องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 830 ความน่ากลัวของความเป็นอมตะ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 830 ความน่ากลัวของความเป็นอมตะ
จวินเซียวเซียวกอดลูกแล้วร้องไห้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเบือนหน้าหนี
หนานกงเย่ถามว่า:“มีอะไรหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ไม่มีอะไรเพคะ เพียงแต่จู่ ๆ ก็รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือไม่ ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากพักผ่อนสักเดี๋ยว”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกง่วงและอยากนอนสักพัก
หนานกงเย่มองและนั่งลงข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋น:“นั่งลงเถอะ พักผ่อนสักเดี๋ยว”
หนานกงเย่ยังต้องการจะตรวจสอบต่อ เขาจึงไม่สามารถอุ้มนางออกไปได้
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและสัปหงก นางลูบหัวและง่วงมากจนไม่ไหวแล้ว
ในขณะที่นั่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็มือขึ้นกุมหน้าผากและหลับตาลง จากนั้นก็เริ่มโยกตัวไปมา
ในขณะที่หนานกงเย่กำลังมองดูศพ เขาก็เห็นจักรพรรดิอวี้ตี้จ้องมองไปที่ดวงตาของฉีเฟยอวิ๋น เขาหันกลับไปมองฉีเฟยอวิ๋นที่โยกตัวไปมาและกำลังจะหลับ
หนานกงเย่หันกลับไปและประคองฉีเฟยอวิ๋นไว้ นางจึงสบายมากขึ้น หนานกงเย่สั่งว่า:“เอาเก้าอี้มาให้ข้า”
ขันทีน้อยรีบเอาเก้าอี้มาวางให้หนานกงเย่ หนานกงเย่นั่งลงแล้ววางมือลงบนแขนของ ฉีเฟยอวิ๋น แขนของนางจึงถูกประคองไว้ และนางก็หลับสนิท
ฉีเฟยอวิ๋นฝันว่าเจ้าของร่างเดิมมาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะเอ่ยปากถาม แต่เจ้าของร่างเดิมโบกมือ เพื่อบอกว่าไม่ต้องพูด และต้องการให้นางมอง
ฉีเฟยอวิ๋นมองตามสายตาของเจ้าของร่างเดิมและมองไปข้างหน้า ด้านในห้องโถงใหญ่ของตำหนักจิ่นซิ่ว
นางกำนัลกำลังเกลี้ยกล่อมองค์หญิงน้อยอยู่ในห้องโถงใหญ่
ทันใดนั้นจวินเซียวเซียวก็ตะโกนว่า มือสังหาร มีมือสังหาร
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปตามเสียง มีมีดแทงเข้าไปที่หน้าอกของนางกำนัล ร่างของนางกำนัลหยุดชะงัก จวินเซียวเซียวมาถึงตรงหน้านางกำนัลอย่างรวดเร็ว และแย่งเอาองค์หญิงน้อยไป เมื่อนางหันหลังกลับไปถึงด้านหลังของนางกำนัล ในขณะที่อุ้มบุตรอยู่ นางก็ตัวสั่น
ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ตื่นขึ้น นางลืมตาขึ้นและสูดหายใจเข้าลึก
ในเวลานี้จักรพรรดิอวี้ตี้จึงละสายตา หนานกงเย่จับใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นด้วย และอดไม่ได้ที่จะจูบนาง ดวงตาของฉีเฟยอวิ๋นเบิกกว้าง ทำอะไร?
ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตามองหนานกงเย่อย่างไม่สบอารมณ์ จะบ้าไปแล้วหรือ?
หนานกงเย่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่อเห็นว่านางหลับก็อยากจะจูบนาง แต่เขาก็ไม่รบกวน ท้องฟ้ามืดแล้ว นางคงจะเหนื่อยมากจริง ๆ!
