องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 813 ความโง่เขลาของเสี่ยวสวีจื่อ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 810 ความโง่เขลาของเสี่ยวสวีจื่อ
พระพันปีตรัสว่า “ท่านราชครูจวินเป็นคนมอบถุงหอมคล้องเอวให้กับข้า เช่นนั้นพระมเหสีสีถูกวางยาพิษได้อย่างไรกัน ยาพิษนี้ถูกเพียงครั้งเดียวหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ จะต้องเป็นคนใกล้ชิดที่ป้อนอาหารให้ทุกวัน ไม่เช่นนั้นฤทธิ์จะหายไปภายในสองวันนี่ไม่ยาพิษร้ายแรง เพียงแต่ต้องให้บ่อยๆ เท่านั้น”
พระพันปีถามหนานกงเย่ “คนของตำหนักหวาหยางล่ะ?”
“ลากออกไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หนานกงเย่กล่าวด้วยเสียงเรียบและไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดลงไป
พระพันปีถามฉีเฟยอวิ๋น “รักษาได้อย่างไรหรือ?”
“เพียงแค่ไม่ต้องให้ยา และกินยาปิดกั้นอย่างต่อเนื่อง พักฟื้นสักระยะก็สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้เล็กน้อย นานไปก็จะหายดีเองเพคะ”
“เช่นนั้นก็จัดยามาเถอะ”
พระพันปีรับสั่งออกไป ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมไปจัดเตรียมยาและพระมเหสีหวาพูดขึ้นมา “ไม่ต้องหรอก ในเมื่อสามารถค่อยๆ หายดีได้ เช่นนั้นข้าก็จะรอให้ค่อยๆ หายดีไปเอง”
“คนก็ตายไปแล้ว แต่เจ้ากลับมัวทำเช่นนี้ ยังไม่จบอีกหรือ!” สีหน้าของพระพันปีขุ่นเคืองอย่างมากด้วยความโกรธ
พระมเหสีหวาหันหลังกลับไป “ข้าไม่สน ข้าไม่รักษา ข้าจะเป็นเช่นนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว “พระมเหสี หากคิดถึงมากจริงๆ เพียงแค่นึกถึงอดีตจักรพรรดิในตอนกลางคืนก็สามารถฝันถึงได้ แต่ต้องนึกถึงอย่างไรนั้น มีคนเคยกล่าวไว้ว่า กลางวันนึกถึงใครกลางคืนก็จะฝันเห็นคนนั้น หากสามารถนึกย้อนเรื่องราวในอดีตได้ ตอนกลางคืนก็สามารถฝันถึงได้ แต่เช่นนั้นเป็นความฝันที่วิเศษ แต่หากถูกปิดกั้นด้วยยาละก็ ตอนเริ่มต้นอาจจะสวยงาม แต่หลังจากนั้นไม่นานพระมเหสีหวาจะสมาธิเลื่อนลอยจิตไม่สงบสุข และไม่สามารถแยกแยะความฝันกับความจริงได้ หลังจากนั้นความฝันนี้ก็จะกลายเป็นฝันร้าย
พระมเหสีเห็นฝันถึงอดีตจักรพรรดิในตอนที่ใบหน้าบูดเบี้ยวหรือไม่เพคะ?”
พระมเหสีมองออกไปและร้องไห้ออกมา จากนั้นจึงรีบเช็ด “เมื่อคืนข้าฝันว่าอดีตจักรพรรดิและข้าเดินเล่นด้วยกันอยู่ในสวนดอกไม้และมีลมพัดมา จู่ๆ เขาก็พลิกตัวเข้ามา หน้าตาเขาดูน่ากลัวและเขายังบีบคอของข้าด้วยมือทั้งสองจนเกือบทำให้ข้าต้องตาย โชคดีที่แม่นมเว่ยปลุกข้าไว้
แต่กลับกลายเป็นข้าบีบคอตัวเอง และเกือบจะบีบคอตัวเองตาย!”
พระพันปีมองออกไป “เหลวไหล ป่วยหนักเช่นนี้แล้วยังไม่ยอมรักษา หรือเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง?”
พระมเหสีหวารู้สึกลำบากใจและเช็ดน้ำตา “รักษาหายแล้ว อดีตจักรพรรดิก็จะดีหรือ?”
“แน่นอน!” ฉีเฟยอวิ๋นรับรองได้
“เช่นนั้นก็รักษาเถอะ” จากนั้นพระมเหสีหวาจึงยอมตกลง
ฉีเฟยอวิ๋นจัดยาและเรียกให้คนนำไปต้ม
เมื่อจัดการพระพันปีและพระมเหสีหวาเสร็จเรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นจึงไปหาหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ท่านฆ่าคนไปเยอะมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวฝ่าบาทลงโทษหรือเพคะ?”
