องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 829 ใครคือมือสังหาร
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 829 ใครคือมือสังหาร
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” สีหน้าของพระพันปีดูไม่ค่อยดีนัก ไห่กงกงไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินใจ เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเช่นกัน
“ไปตามอ๋องเย่มา ข้าต้องการรู้เรื่องนี้ แล้วก็ฝ่าบาทด้วย” พระพันปีหันกลับไป สีหน้าของไห่กงกงดูลำบากใจ
“พระพันปี น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ หากพระพันปีทรงตรัสถาม เกรงว่าท่านอ๋องเย่จะซักไซ้ไล่เลียงว่าใครพูดบ่าว……”
“เหลวไหล เขาซักไซ้ไล่เลียง เจ้าก็กลัวเขาแล้ว ข้าอยู่ที่นี่ เขาจะกล้าสักเพียงใด?”
“พระพันปี หากท่านอ๋องเย่ทรงไร้เหตุผล เช่นนั้นบ่าวก็รับไม่ไหว” ไห่กงกงเกือบจะคุกเข่าลง พระพันปีมองอย่างเย็นชา ช่างไร้ประโยชน์เสียริง
“ช่างเถอะ รอดูไปก่อน”
วันนี้หนานกงเย่ยุ่งมาก ไม่รู้ว่าหาอะไร และแทบจะพลิกพระราชวังเพื่อค้นหา
ด้านของจวินเซียวเซียวก็แปลกใจเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว แต่หนานกงเย่ยังคงค้นหาไม่หยุด ไม่รู้ว่าเขากำลังหาอะไรกันแน่
เมื่อจักรพรรดิอวี้ตี้ไม่อยู่ องค์หญิงกู้กั๋วก็ร้องไห้ไม่หยุด นางกำนัลรีบอุ้มนางไปเกลี้ยกล่อม นางร้องไห้จนจวินเซียวเซียวฉุนเฉียว
“ทำให้นางหุบปากเดี๋ยวนี้!” จวินเซียวเซียวพูดด้วยความโมโห
นางกำนัลตกใจมาก จึงรีบคุกเข่าลงในขณะที่อุ้มเด็กไว้:“พระสนมเอกโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
จวินเซียวเซียวเหลือบมองนางกำนัลที่อยู่บนพื้นและโบกมือ:“อุ้มองค์หญิงออกไปเดินเล่นข้างนอก บางทีนางอาจจะคิดถึงฝ่าบาท”
นางกำนัลรีบอุ้มองค์หญิงกู้กั๋วออกไป จวินเซียวเซียวกระวนกระวายใจ และคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก
หลังจากที่นางกำนัลออกไปแล้ว จวินเซียวเซียวก็ลุกขึ้นจากเตียง
เมื่อลงมาจากเตียงแล้ว จวินเซียวเซียวก็เหลือบมองไปที่หน้าประตู:“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามาเถอะ”
แม้ว่าน้ำเสียงของจวินเซียวเซียวจะฉุนเฉียว แต่คนที่เดินเข้ามาก็ยังสวมกอดนางจากด้านหน้า
จวินเซียวเซียวกอดคนผู้นั้น และถอนหายใจด้วยความโล่งอก:“ท่านมาได้อย่างไร?ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่าหากไม่มีอะไร อย่าเข้ามาในวัง ที่นี่มันอันตรายสำหรับท่าน”
“หากข้าไม่มา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเฆี่ยนตีเจ้า” ชายผู้นั้นไม่พอใจ เขาผลักจวินเซียวเซียวออกและจูบนาง จวินเซียวเซียวขัดขืนในทันที
“อย่าทำเช่นนี้ ข้าบาดเจ็บอยู่”
“บาดแผลตรงที่ใด ข้าไม่เห็นเลย”
“ท่านเคยเห็น แต่ข้า……อาย”
ทั้งสองพูดกันไปพูดกันมา และชายผู้นั้นก็ถามว่า:“ไอ้แก่ตายยากนั่น ทำไมมันยังไม่ตายอีก?”
