องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 819 ไปหาแม่ทัพฉีบทที่ 816 ไปหาแม่ทัพฉี
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 816 ไปหาแม่ทัพฉี
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น “เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะไปดูท่านพ่อ เขาไปจัดการเรื่องของเฉินอวิ๋นเจี๋ยแล้ว คาดว่าน่าจะกลับมาแล้วล่ะ อย่าคิดอะไรมาก หากเจ้าเป็นอะไรไป ใครจะคอยช่วยข้า!”
อวิ๋นจิ่นถาม “ท่านแม่ทัพฉีชอบข้าด้วยความเต็มใจจริงหรือ?”
“ตอนนี้เขาชอบเจ้า แต่ดันเห็นเจ้าเป็นลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นนั้น ข้าจะไปถาม หากเขาไม่ชอบเจ้าจริงๆ และไม่ยอมสามารถยอมรับเจ้าได้ ข้าจะกลับมาบอกเจ้า
อวิ๋นจิ่น ทำไมเจ้าต้องเป็นเช่นนี้ด้วยนะ ก่อนหน้านี้ดูแลปรนนิบัติท่านพ่อของข้าอยู่ดีๆ ไม่ใช่หรือ กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรืออย่างไร?”
อวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “อดีตนั้นข้าเป็นเพียงคนใช้ แต่ตอนนี้ข้าได้แสดงความในใจออกไปชัดเจนแล้ว หากท่านแม่ทัพฉีไม่ยอมรับข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ข้าไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ ฉะนั้นจึงเหลือเพียงจากโลกนี้ไป”
“อวิ๋นจิ่น เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าไปถามดู”
ฉีเฟยอวิ๋นดูออกว่าอวิ๋นจิ่นไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว นางต้องการทำให้เรื่องนี้สำเร็จเป็นไปตามความต้องการของนาง
เมื่อออกไปนอกประตู ฉีเฟยอวิ๋นก็ถามพ่อบ้านว่าเห็นท่านพ่อของเธอกลับมาแล้วหรือยัง พ่อบ้านบอกว่ายังไม่เห็น จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงออกไปข้างนอก
เฟยอิงและอาอวี่ก็ติดตามออกมา ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปเห็นทั้งสองก็รู้สึกตกใจ
“อาอวี่ เจ้ากลับไปก่อน เฟยอิงไปกับข้าก็ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไปติดตามท่านอ๋องเหมือนกับก่อนหน้าที่ข้าจะเข้าไปอยู่ที่จวนท่านอ๋อง เจ้าก็ติดตามท่านอ๋อง”
อาอวี่สีหน้าไม่พอใจ “พระชายา ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้กับข้าน้อย ตอนที่ท่านไป อาซิ่วเก่งกว่าข้าน้อย ข้าน้อยต้องพยายามมากเพียงใดเพื่อจะเอาชนะอาซิ่วให้ได้ แต่วันนี้ท่านกลับไม่ต้องการข้าน้อยแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ?”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นทำตัวไม่ถูก อารมณ์ร้ายไม่เบาเลยนะ!
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะอ้าปากพูด หนานกงเย่เดินมาจากหน้าประตูออกมา “อาอวี่และเฟยอิงอยู่ที่นี่ ข้าไปเอง”
หนานกงเย่เตรียมเดินออกไป เฟยอิงเหลือบมองอาอวี่ด้วยความไม่พอใจนัก
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องจะพูดกับเฟยอิง ท่านอ๋องสามารถพาอาอวี่ไปพูดคุยหน่อยได้หรือไม่เพคะ”
“……”หนานกงเย่เหลือบมองอาอวี่ จากนั้นจึงพาเขาออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับและพาเฟยอิงไปที่จวนท่านแม่ทัพ ระหว่างทางฉีเฟยอวิ๋นถามเฟยอิง “เฟยอิง เจ้ารู้หรือไม่ทำไมข้าถึงให้เจ้ามาด้วย?”
