องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 826 ท่านอ๋องเปิดเผยและเที่ยงตรงหรือไม่
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 826 ท่านอ๋องเปิดเผยและเที่ยงตรงหรือไม่
หากว่าไม่ใช่ว่าตั้งแต่เล็กลูกชายคนอื่นๆก็ยอมเจ้าห้า ปกป้องเจ้าห้าดวยความรักทะนุถนอม อย่างนั้นก็ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอกังวลใจแล้ว คิดอย่างนี้ ฉีเฟยอวิ๋นเลยมองลูกๆด้วยความห่อเหี่ยวใจ
“นิสัยของน้องชายเจ้าดุเดือดรีบร้อน พวกเจ้าจะต้องปกป้องเขา แม่ค่อนข้างลำเอียง มักคิดว่าเจ้าห้าคือน้องชาย เพราะฉะนั้นจะอ่อนแอกว่าพวกเจ้า พวกเจ้าเป็นพี่ชาย โตแล้วจะต้องช่วยเหลือประคับประคอง รักทะนุถนอมน้องมากๆนะ
เมื่อครู่แม่อุ้มเจ้าห้ากลับมา เพียงแค่พูดเขาสุขภาพแข็งแรง เขาก็ไม่มีความสุขแล้ว
แม่รู้ว่าพวกเจ้ารู้เรื่องรู้ความ พวกเจ้าอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าห้านะ ต้องรักทะนุถนอมน้อง รู้ไหม?”
“อืม”
เหล่าพี่ชายต่างตอบเป็นเสียงพร้อมเพรียงกัน ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้วางใจ
หนานกงเย่มองแล้วก็รู้สึกตลก ถึงได้กล่าวว่า“เจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวที่จะถูกประนามจากจิตใจที่รู้จักบาปบุญคุณโทษของเจ้าหรือ?ล้วนเป็นเจ้าที่ให้กำเนิด อย่างไรจะต้องรักทะนุถนอม อนาคตจะต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทำความผิดจะต้องมีการลงโทษ ทำเรื่องดีจะต้องชื่นชม นี่ถึงเป็นหลักพื้นฐาน
เจ้าทำเช่นนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรือ…..”
ไม่รอให้หนานกงเย่พูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกขึ้นยืน กล่าวว่า“วันนี้ยังมีเรื่องมีราวมากมายที่ต้องไปจัดการ พวกเราออกไปก่อน อย่ารบกวนการพักผ่อนของพวกเขา เสี่ยวเฉียว อามู่ พวกเจ้าอยู่ดูแลพวกเขา หากไม่เชื่อฟังก็สั่งสอนพวกเขาได้เลย”
กล่าวพูดจบฉีเฟยอวิ๋นก็เดินออกไป ความกังวลของวินาทีก่อนหน้าก็หายไป แทนที่ด้วยความแน่วแน่ของวินาทีถัดมา
หนานกงเย่จำใจต้องลุกขึ้นตามฉีเฟยอวิ๋นออกไป
ประตูปิดลงทั้งสองเดินออกมาไกลแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กล่าวว่า“ในอนาคตเมื่อเจ้าห้ามีอำนาจ เขาจะไม่ปฏิบัติทำตัวไม่ดีต่อพี่ชาย บางทีเหล่าพี่ชายอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ทำได้เพียงมีส่งกำลังมีจิตใจที่ดี เจ้าห้าก็จะต้องรู้เพคะ”
“เจ้านี่คิดเยอะเสียจริง หากพวกเขาพี่น้องมีใจ จะต้องเป็นทิศทางที่ดี ไม่ต้องให้เจ้ามากังวลใจเรื่องไร้สาระหรอก”หนานกงเย่รู้สึกว่าเหล่าลูกๆจะเข้ากันได้ดีหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างกายมาช่วยหรอก แน่นอนว่าเด็กๆรู้ หากว่ายุ่งมาก กลับจะทำให้เป็นเรื่องที่ไม่ดี
แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่คิดอย่างนั้น
มองหนานกงเย่แล้วกล่าวว่า“พวกเขายังเป็นเด็กอยู่ หากไม่สอนตั้งแต่ตอนนี้ รอพวกเขาเติบโต อาจจะมีปัญหาได้นะเพคะ แล้วพวกเขาก็จะเกิดการต่อต้าน และมันจะกลายเป็นศัตรูกันนะเพคะ
ตอนนี้หม่อมฉันบอกพวกเขา คือต้องการให้พวกเขาคุ้นชิน อย่างไรก็ต้องดีกว่าท่านอ๋องที่เป็นอย่างนี้ มีพี่ชายสองคน ใครก็ไม่ประคับประคองท่านอ๋องเย่เลย ตรงที่แจ้งเห็นท่านอ๋องเป็นน้องชาย ความเป็นจริงคือคิดถึงแต่ตัวเองกัน”
หนานกงเย่ถูกฉีเฟยอวิ๋นพูดจนขายหน้า ยิ่งมองฉีเฟยอวิ๋นยิ่งรู้สึกขัดตา กล่าวว่า“เป็นคนจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีและไว้หน้าผู้อื่น อวิ๋นอวิ๋นฉีกหน้าข้าโดยเฉพาะเลย!”