“ท่านอ๋อง ตรวจสอบได้แล้วหรือไม่เพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าต้องไม่พบอะไรอย่างแน่นอน และศพของนางกำนัลยังอยู่บนพื้น
หนานกงเย่จึงออกไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้า นางมองดูผู้ตายที่อยู่บนพื้นและกล่าวว่า:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันตรวจไม่พบว่าเป็นพิษอะไร หม่อมฉันอยากจะกลับไปลองดู เพิ่งจะเข้ามาในวัง หม่อมฉันจะไปคารวะเสด็จแม่”
“อืม ข้าจะไปกับเจ้าด้วย ฝ่าบาท ในเมื่อตรวจไม่พบอะไร วันนี้กระหม่อมจะกลับไปก่อน และพรุ่งนี้จะมาตรวจสอบต่อ
ในเมื่อพระสนมเอกเซียวเห็นมือสังหารแล้ว คืนนี้จึงต้องระมัดระวังอย่างเข้มงวด ”
“อืม”
จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม หนานกงเย่สั่งให้คนของตูไห่นำศพออกไปก่อน มีคนตายที่ตำหนักจิ่นซิ่ว จวินเซียวเซียวไม่กล้าอยู่ จักรพรรดิอวี้ตี้จึงพานางไปที่ตำหนักอื่น
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นไปคารวะพระพันปีแล้ว นางก็จากไปพร้อมกับหนานกงเย่
เมื่อออกมาในวังแล้วก็ขึ้นไปบนรถม้า หนานกงเย่ถามว่า:“มีอะไรหรือ?”
“เห็นมือสังหารแล้วเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นเล่าความฝันให้หนานกงเย่ฟัง หนานกงเย่เหมือนถูกฟ้าผ่า
“อวิ๋นอวิ๋นจะบอกว่าเห็นในความฝันงั้นหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า:“ท่านอ๋องทรงไม่สงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ทรงคิดว่าความฝันของหม่อมฉันนั้นเหลือเชื่อ?แล้วท่านอ๋องทรงเชื่อหรือไม่เพคะ?”
“ในเมื่ออวิ๋นอวิ๋นเห็นทุกอย่างแล้ว มันก็น่าจะเป็นความจริง เพียงแต่เรื่องนี้มันแปลก ๆ ”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน:“เรื่องน่าแปลกไม่ได้มีแค่นี้ ท่านอ๋อง พระองค์ทรงสังเกตหรือไม่ว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่งดงามขึ้นก็เท่านั้น”
ฉีเฟยอวิ๋นก็เพิ่งค้นพบสิ่งเหล่านี้เมื่อไม่นานมานี้ ในตอนนั้นนางคิดว่าว่านางเหมือนปีศาจ
อันที่จริงแล้วความเป็นอมตะของคนคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ
คนรอบข้างแก่ลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เหลือเพียงนางคนเดียว เช่นนั้นก็จะโดดเดี๋ยว!
หัวใจของฉีเฟยอวิ๋นมีเลือดออก
หนานกงเย่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ และกอดฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน:“เป็นไปไม่ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน:“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ท่านอ๋องทรงไม่คิดว่าหม่อมฉันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ หรือเพคะ?ก่อนหน้านี้หม่อมฉันสามารถรักษาผู้คนได้ แต่ตอนนี้หม่อมฉันเป็นอมตะ และวันนี้หม่อมก็ฝันเห็นเรื่องเหล่านั้น
นี่ไม่ใช่ผีสางเทวดา แต่เป็นความสามารถชั้นสูง!”
“ข้าไม่อยากจากไปก่อน เมื่อข้าตาย ข้าจะให้เจ้าตายไปด้วยกันกับข้า!” หนานกงเย่ดื้อรั้น
เขาจะทนปล่อยให้นางอยู่ลำพังได้อย่างไร?
“แม้ว่าท่านอ๋องจะฆ่าหม่อมฉัน ก็ใช่ว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน แล้วจะทำอย่างไร?” ฉีเฟยอวิ๋นจูบหนานกงเย่และเอนตัวไปพิงเขา
เสียงของนางเหมือนกับสายลม สายลมที่ทำให้เจ็บปวดใจ!
