องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 827 ผมขาวเต็มศีรษะ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 827 ผมขาวเต็มศีรษะ
“เฮอะ แม้ว่าข้าจะฆ่าคนไปนับไม่ถ้วน แต่ข้าก็แยกแยะความโกรธเกลียดได้ หากไม่ใช่เป็นการทรยศหักหลังหรือทำผิดร้ายแรง ข้าก็ไม่ฆ่าใครอย่างไม่เลือกหน้าหรอก”
“นั่นก็ไม่เสมอไป ท่านอ๋องไม่ได้เป็นคนฆ่าเจ้าของร่างเดิมหรอกเหรอ?”
“เพราะนาง?” หนานกงเย่สะดุดจนเกือบจะล้ม เขาวางฉีเฟยอวิ๋นลงระหว่างทางและยืนนิ่ง อาอวี่รีบวิ่งตามมา เมื่อหยุดลงก็ถูกหนานกงเย่ด่าอยู่ครู่หนึ่ง
“รีบตามข้ามาทำไม เจ้าไม่เฝ้าดูแลพระชายาหรือ!” หนานกงเย่ด่าจบก็เดินไปหาฉีเฟยอวิ๋นและจ้องมองเธอด้วยความเป็นกังวล
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่กำลังคิดอะไร แต่ก็พูดขึ้นมาด้วยความใจเย็น “หากเป็นนางจริง ท่านและหม่อมฉันก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน ตอนนั้นท่านอ๋องฆ่านาง แต่ตอนนี้นางกลับมาเกิดเป็นลูกสาวของท่านอ๋อง นับว่าเป็นความเมตตาเพคะ”
หนานกงเย่ขมวดคิ้ว “เฮอะ ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก ใครจะไปรู้ว่าเป็นนาง?”
หนานกงเย่หันกลับและเดินลงจากภูเขา ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามเขาข้างหลังเขาก็ไม่สนใจ ฉีเฟยอวิ๋นเดินลงจากภูเขามาพร้อมกับอาอวี่ด้วยความไม่รีบไม่ร้อน
เมื่อเดินลงมาถึงก็กลับพบเพียงแค่เฟยอิงคนเดียว
ฉีเฟยอวิ๋นถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”
“ท่านอ๋องกลับไปก่อนแล้วขอรับ และไม่บอกว่าไปที่ไหนขอรับ” เฟยอิงตอบตามความเป็นจริง
ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้า เฟยอิงและอาอวี่ติดตามนางไปที่เรือนพยาบาล ตอนนี้เรือนพยาบาลได้ถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว การตกแต่งภายในนั้นได้จัดแต่งตามภาพวาดที่ฉีเฟยอวิ๋นออกแบบไว้ ภายในห้องมีลักษณะเหมือนกับโรงพยาบาลในสมัยปัจจุบัน และยังมีตู้เก็บของและชั้นวางของ
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบเสร็จ จากนั้นจึงเดินทางกลับ
ฉีเฟยอวิ๋นพบเจอทังเหอบนภูเขา ทังเหอมีผิวคล้ำขึ้นและเมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ลำบากหน่อยนะคุณชายทัง” ฉีเฟยอวิ๋นโค้งคำนับให้กับทังเหอ ทังเหอรีบประคองฉีเฟยอวิ๋นขึ้น
“พระชายา พระชายาไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกขอรับ” สีหน้าของทังเหอเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ฉีเฟยอวิ๋นมองดูสมุนไพรบางชนิดที่กลายเป็นกองหญ้า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับตากแห้งบนภูเขา และสมุนไพรทุกชนิดมีความแบ่งแยกเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างชัดเจน
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปในเรือน นอกตัวเรือนมีตะแกรงสำหรับตากแห้งต่างๆ มากมาย เมื่อเข้าไปข้างในก็เป็นที่ที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ “หากกลับมาเร็วกว่านี้ ข้าก็ยังจัดการได้นิดหน่อย ระหว่างทางที่กลับมาก็เป็นกังวลอย่างมาก ส่วนตอนนี้ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกแล้ว มีคุณชายทังอยู่ เรื่องทั้งหมดก็สามารถแก้ไขจัดการได้”
“พระชายาพูดเกินไปแล้วขอรับ ทั้งหมดนี้ก็ทำตามที่ท่านอ๋องได้สั่งการไว้ ข้าน้อยคิดว่าเป็นความคิดของพระชายาขอรับ”
ฉีเฟยอวิ๋นทำสีหน้าแปลกใจ “ความต้องการของท่านอ๋อง?”
