนานกงเซวียนเหอรู้สึกตลกพลันหัวเราะเสียงดังกังวาน
เจ้าของร่างเดิมหงุดหงิด “ห้ามหัวเราะ หากหัวเราะอีกจะลากไปเฆี่ยนลงโทษ”
“เฆี่ยนลงโทษ?” หนานกงเซวียนเหอกลั้นเสียงหัวเราะ เลิกคิ้วมองฉีเฟยอวิ๋น เจ้าของร่างเดิมรู้ตัวว่าพูดไม่เข้าท่า ทำให้ใบหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน
“เสียแรงที่นางเห็นท่านเป็นสหาย แต่ท่านกลับเป็นคนฉวยโอกาสเช่นนี้ พอแล้ว ท่านจะไปหรือไม่ก็แล้วแต่ ท่านอยู่ที่นี่เุถอะ ข้าจะไปแล้ว”
เจ้าของร่างเดิมไม่อยากมองหนานกงเซวียนเหอ หมายจะเดินจากไป ทันใดนั้นหนานกงเซวียนเหอลุกขึ้นดึงเจ้าของร่างเดิมไว้ เมื่อนางหันกลับมา หนานกงเซวียนเหอก็คิดจะโอบกอดนาง ทว่านางรีบยกเท้าปล่อยลูกถีบออกไป อีกฝ่ายจึงต้องหลบหลีก ทว่ามือที่กำลังจับอยู่ถูกดึงจนเจ้าของร่างเดิมเกือบล้มตามน้ำหนักแรงไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว หนานกงเซวียนเหอเตรียมจะสวมกอด กระบี่ในมือหนานกงเย่ก็เล็งมาหาเขาในบัดดล “ปล่อยซะ”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกจู่โจมเข้าใส่ เจ้าของร่างเดิมรีบหันไปมองต้นเสียงเป็นคนแรก
หนานกเย่ใช้แรงแทงลำคอหนานกงเซวียนเหอเล็กน้อย ทำให้เริ่มมีเลือดซึมออกมาบ้างแล้ว
เขามองหนานกงเย่ ซึ่งยังคงไม่ยอมปล่อยมือ “ข้าจะเอานาง ข้ายินดีคุกเข่าให้ท่าน ข้าจะกลับไปกับท่าน ขอเพียงท่านให้ข้าอยู่ด้วย”
“ฝันลม ๆ แล้ง ๆ สตรีของหนานกงเย่อย่างข้า สิ้นชีพก็คือผีของข้า ถึงแม้ข้าต้องลงนรก นางก็ต้องติดตามไปด้วย”
หนานกงเย่ดันกระบี่เข้าไป ทว่าหนานกงเซวียนเหอหลบทัน ครั้งนี้จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
หนานกงเย่กล่าวว่า “ข้าจะปล่อยเจ้าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ แต่หากคราวหน้าข้าเจอเจ้า เจ้าย่อมต้องตายสถานเดียว”
สิ้นเสียง หนานกงเย่มองไปยังเจ้าของร่างเดิม “ไปได้หรือยัง?”
“ไปได้เพคะ”
เจ้าของร่างเดิมก็ไม่ชอบหนานกงเซวียนเหอ มองอย่างไรก็เป็นตัวเจ้าชู้อยู่ดี
เจ้าของร่างเดิมหมุนกาย หนานกงเย่ก็ตามลงเขาไปด้วย หนานกงเซวียนถามมาจากด้านหลัง “พวกเราจะมีโอกาสเจอหน้ากันหรือไม่?”