“เจ้านายในวังหลวงเจ็บป่วย ฆ่าคนใช้ที่ไร้ประโยชน์ไปถือเป็นเรื่องสำคัญ คนรับใช้ชีวิตเหมือนผักเหมือนปลา อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่ใช่เพิ่งจะรู้เป็นครั้งแรก?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ฆ่าตายไปหมดแล้ว ก็ควร……”
“อวิ๋นอวิ๋น บางเรื่องไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้ เพียงคนเดียวไม่สามารถทำขึ้นมาได้” เมื่อหนานกงเย่พูดจบก็มองไปที่ไห่กงกง
“กงกง ทำไมถึงเปลี่ยนคนใกล้ชิดของฝ่าบาทและทั้งสองตำหนักไปเสียแล้วล่ะ?”
ไห่กงกงรีบตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตราประทับของฝ่าบาทหายไปหนึ่งอัน และส่งผลกระทบไปยังเสี่ยวสวีจื่อ
เสี่ยวสวีจื่อเป็นคนใกล้ชิดของฝ่าบาท อีกทั้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตำหนักเฉาเฟิ่งและตำหนักหวาหยาง ตำหนักจิ่นซิ่วต่างก็ได้รับผลกระทบและเปลี่ยนคนไปไม่น้อยเลยขอรับ”
“ใครเป็นคนทำคดีนี้?” หนานกงเย่ถาม
ไห่กงกงกล่าวว่า “เรื่องของวังหลวงตอนนี้ตกไปอยู่ในการดูแลของพระสนมเอกเซี่ยว พระนางเป็นคนจัดการเรื่องนี้ขอรับ”
“เสี่ยวสวีจื่อล่ะ?”
“กลายเป็นบ้าไปเสียแล้วขอรับ!”
ไห่กงกงลำบากใจ คนรับใช้ในวังก็เป็นเช่นนี้ไม่มีค่า เหมือนกับท่านอ๋องเย่ บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าทิ้ง
“ถูกฆ่า?”
“ไม่ใช่ขอรับ เสียสติไปและถูกคุมขังอยู่ที่คุก แต่ข้าน้อยได้ยินกงกงที่เฝ้าอยู่ที่นั่นบอกว่า เขาหิวเขาก็ดื่มน้ำปัสสาวะและอุจจาระตัวเองเข้าไปขอรับ!”
“……อาอวี่ เจ้ารีบไปดูเสี่ยวสวีจื่อ รักษาชีวิตของเขาให้ได้!”
อาอวี่หันหลังและเดินออกไป จากนั้นไห่กงกงก็มีปฏิกิริยาตอบรับ เสี่ยวสวีจื่อกำลังรอคอย!
ฉีเฟยอวิ๋นถาม “เป็นนางหรือ?”
“ไม่รู้” หนานกงเย่มองไปที่ไห่กงกง “กงกง รบกวนท่านไปเชิญท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนมาที่นี่ และเชิญราชครูจวินและเหล่ากั๋วกงมาด้วย”
“ขอรับ”
ไห่กงกงออกไปข้างนอก จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงไปเตรียมจัดยา
จักรพรรดิอวี้ตี้ได้ยินว่าฆ่าคนไปจำนวนไม่น้อย จากนั้นจึงพาพระสนมเอกเซียวไปเยี่ยมพระมเหสีหวาที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง
“ลุกขึ้นเถอะ” พระพันปีเรียกให้พระสนมเอกเซียวลุกขึ้น พระสนมเอกเซียวอุ้มองค์หญิงตัวน้อยเดินเข้าไป
พระพันปีตรัส “อย่าอุ้มเข้ามาเลย ข้าป่วยอยู่และพระมเหสีก็ถูกวางยาพิษ อย่าทำให้องค์หญิงเป็นอะไรไป”
“เพคะ” พระสนมเอกเซียวนั่งอยู่ข้างล่าง จักรพรรดิอวี้ตี้เดินเข้าไป
“เสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีขึ้นมากแล้ว”
“พระมเหสีล่ะ?”
“หม่อมฉันไม่เป็นอะไร ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วงเพคะ ฝ่าบาทไปนั่งก่อนเพคะ อย่าเข้ามา จะได้ไม่ส่งผ่านไปถึงองค์หญิงเพคะ”
“ข้าไม่เป็นอะไร” จักรพรรดิอวี้ตี้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเท่าไรนักและมองไปที่หนานกงเย่ “ข้าประมาทเกินไป!”