“ล้วนเป็นเพราะข้าที่ลงมือย่างลังเลไม่เด็ดขาด แต่เดิมในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาสามารถลงมือได้ แต่ในตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น หนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นก็กลับมาแล้ว จึงไม่ง่ายที่จะลงมือ”
เมื่อจวินเซียวเซียวพูดถึงสองคนนี้ แววตาของนางหรี่ลง และมีความไม่พอใจมากมายอยู่ในใจของนาง
ชายผู้นั้นบีบคางของจวินเซียวเซียว:“ข้าไม่สน วันนี้ข้าจะนอนก่อนแล้วค่อยไป”
สีหน้าของจวินเซียวเซียวดูไม่พอใจ:“ข้าเป็นเช่นนี้ แล้วจะให้ท่านอยู่ต่อได้อย่างไร?”
“ยานี้ให้เจ้า นี่คือยาที่ดีที่สุด อีกไม่กี่วันข้าจะกลับมาใหม่” ชายผู้นั้นไม่เต็มใจ
จวินเซียวเซียวหยิบยาและพยักหน้า ชายผู้นั้นจูบนางอย่างแรง ทั้งสองเข้าไปพัวพันกันข้างใน และเสื้อผ้าของจวินเซียวเซียวก็ถูกฉีกขาด
หลังจากที่นางกำนัลออกไปกว่าหนึ่งชั่วยามก็กลับมา และทั้งสองก็พัวพันกันนานกว่าหนึ่งชั่วยาม
เมื่อนางกำนัลกลับมาแล้ว ชายผู้นั้นก็หยิบเสื้อผ้าและรีบลุกออกจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว จวินเซียวเซียวมองไปทางประตูและหรี่ตาลง
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว นางกำนัลก็เดินเข้ามา จวินเซียวเซียวจึงโล่งใจ
เมื่อนางกำนัลเดินเข้ามาก็ตกใจ เสื้อผ้าอยู่บนพื้นและบนเตียง และถูกโยนกระจัดกระจายไปทั่ว
“เมื่อครู่ข้าใส่ยา แต่รู้สึกเจ็บมาก จึงโยนกระจัดกระจายไปทั่ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ มันน่าอายเกินไป” จวินเซียวเซียวพูดเบา ๆ แม้ว่านางกำนัลจะสงสัย แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไร และอุ้มองค์หญิงที่หลับอยู่ออกไป
จวินเซียวเซียวสวมเสื้อผ้าและลุกจากเตียง จากนั้นก็จัดเก็บในห้องและเรียกให้นางกำนัลเข้าไป
สำนักศึกษาทางการแพทย์ของฉีเฟยอวิ๋นใกล้จะเปิดแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นดำเนินการภายในหนึ่งวัน และสถานพยาบาลการก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน
ทังเหอเดินตามฉีเฟยอวิ๋นเพื่อไปหาที่ตั้งของโรงผลิตยา และไม่ได้วางแผนที่จะไปนอกเมือง เพราะที่นี่ไม่มีมลพิษ ดังนั้นจึงหาที่ตั้งในเมืองหลวง
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นที่ตั้งบนถนนสายหนึ่ง และกำลังพูดคุยเรื่องราคากับเจ้าของ บรรดาเจ้าของไม่อยากขายที่นั่น
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสิ่งที่ฉีเฟยอวิ๋นทำนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นภัยต่อผู้อื่น และให้เงินเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว มากกว่าการขายบ้าน หลังจากนั้นก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉีเฟยอวิ๋นอีก
แต่จะว่าไปแล้ว หากทำด้วยกันแล้วไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะไม่มีแม้แต่เงิน เหมือนกับใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ
ในขณะที่ทุกคนกำลังกลัดกลุ้ม ก็เห็นม้าของอาอวี่กำลังวิ่งมาทางนี้ ม้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อมาถึงข้างหน้า อาอวี่ก็ลงมาจากหลังม้า:“พระชายา รีบนำยาถอนพิษเข้าไปในวัง เกิดเรื่องขึ้นในวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน นางไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องอื่น และนำกล่องยาเข้าไปในวัง
จากนั้นเฟยอิงก็ตามออกไป
ทุกคนรู้สึกร้อนใจ พูดคุยกันอยู่ดี ๆ แล้วทำไมถึงจากไป?