เจ้าของร่างเดิมตรึกตรองดูแล้วพลันหันไปมองหนานกงเซวียน ก่อนจะมองประเมินอีกฝ่าย แล้วพูดอย่างหวังดีว่า “ท่านตายใจเถอะ ในใจข้ามีแต่เขา ส่วนท่าน ข้าแค่เห็นว่าท่านกับเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือเหมือนกัน ถูกฝึกซ้อมเป็นเพชฌฆาต เข้าใจเพชฌฆาตไหม ความหมายก็คือให้เจ้าสังหารผู้ใดเจ้าก็ต้องทำตาม พูดตามตรงก็คือ พวกท่านเป็นเครื่องมือที่ไม่มีหัวใจ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
หัวใจข้ามีแต่เขาเท่านั้น เขาคือสามีข้า พวกเรามีบุตรด้วยกันแล้ว ท่านเป็นแค่เพื่อน เพื่อน
ท่านดูแลตัวเองดีๆ หากดีหน่อย ท่านก็สร้างรากฐานของตัวเองขึ้นมา วันใดวันหนึ่งจะได้เทียบเทียมกับเขาได้ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะข้านะ ท่านทำเพื่อวงศ์ตระกูลของท่านเอง
หากให้วงศ์ตระกูลเป็นที่ยอมรับ ท่านก็ต้องมีฝีมือ ถึงเวลานั้นท่านจะกลับไปก็ดี ไม่กลับก็ช่าง สรุปก็คือ ท่านต้องมีหน้ามีตา เข้าใจไหม?”
หนานกงเซวียนรู้สึกสงสัย ทว่าก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เห็นฉีเฟยอวิ๋นไปแล้ว หนานกงเซวียนหยิบเหรียญกษาปณ์ออกมามอง ไหนเลยเขาจะคิดเป็นเพื่อนกับนาง
ฉวนเอ๋อร์
เจ้าของร่างเดิมลงจากภูเขาในขณะที่จับแขนเสื้อของหนานกงเย่ หนานกงเย่ที่กำลังฉุนเฉียวไม่ได้แยแสนาง
เจ้าของร่างเดิมก็รู้ว่าหนานกงเย่โกรธ ทว่านางยังคงต้องพึ่งหนานกงเย่ หากไม่จับแขนเสื้ออีกฝ่าย นางก็จะเดินไม่เป็น เวลานี้นางจึงเดินไปพลาง อกสั่นขวัญแขวนไปพลาง
เจ้าของร่างเดิมนับว่าเป็นคนใจกล้า ทว่ายังไม่เคยปีนเขามาก่อน ดังนั้นเดินไปได้สองก้าวก็สะดุดล้ม ต้องกอดแขนหนานกงเย่อย่างไม่ยอมปล่อยมือ
“อวิ๋นอวิ๋น เจ้าจะนอนถึงเมื่อใด รีบฟื้นเถอะ” เจ้าของร่างเดิมตกใจสุดแสน
หนานกงเย่เบือนหน้าหนี พลางผลักนางออก
“เจ้าปล่อยข้า” หนานกงเย่ไม่อยากให้อีกฝ่ายแตะต้อง
เจ้าของร่างเดิมแต่ได้ปล่อยมือ ยามนี้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่สุด
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เพราะข้าอายุน้อยไม่รู้ความ ท่านช่วยข้าตอนเจอกันครั้งแรก ข้าจึงปักใจรักท่าน แต่อวิ๋นอวิ๋นไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ตอนนางมา ท่านเกือบสังหารนางทิ้ง แล้วนางชอบท่านได้อย่างไร ช่างเสียดายจริงๆ”
เจ้าของร่างเดิมทอดถอนใจ หนานกงเย่หยุดเดิน ใบหน้าหล่อเหลายามนี้เย็นยะเยือกมาก “เจ้าพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด”
“เช่นนั้นท่านไปเถอะ ข้าจะลงไปเอง”
เจ้าของร่างเดิมก้าวเท้า ทว่าไม่ระวังเกือบล้ม หนานกงเย่เห็นพลันรีบเข้ามาดึง ทำให้ทั้งสองกลิ้งตกลงไปด้วยกัน เขากลัวฉีเฟยอวิ๋นจะเจ็บ จึงกอดฉีเฟยอวิ๋นแน่นแนบและใช้ตัวบังร่างกายเธอไว้
หลังจากกลิ้งมาถึงด้านล่าง ร่างกายหนานกงเย่กระแทกกับต้นไม้จึงหยุดกลิ้ง