“อืม”ฉีเฟยอวิ๋นยอมรับอย่างหน้าตาเฉย และหนานกงเย่ผู้โกรธเคืองก็หยุดที่จะโต้เถียง แต่เวลานี้ได้เดินมาถึงห้องที่เป็นที่จัดเก็บของเหล่าคนที่ตายไปแล้วของจวนอ๋องเย่ แม่เฒ่าโฮ่วโฮ่วเซิงล้วนอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะโฮ่วเซิง ร้องไห้อยากหนักหน่วง เขาทั้งคว้าดินและล้มลงกับพื้น การตายของสวีกงกงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับโฮ่วเซิงมาก เป็นการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ในสายตาของโฮ่วเซิง สวีกงกงเป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นไปคุยกับโฮ่วเซิง พูดคุยชี้แจงอยู่ไม่กี่ประโยค จากนั้นเดินไปดูเถ้ากระดูกของสวีกงกง แล้วอุ้มออกมา
“เจ้าเอาให้อาอวี่อุ้มก็ได้”แม้จะเป็นเถ้ากระดูกของสวีกงกง แต่สุดท้ายเป็นของคนตาย หนานกงเย่เลยยังต้องหลีกหลบเลี่ยงสักหน่อย
อาอวี่เดินมาด้านหน้าฉีเฟยอวิ๋นเลยมอบแก่อาอวี่ สั่งกำชับว่าต้องระวังเสร็จ เธอถึงได้สาวเท้าเดินออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นเคยสัญญากับสวีกงกง ว่าจะเอาเขาไปฝังร่วมกับป้าซี เพราะฉะนั้นถึงต้องไปประกอบพิธีฝังศพของสวีกงกงด้วย
โฮ่วเซิงเห็นเถ้ากระดูกของสวีกงกงถูกพาออกไป ก็เลยเดินตาม เขาดูแข็งแรง เลยเหมือนชายร่างใหญ่ที่ตามหลังฉีเฟยอวิ๋น
อาอวี่กล่าวว่า“เจ้ากลับไปก่อน ไม่สามารถพาเจ้าไปด้วยได้”
แม่เฒ่าโฮ่วเลยไกล่เกลี่ย แต่โฮ่วเซิงไม่ยอม
ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นกังวลว่าจะทำอย่างไร เสี่ยวเฉียวจึงเดินจากประตูเข้ามา พอมองเห็นฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบไปหาเธอ กล่าวว่า“ท่านแม่ เจ้าห้าบอกให้ข้ามา”
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ เพราะเจ้าห้าไม่ชอบพูดจา เขามีเรื่องอันใด?
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
“อืม เจ้าห้ากล่าวว่า ต้องการให้โฮ่วเซิงไปผ่าฟืนในเรือน!”
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองไปทางโฮ่วเซิง โฮ่วเซิงจำใจพยักหน้า กล่าวว่า”กระหม่อมจะผ่าฟืนนะพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบโฮ่วเซิงก็วิ่งไป ฉีเฟยอวิ๋นหันมองโฮ่วเซิงรู้สึกว่ามันตลกมาก
“เหตุใดโฮ่วเซิงถึงได้เชื่อฟังเจ้าห้านัก?”