ทังเหอยืนขึ้นห้ามทุกคน:“ทุกท่านไม่ต้องร้อนใจ ข้าจะคิดคำนวณให้ แล้วทุกท่านจะเข้าใจ ทุกท่านนั่งลงก่อนเถิด เกิดเรื่องขึ้นในวัง ไม่เกี่ยวกับพวกเรา และพวกเราก็ช่วยไม่ได้ บางทีอาจเป็นเรื่องของสำนักศึกษาทางการแพทย์ แค่พระชายาไปก็พอแล้ว”
ทุกคนรู้สึกว่ามีเหตุผล พวกเขาจึงทยอยกันนั่งลง และฟังทังเหอคิดคำนวณให้กับพวกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในวัง และตามอาอวี่ไปที่ตำหนักจิ่นซิ่ว นางกำนัลในตำหนักจิ่นซิ่วถูกวางยาพิษ
และตายแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมาช้าไปหนึ่งก้าว
นางกำนัลเสียชีวิตอยู่บนพื้น ศพของนางเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว พิษแพร่กระจายอย่างรุนแรง
หนานกงเย่ยืนอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ของตำหนักจิ่นซิ่ว และด้านในเป็นที่อาศัยของจวินเซียวเซียว ฉีเฟยอวิ๋นเปิดกล่องยาและเริ่มตรวจสอบ
ฉีเฟยอวิ๋นนำเลือดเล็กน้อยของนางกำนัลไปตรวจสอบ
จวินเซียวเซียวอุ้มบุตรและนั่งอยู่ด้านข้างอย่างนิ่งเฉย
จักรพรรดิอวี้ตี้ก็อยู่ที่นั่นด้วย เขานั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเคร่งขรึมและจริงจังมากกว่าปกติ
“เป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หนานกงเย่ก็เดินไปหานาง และถามผลการตรวจสอบ
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“บอกไม่ได้เพคะ หากพูดถึงพิษที่หาได้ยากนั้น หม่อมฉันรู้จัก แต่สิ่งนี้หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นมาก่อน”
ฉีเฟยอวิ๋นก็ประหลาดใจมากเช่นกัน พิษที่สามารถฆ่าคนได้ในชั่วพริบตาเดียว และทะลุทะลวงเลือด บนร่างของผู้ตายมีมีดอยู่ด้วย ดูจากทิศทางและพละกำลังแล้ว เป็นการแทงเข้าไป
“ท่านอ๋อง ในตอนนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นถาม หนานกงเย่เหลือบมองจวินเซียวเซียวที่กำลังอุ้มบุตรสาวด้วยสีหน้าที่ซีดขาวและกล่าวว่า :“ในตอนนั้นพระสนมเอกเซียวยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังอุ้มองค์หญิงอยู่ มีคนบุกเข้ามา เป้าหมายคือพระสนมเอกเซียว พระสนมเอกเซียวจึงตะโกนให้ทหารมาอารักขา แต่นางกำนัลเข้ามาขวางพระสนมเอกเซียวไว้ และมีดก็แทงเข้าไปที่หน้าอกของนาง ตอนที่ข้ามาถึงนางก็อยู่บนพื้นแล้ว และพระสนมเอกเซียวก็ตกใจมาก”
หนานกงเย่บอกตามความจริง ฉีเฟยอวิ๋นจึงไปตรวจสอบจุดที่นางกำนัลตาย และสิ่งที่หนานกงเย่พูดเมื่อครู่ ในตอนแรกสรุปว่าผู้ตายถูกโจมตีจากด้านหน้า แต่ทำไมจวินเซียวเซียวถึงบอกว่านางอยู่ข้างหลังนางกำนัลและกำลังอุ้มบุตรอยู่ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถฆ่านางกำนัลได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากจวินเซียวเซียวต้องการจะฆ่าคน นางก็ไม่เห็นต้องยุ่งยากเช่นนั้น
ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ตกใจ และมองที่จวินเซียวเซียวด้วยความประหลาดใจ ทำไมในหัวของนางถึงเต็มไปด้วยความคิดที่ชี้ว่าจวินเซียวเซียวเป็นมือสังหาร?
น่าแปลก!