“ขอรับ สามเดือนมานี้ ท่านอ๋องมักจะถามไถ่ข่าวคราวจากที่นี่ทุกครึ่งเดือน รวมไปถึงเรื่องในวังและเรื่องทั่วไปตามท้องถนนขอรับ
ท่านอ๋องเป็นผู้จัดการวางแผนสมุนไพรยาของพวกเราที่นี่อย่างเป็นระเบียบเคร่งครัด ข้าน้อยจะคอยจดบันทึกเรื่องราวของที่นี่ในแต่ละวัน หลังจากนั้นจะส่งให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เขาจะส่งข่าวออกไป ภายในสามวัน ท่านอ๋องก็จะส่งแบบแผนตอบกลับมา เหล่านี้เป็นการสนับสนุนการทำงานที่นี่มาโดยตลอดขอรับ”
“โรงเรียนพยาบาลและเรือนพยาบาลล่ะ?” ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกว่าไม่อาจดูถูกความสามารถของหนานกงเย่ได้อีก พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หากบางว่าแค่บางครั้งก็ยังพอฟังได้ แต่ตอนนี้คือทุกสามวันจะต้องมีแบบแผนออกมา เช่นนี้ก็ทำได้ยากมาก
ในระหว่างทางที่เดินทางไปปีกใต้ก็ได้ถูกซุ่มโจมตี
หนานกงเย่ทำได้อย่างไรกันนะ?
ทังเหอกล่าวว่า “โรงพยาบาลและเรือนก็เช่นกันขอรับ”
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจดูก่อนจะจากไป ฉีเฟยอวิ๋นกลับมา ทังเหอจึงรู้สึกถอนหายใจ จากนั้นจึงกลับจวนท่านอ๋องเย่ไปพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋น
ขณะนี้ฟ้ามืดลงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ไปที่ไหนเลยและตรงไปที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้เพื่อพักผ่อน
หนานกงเย่กลับมาถึงตอนดึก เมื่อเห็นหนานกงเย่ อาอวี่ก็รีบเดินเข้ามา “ท่านอ๋อง พระชายาไม่ได้ทานอาหารค่ำขอรับ”
หนานกงเย่หยุดลง “ทำไมหรือ?”
เขาออกไปเที่ยวเล่น เธอจึงโกรธงอนหรือโมโห?
หนานกงเย่มีความกังวลเล็กน้อยและรู้สึกไม่ควรปล่อยฉีเฟยอวิ๋นไว้คนเดียวแล้วไปเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงว่าเจ้าของร่างเดิมจะมาเป็นลูกสาวของเขา เขาก็รู้สึกเครียดปวดหัว แต่ใช้เวลาคิดมาตลอดช่วงบ่าย มานึกดูตอนนี้ก็ไม่เห็นมีอะไร เพราะเช่นนั้นก็นับว่าดี
อาอวี่ส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ ตอนบ่ายไปดูตัวยาสมุนไพรและกลับมาก็ไม่ได้ไปไหน จากนั้นก็เข้าไปพักผ่อนขอรับ”
หนานกงเย่โบกมือให้อาอวี่ไปพักผ่อน จากนั้นจึงก้าวเท้ากลับห้อง
ฉีเฟยอวิ๋นได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จนานแล้วและนอนอยู่ข้างใน ดวงตาที่เปล่งประกายกำลังมองไปที่ใดที่หนึ่งอย่างเหม่อลอยโดยไม่รู้ว่าหนานกงเย่เดินเข้ามาถึงข้างลำตัวของฉีเฟยอวิ๋นเสียแล้ว
“เรื่องวันนี้ข้ารู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย ไม่ได้ทำเพื่อโกรธโมโหเลยสักนิด!”