“อามู่เป็นเพื่อนกับอาอวี่ และเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวอาอวี่ เพราะเหตุนี้หรือขอรับ?” เฟยอิงถามตรงไปตรงมา
ฉีเฟยอวิ๋นชอบความฉลาดของเฟยอิงมาก “เฟยอิง อามู่จากไปสองสามปีแล้ว อาอวี่ไม่ได้ข่าวคราวของอามู่ก็เป็นเช่นนั้นแล้ว หากบอกอาอวี่ว่าอามู่ตายไปแล้ว แถมยังถูกข้าฆ่าตาย เขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอย่างมาก และนิสัยของเขาก็อาจจะตายข้าได้”
“ข้าน้อยรู้แล้วขอรับ” เฟยอิงเคยพูดเรื่องนี้กับหนานกงเย่ เขาได้ออกคำสั่งไปแล้วว่าห้ามพูดเรื่องนี้ออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่คิดเช่นนั้น “ยังมีพ่อบ้านของจวนท่านอ๋องเย่ อามู่เป็นลูกชายของเขา”
“ข้าน้อยจะไม่พูดขอรับ” เฟยอิงพูดขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “เฟยอิง วันนี้ที่ข้ามาเจ้าออกมาก็เพื่อให้เจ้าคุ้นเคยกับเมืองหลวงที่นี่ ข้าได้บอกท่านอ๋องแล้วว่าจะให้เจ้าอยู่ที่นี่ หากเจ้าไม่ตกลง เจ้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้”
“เฟยอิงยินยอมที่จะอยู่ที่นี่ขอรับ”
“เฟยอิง เรือนจวินจื่อทางนั้นมีองค์รัชทายาทอยู่ เจ้ารู้ใช่ไหม?”
“ขอรับ มีเรื่องอะไร พระชายาพูดมาตามตรงได้เลยขอรับ”
“อืม เฟยอิง เรือนจวินจื่อทางนั้นพูดง่ายหน่อย แต่ตรงข้ามเรือนจวินจื่อนั้นคือเรือนหลินหลาง เตรียมไว้เพื่อจวิ้นจู่โดยเฉพาะ เสี่ยวเฉียวก็คือจวิ้นจู่ของเรือน ตอนนี้นางอายุห้าขวบ นางอยู่ในเรือนเพียงลำพังคนเดียวแน่นอนว่าไม่เหมาะสมและจำเป็นต้องมีคนคอยเฝ้าดูแล คนธรรมดานั้นข้าก็ไม่ไว้ใจ เดิมทีต้องการให้อาอวี่ไปที่นั่น แต่เขากลับเป็นคนขี้ตระหนกตกใจ หลายเดือนมานี้ก็ไม่มีวิธีทำให้รู้สึกวางใจได้เลย แต่สำหรับเจ้า ถึงแม้ว่านิสัยและอารมณ์จะดุร้ายเสียหน่อย แต่เจ้าก็เป็นคนช่างคิดและใจเย็น ฉะนั้นข้าจึงต้องการให้เจ้าไปเป็นองครักษ์คอยคุ้มครองเรือน และข้าจะจัดการให้คนอื่นไปที่นั่นด้วย
หากเจ้าตกลง เช่นนี้พรุ่งนี้ข้าก็จะจัดเตรียมการ!”
“เช่นนั้นพระชายาจัดการได้เลยขอรับ!”
“อืม”
เมื่อพูดเรื่องนี้จบ ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินมาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ เมื่อมาถึงฉีเฟยอวิ๋นก็ถามคนในจวนและบอกว่าแม่ทัพกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เมื่อเข้าประตูมา ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปหาแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ห้องฝึกซ้อม
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปถึงหน้าประตูและสั่งให้เฟยอิงรออยู่ตรงนั้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าไป
เมื่อแม่ทัพฉีเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกแปลกใจ “อวิ๋นอวิ๋น”
“ท่านพ่อ”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบผ้าเช็ดเหงื่อให้กับแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและรินน้ำชาดื่ม
แม่ทัพฉีมองออกไปและนึกถึงเรื่องของลูกสาว จากนั้นจึงเดินไปนั่งลง “เสี่ยวอวิ๋นเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ตอนนี้ยังอยู่ แต่การรับรู้อ่อนแอลงมาก คาดว่าจะต้องไปจริงๆ เสียแล้ว ท่านพ่อ หากท่านต้องการพบนาง ข้าสามารถ……”
“ไม่ต้องหรอก ต่อให้เจอก็ไม่สามารถยื้อนางไว้ได้ ชีวิตของนางเป็นเช่นนี้ ในเมื่อยังไม่ไป เช่นนั้นก็เป็นชะตากรรมของพวกเจ้า พ่อปล่อยวางลงแล้ว”
“อืม”
พ่อลูกเงียบกันไปครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านพ่อ วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อมาถามเรื่องท่านพ่อและจักรพรรดินี?”