มองภาพแผ่นหลังที่ว่างจากไปของโฮ่วเซิง ฉีเฟยอวิ๋นก็มีความรู้สึกแปลกใจ
เสี่ยวเฉียวกล่าวว่า“โฮ่วเซิงเชื่อฟังคำพูดของเจ้าห้ามาโดยตลอด ไม่รู้ว่าทำไม แต่โฮ่วเซิงเชื่อฟังตั้งแต่ตอนที่แม่ไปแล้วนะ จำได้ว่าวันหนึ่งด้านนอกมีฝนตกหนักมาก ไม่รู้ว่าโฮ่วเซิงฝันถึงอะไร วิ่งออกไปแล้วตะโกนร้องลั่น เขายังร้องไห้ด้วย
แม่เฒ่าโฮ่วดึงเขาไว้ไม่อยู่ ต่อมาแม่เฒ่าโฮ่วอยากจะเรียกคนมามัดโฮ่วเซิง เกรงว่าโฮ่วเซิงจะเป็นอะไรไป
แต่โฮ่วเซิงแรงเยอะมาก กดอย่างไรก็ไม่อยู่ แทบจะชนท่านอ๋องตวนอยู่แล้ว ตอนที่อ๋องตวนจับโฮ่วเซิงไว้ต้องการสังหาร เจ้าเสือน้อยก็ผลักประตูออกมาจากห้องด้านใน เจ้าห้าขี่เสือไปดูโฮ่วเซิงไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่โฮ่วเซิงเห็นเจ้าห้าแล้วเลยไม่ร้องไห้โวยวาย กลับยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ด้านหนึ่งหลังจากนั้นเจ้าห้าเรียกโฮ่วเซิงทำอะไร เขาก็ทำจนหมด”
ฟังแล้วค่อนข้างแปลกประหลาด บนโลกนี้ยังมีเรื่องราวที่แปลกเช่นนี้
“แม่รู้แล้ว กลับไปดูเจ้าห้าเถิด”ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวที่จะออกไป เสี่ยวเฉียวมองเถ้ากระดูกในมือของอาอวี่ แล้วเดินไป
“ท่านปู่สวี ท่านเป็นคนดี คนดีมาที่โลกนี้จะต้องมีสถานที่ที่ไปดีในชาติหน้า ชาติหน้าท่านจะสมปรารถนาได้พบเจอกับป้าซี”
เสี่ยวเฉียวกล่าวจบเลยถอยไปอีกด้าน ฉีเฟยอวิ๋นลูบสัมผัสเสี่ยวเฉียวถึงได้ออกไป
หลังจากที่ทำพิธีฝังศพสวีกงกงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้นำเถ้ากระดูกของเสี่ยวสวีจื่อวางลงด้วย ทำความเคารพเสร็จจึงพากันกลับไป
ตอนลงเขาฉีเฟยอวิ๋นถามว่า“ท่านอ๋อง ไม่อยู่หลายเดือน สถานพยาบาลกับยาไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หม่อมฉันอยากจะไปดูสถานพยาบาลและยาเหล่านั้นเพคะ หม่อมฉันอยากเปิดเส้นทางการค้า เอายามาใช้ที่ต้าเหลียงโดยเฉพาะเพคะ”
หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ออกไปแล้วถึงได้รู้ ว่าต้าเหลียงไม่ใช่ยากจนธรรมดา และมีเหตุผลว่าทำไมข้าถึงรักเงินมาก”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงตั๋วเงินเหล่านั้น เลยกล่าวว่า“ตัวเงินเหล่านั้นถูกหม่อมฉันเก็บซ่อนไว้ในถ้ำ มีเวลาท่านอ๋องก็เอาออกมาเถิดเพคะ”
“ข้าไม่ต้องการตั๋วเงิน ตั๋วเงินมันค่อยๆหาได้ แต่อย่างอื่นไม่ได้”หนานกงเย่ดึงมือฉีเฟยอวิ๋นไป กอบกุมไว้แล้วนิ่งอึมครึมอยู่ชั่วขณะ
ฉีเฟยอวิ๋นก้มศีรษะลงมอง แสดงสีหน้าที่แปลกใจกล่าวว่า“เหตุใดมันถึงคล้ายกับว่าท่านอ๋องมีเรื่องหนักใจเพคะ?”
“เมื่อก่อนข้าอยากมีลูกสาว และคาดหวังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ไม่อยากแล้ว กลัวว่านางจะมา!ตอนนี้ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ไม่รู้ว่าทำเรื่องเลวทรามอะไร ทำผิดล่วงเกินผู้หญิง!”
หนานกงเย่ไม่มีความสุข
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้ล่วงเกินหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นรู้เข้าใจตั้งนานแล้ว รู้สึกว่าหนานกงเย่เป็นคนโง่คนหนึ่ง เรื่องเด่นชัดขนาดนี้ยังไม่เข้าใจ
หนานกงเย่มือค่อนข้างหนัก มองฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่เข้าใจ กล่าวว่า“อวิ๋นอวิ๋นพูดอะไร?”
“หรือว่าชาตินี้ท่านอ๋องไม่เคยทำเรื่องที่ผิดบาปหรือเพคะ หรือว่าชาตินี้ล้วนทำอย่างเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่หรอกมั้ง?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างตลกขบขัน