ฉีเฟยอวิ๋นมีสติกลับมาและหนานกงเย่ก็ได้นั่งลงข้างเธอแล้วและพูดด้วยความรู้สึกผิด
ฉีเฟยอวิ๋นขยับตัวเข้าไปข้างใน “ท่านอ๋อง เดิมทีหม่อมฉันต้องการให้ท่านอ๋องหาช่องทางการค้าขายยาสมุนไพรให้หม่อมฉันและคิดว่าท่านอ๋องต้องมีวิธีแน่นอน เพราะท่านอ๋องเป็นคนมีความสามารถในทุกๆ ด้าน
แต่หม่อมฉันคิดว่า ขั้นตอนนี้อยู่ในแผนการของหม่อมฉันแล้ว หากหม่อมฉันไม่ดำเนินการด้วยตัวเอง อนาคตคงต้องเสียใจอย่างมาก และในใจของหม่อมฉันก็คงรู้สึกไม่ดี
ฉะนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไป หม่อมฉันจะเป็นคนจัดการเรือนพยาบาลและโรงเรียนพยาบาลเองทั้งหมด ส่วนเรื่องยาสมุนไพรก็ไม่คิดจะขายออกไปที่อื่นแล้ว แต่จะเป็นไว้ใช้งานเอง หม่อมฉันเชื่อว่าเมื่อเมืองต้าเหลียงเปิดโรงเรียนพยาบาลขึ้นแล้ว ไม่เกินสิบปีจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกทิศ ถึงตอนนั้นเมืองต้าเหลียงของเราก็จะร่ำรวยขึ้นเพคะ
ตอนนี้ท่านอ๋องต้องสร้างโรงงานผลิตยาสมุนไพรขึ้นมา เรื่องเงินตำลึงนั้นไม่เป็นปัญหา ให้นำเงินตำลึงก่อนหน้านี้มาใช้ก่อน โชคดีที่เราใช้แรงงานคนในการเก็บสมุนไพรและผลิต จึงทำให้ลดมลพิษได้ส่วนหนึ่ง
หม่อมฉันจะจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการจัดการเรือนยาในการเตรียมการและการอบทั้งหมดไว้ด้วยเช่นกันเพคะ……”
“ข้าไม่อยากฟังเรื่องเหล่านี้ ดูเหมือนอีกไม่นานอวิ๋นอวิ๋นก็จะจากข้าไปแล้ว” จู่ๆ หนานกงเย่ก็ขัดจังหวะฉีเฟยอวิ๋น เขาหันหน้าออกไปด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ลุกขึ้นมา เพียงแึ่ดึงผ้าห่มขึ้นมา
หนานกงเย่รออยู่นาน เมื่อหันกลับไปก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นนอนอยู่ข้างใน เมื่อหรี่ตามองก็เห็นเธอหลับไปแล้วเหมือนลูกแมวน้อย
ไม่มองก็ไม่เป็นไร แต่มองแล้วก็รู้สึกโกรธ
“ช่างไม่มีน้ำใจ!” หนานกงเย่กัดฟันกรอดและปลดชุดนอกออก จากนั้นก็ขึ้นเตียงไป
ฉีเฟยอวิ๋นกอดหนานกงเย่ด้วยความเพลิดเพลิน
หลังจากทำอะไรกันอยู่นาน หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นแน่น “ทำไมถึงไม่พูดล่ะ?”
“ท่านอ๋องรู้อยู่แก่ใจดี ยังไม่ถึงตอนจบใครก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องจะพูดอีกทำไมหรือเพคะ?”
“……” หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นแน่นขึ้น และแทบไม่ได้นอนทั้งคืน
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉีเฟยอวิ๋นไปจัดการเรื่องเรือนพยาบาลในตอนเช้า ส่วนหนานกงเย่เข้าวังไป
ทั้งสองต่างมีแผนการของตัวเอง และต่างมีความคิดของตัวเอง
ส่วนเรื่องในจวนนั้นเป็นหน้าที่ของอวิ๋นจิ่นในการจัดการดูแล ส่วนเฟิงไป่ซูและซูอู๋ซินนั้นมีแม่ทัพฉีเป็นผู้ให้การต้อนรับ
เดิมทีราชครูจวินก็อยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่จนคุ้นชินแล้ว เดิมทีก็คิดว่าไม่มีใครสนใจจึงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดินีแค้วนเฟิ่งและจักรพรรดิปีกใต้ องค์รัชทายาทปีกใต้ต่างก็มาอยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่ เขาที่เป็นแค่ราชครูในราชสำนัก จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่อีกต่อไปและจึงกลับไปก่อน
ครั้งนี้ฮูหยินรองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงแม้จะไม่อยากออกไปจากจวนท่านอ๋องเย่ก็ตาม แต่จวนท่านอ๋องเย่มีแขกมา นางจึงไม่กล้ารบกวนอีก
ฮูหยินรองเก็บของ จากนั้นจึงเดินทางออกไปพร้อมราชครู
เมื่อขึ้นไปบนรถม้า ฮูหยินรองไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองประตูใหญ่หน้าจวนท่านอ๋องเย่ แต่ตอนนี้ราชครูจวินกลับรู้สึกข้องใจเล็กน้อย และจับมือของฮูหยินรอง “เจ้าไม่มีความสุขหรือ?”
ฮูหยินรองก้มหน้าเหลือบมองมือและต้องการจะดึงออก แต่ราชครูจวินกลับพูดขึ้นว่า “ข้าไม่กลัว เจ้าจะกลัวอะไร?”
ฮูหยินรองไม่พูดอะไรและหันหน้าไปทางอื่น จากนั้นก็นึกถึงเรื่องรบางเรื่องในครั้งยังเป็นวัยรุ่น และดูเหมือนจะนึกถึงเรื่องราวหลายๆ เรื่องเมื่อหลายปีก่อน
ไม่คิดเลยว่า เพียงชั่วพริบตาเดียวผมขาวก็เต็มศีรษะแล้ว