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลัวว่าจะต้องเห็นพวกท่านจากหม่อมฉันไปทีละคน และเหลือเพียงหม่อมฉันคนเดียวในโลกนี้”
“ไม่หรอก ข้าต้องมีหนทาง” หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นไว้แน่น เขาจะคิดหาทางได้อย่างแน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาลง นางเหนื่อยแล้ว เหนื่อยมากจริง ๆ
เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋องเย่ หนานกงเย่ก็อุ้มนางกลับเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากกินอะไรและไม่รู้สึกหิว
หนานกงเย่ก็ไม่กินเช่นกัน และทั้งสองก็ไม่ไปดูลูก ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบพักผ่อน
ทังเหอมีเรื่องจะรายงาน เขาจึงปลุกทั้งสองคน
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น และทังเหอก็รายงานอยู่ในลานบ้านว่าคนส่วนใหญ่ในบนถนนเส้นนั้นตัดสินใจที่จะทำโรงผลิตยากับฉีเฟยอวิ๋น ดังนั้นทุกคนจึงเต็มใจที่จะยกร้านค้าให้ และลงนามในหนังสือแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีใจ ฉีเฟยอวิ๋นรีบลุกขึ้นจากเตียงไปหาทังเหอ นางรู้สึกว่างานนี้ต้องเฉลิมฉลอง
ใบหน้าของหนานกงเย่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาเพิ่งถอดเสื้อผ้าไปและต้องสวมกลับเข้าไปอีกครั้ง
หลังจากที่ออกมาแล้ว หนานกงเย่ก็เหลือบมองทังเหออย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้น ทังเหอก็เหงื่อท่วม เขาคงจะทำลายเรื่องบนเตียงของสองสามีภรรยา
ทังเหอหน้าแดงและอึดอัดใจจนพูดไม่ออก
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า:“ลงนามทั้งหมดแล้วหรือ?”
“อืม”
ทังเหอก้มหน้าลง และแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ฉีเฟยอวิ๋นดูหนังสือลงนามอย่างละเอียดและรู้สึกสบายใจ
“พรุ่งนี้นำเงินไปจัดสรรปันส่วน และโรงงานต้องพร้อมก่อนฤดูหนาวจะมาถึง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทังเหอเดินไปอย่างหวาดกลัวและไม่กล้าหายใจแรง
ในเวลานี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงจันทร์ ฉีเฟยอวิ๋นอารมณ์ดี และอยากกินอะไรสักหน่อย
นางจึงสั่งให้ทำอาหารมาให้นางที่นี่
ทั้งสองทานอาหารในลานบ้าน กับข้าวสี่จาน ซุปหนึ่งถ้วย หมั่นโถวอีกสองสามลูก หนานกงเย่ดื่มเหล้านิดหน่อย และฉีเฟยอวิ๋นก็รินเหล้าให้เขาด้วยตนเอง
ในลานบ้านมีลมพัดเบา ๆ และทั้งสองก็จ้องมองกัน
หลังจากทานอาหารเย็น ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามหนานกงเย่ไปหาเฟิ่งไป่ซูและซูอู๋ซิน และเพิ่งจะรู้ว่าทุกคนอยู่ที่ห้องของไป๋หลิง
ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ก็ไปที่นั่นด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไป เจ้าห้าก็กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ จื่อฮว่า ราวกับพวกเร่ร่อน
ไป๋หลิงยังคงอยู่ในช่วงหลังคลอด และในห้องก็มีผ้ามุ้งสีขาวกั้น ฉีเฟยอวิ๋นจึงเห็นว่าเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ข้าง ๆ ไป๋หลิง จื่อฮว่านอนถัดจากไป๋หลิง และริมสุดคือเจ้าห้า
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปแล้วก็ทักทาย ซูอู๋ซินและจักรพรรดินีล้วนแต่อยู่ที่นี่ และเจียงอวิ๋นเฟิงก็กำลังดื่มชากับพวกเขา แม่ทัพฉีก็อยู่ด้วยเช่นกัน และอวิ๋นจิ่นก็ยืนอยู่ข้าง ๆ
หลังจากที่ทักทายแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าไปดูไป๋หลิงข้างใน เและเจ้าห้าก็นอนอยู่ที่นี่จริง ๆ
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น ไป๋หลิงก็จะลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบบอกให้นางนอนลง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ เจ้าห้า