หนานกงเย่กล่าว “เรื่องนี้กระหม่อมจะตรวจสอบอย่างละเอียด ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คนในวังหลวง หากไม่ได้รับคำสั่งของข้า ห้ามไปไหนโดยพลการเด็ดขาด ฝ่าบาทและพระสนมเอกเซียวก็ห้ามไปไหนเช่นกัน”
“ข้ารู้แล้ว วันนี้ข้างนอกฟ้าร้องหนักมาก ข้ารู้สึกใจไม่ดีเลย”
“อืม”
ไห่กงกงกลับมา “ท่านอ๋องเย่ขอรับ ท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนมาถึงแล้วขอรับ”
“อืม”
ท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนเดินเข้ามาและคารวะ จากนั้นจึงเดินไปที่พระมเหสีหวา พระมเหสีหวาสั่งให้อวิ๋นหลัวฉวนนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอะไรขึ้น
อวิ๋นหลัวฉวนและท่านอ๋องตวนนั่งอยู่กับพระมเหสีทางนี้ หลังจากนั้นราชครูจวินและเหล่ากั๋วกงสองสามีภรรยาก็เข้ามา
ทั้งหมดต่างก็นั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นนำยามาให้พระมเหสีและพระพันปีดื่ม
“สั่งให้คนมาที่นี่และเปลี่ยนผ้าปู่ที่นอนใหม่ให้กับพระพันปี ส่วนตรงนี้ให้ส่งไปอีกฝั่งหนึ่ง รอให้ฝนหยุดก็ทำการเผาทิ้งได้” ฉีเฟยอวิ๋นสั่งออกไปและคนที่ตอบรับก็รีบไปจัดการทันที พระพันปีและพระมเหสีนั่งอยู่ที่เก้าอี้หงส์ตัวยาวอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งสองดื่มยาเข้าไปด้วยความขมขื่น
ทุกคนต่างมาพร้อมหน้าแล้ว คนสุดท้ายที่มาคือเสี่ยวสวีจื่อ แทบดูไม่ออกว่าเป็นเสี่ยวสวีจื่อ เขาผอมซูบจนเหลือแต่กระดูก ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น เมื่อเขาเข้ามาทุกคนก็เอามือปิดจมูก
“ข้าน้อยคารวะพระพันปี คารวะพระมเหสี คารวะฝ่าบาท ท่านอ๋องและพระชายาขอรับ” เสี่ยวสวีจื่อคุกเข่าลง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว “ข้างนอกฝนตกอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปล้างน้ำฝนเสียหน่อยเถอะ”
“ขอรับ”
เสี่ยวสวีจื่อร้องไห้ออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองอาอวี่ “อาอวี่ เจ้าไปช่วยเขาหน่อย และนำเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยนให้เขา”
“ขอรับ”
สีหน้าของจวินเซียวเซียวไม่ดีนัก และเอามือลูบลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเสี่ยวสวีจื่อเข้าประตูมาก็เห็นได้ว่าสะอาดสะอ้านขึ้นมาแล้ว ผมก็จัดการมาอย่างดีแล้ว
หนานกงเย่นั่งตรงข้ามกับท่านอ๋องตวนและยกน้ำชาขึ้นมาเป่า “สั่งคนมาที่นี่ ต้มน้ำขิงเข้ามาหน่อย”
ไห่กงกงรีบไปต้มน้ำขิง เสี่ยวสวีจื่อเช็ดน้ำตา “ข้าน้อยไม่ได้ขโมยตราประทับไป และก็ไม่รู้ว่าตราประทับมาอยู่ที่ข้าน้อย ข้าน้อยถูกใส่ร้าย ฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบอย่างละเอียด!”
“ครั้งที่แล้วข้าถามเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่พูด?” จักรพรรดิอวี้ตี้โกรธ
เสี่ยวสวีจื่อร้องไห้และกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะมีคนข่มขู่ข้าน้อย ข้าน้อยจึงต้องยอมรับสารภาพ หากข้าน้อยไม่ยอมรับก็จะฆ่าพ่อแม่ของข้าน้อยทิ้ง ข้าน้อยกลัวขอรับ!”
“ข้าเป็นพยานให้เจ้า เจ้าจะกลัวอะไร?” จักรพรรดิอวี้ตี้สีหน้าขุ่นเคืองอย่างมาก
ฮูหยินกั๋วกงกล่าวว่า “ฝ่าบาทอย่าทรงโมโหเลยเพคะ เสี่ยวสวีจื่อยังอายุน้อยไป ฝ่าบาทอย่าทรงโกรธเลยเพคะ”
จากนั้นจักรพรรดิอวี้ตี้จึงไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่พอใจและอารมณ์ไม่ดีนัก
เสี่ยวสวีจื่อร้องไห้ “ข้าน้อยไม่ได้ขโมยตราประทับ เสี่ยวกุ้ยจื่อพวกเขาก็ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับข้าน้อย พวกเขาต่างก็ถูกใส่ร้าย ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่ได้ขโมยไปจริงๆ ขอรับ!”
“เจ้าไม่ได้ขโมยไป ทำไมถึงมาอยู่ที่เจ้าได้?” จักรพรรดิอวี้โกรธเคืองอย่างมากจึงตะโกนออกมา!