แม่ทัพฉีสะดุ้งเล็กน้อยและจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่นาน “พ่อไม่มีอะไร ท่านแม่ของเจ้าและข้านับเป็นพ่อน้องกัน ตอนนั้นข้าเห็นว่าท่านแม่ของเจ้าน่าสงสาร ผู้หญิงคนเดียวเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด นางบอกว่าสามีของนางถูกฆ่าตายไปแล้ว ข้าไม่สามารถปล่อยนางไปโดยไม่ช่วยเหลืออะไรได้”
“เช่นนั้นทำไมท่านพ่อไม่แต่งงานล่ะเจ้าคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามด้วยความไม่เข้าใจ
แม่ทัพฉีวางผ้าเช็ดเหงื่อลงและเดินไปนั่งข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋น ฉีฟยอวิ๋นยื่นน้ำชาให้และแม่ทัพฉีก็รับมาและเป่า จากนั้นจึงวางลงข้างๆ
“พ่อรู้ว่าเจ้าอาจจะไม่เชื่อ พ่อได้เคยสัญญากับท่านแม่ของเจ้าว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี และพ่อก็ไม่มีเวลาและพ่อก็โกรธ
ตอนนั้นจักรพรรดิและพ่อเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ถึงแม้เราสองคนจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ในสายตาของพ่อนั้นเขาเปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆ
ตอนนั้นเขาตกหลุมรักฮองเฮาและพ่อก็รู้ พ่อรู้ว่าชีวิตนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้ เพราะในหัวใจของฮองเฮานั้นมีคนอื่น
พ่อไม่กลัวว่าเขาจะเสียใจ จึงตั้งใจพูดเรื่องนี้กับเขาโดยเฉพาะ เขาพูดกับพ่อว่า คนเราเกิดมาครั้งเดียวและมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อได้พบเจอกับหญิงสาวที่ชอบแล้วก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
พ่อก็เป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ และเชื่อคำที่เขาพูด
เมื่อไปพบองค์ใหญ่เข้า พ่อก็เกิดตกหลุมรัก
องค์หญิงใหญ่นับว่ามีความสวยงามมาก ตอนนั้นพ่ออายุยังน้อย เพียงแค่เห็นก็ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก
เรื่องนี้พ่อคิดว่าจะเหมือนกับจักรพรรดิจึงได้เล่าให้เขาฟัง ตอนนั้นเขาก็จ้องมองพ่อและเหงื่อไหลออกมา!
พ่องงไปหมดและไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
องค์หญิงใหญ่แสดงออกอย่างดีและท่าทางเป็นมิตรต่อพ่อในขณะที่อยู่ต่อหน้าอดีตจักรพรรดิ!”
“ท่านพ่อ นั่นไม่ใช่เป็นมิตร นั่นคือการแสดงออกถึงความรัก” ฉีเฟยอวิ๋นพูดหยอก
แม่ทัพฉีทำสีหน้าลำบากใจ “เป็นผู้หญิงห้ามพูดเรื่องรักๆ ใครๆ ”
“เจ้าค่ะ”
แม่ทัพฉีกล่าว “พ่อตื่นเต้นมากแต่ก็รู้สึกไม่เหมาะสม แต่พ่อก็ยอมรับ จากนั้นพ่อจึงตอบตกลง แต่จักรพรรดิไม่ยินยอม เขาสั่งให้พ่อไปออกรบเพื่อต้องการแยกพ่อกับองค์หญิงใหญ่ออกจากกัน และพ่อก็ไป หลังจากกลับมาก็พาท่านแม่ของเจ้ากลับมาด้วย และถูกต้อง องค์หญิงใหญ่ได้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว
พ่ออยากไปถามว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร แต่ท่านแม่ของเจ้าและเจ้าอยู่จึงไม่อาจอธิบายอะไรได้ชัดเจน
ฝ่าบาทตรัสว่า เพราะองค์หญิงใหญ่ตกหลุมรักคนอื่นไปแล้ว และพ่อก็เชื่อ
หลังจากนั้นได้เจอกันอยู่หลายครั้ง อันที่จริงในใจของพ่อก็ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไร เมื่อเห็นว่าองค์หญิงใหญ่มีความสุขกับชีวิตหลังแต่งงาน พ่อก็รู้สึกดีใจและยินดีด้วย
เพียงแต่พ่อไม่คาดมาก่อนเลยว่า องค์หญิงใหญ่จะถูกหลอก”
แม่ทัพฉีพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นถาม “ท่านพ่อ เช่นนั้นท่านรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?”
“สามีขององค์หญิงใหญ่เสียชีวิตไปเร็ว พ่อและเขาไม่เพียงเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาเป็นเพื่อนของพ่อ พ่อได้เคยไปร่วมพิธีงานศพและได้ฟังคนจำนวนไม่น้อยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขาพูดกระซิบลับหลังว่าองค์หญิงใหญ่มีดวงชะตาแข็งกว่าสามีหรือเรียกว่าดวงกินผัว พ่อไปข้างนอกและได้ข่าวว่าตายแล้ว และตอนนี้สามีของนางตายไป
พ่อรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ใช่เพียงเท่านั้น”