องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 831 เรื่องยังไม่จบ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 828 เรื่องยังไม่จบ
ฮูหยินรองมองไปที่ราชครูจวินและน้ำตาคลอ
และยกมือขึ้นมาลูบไล้เส้นผม ราชครูจวินตกใจเล็กน้อย แต่ก็จับมือของฮูหยินรองไว้
ฮูหยินรองกล่าวว่า “ท่านแก่มากแล้ว ข้าเพิ่งจะค้นพบว่าเราต่างแก่ลงมากแล้ว”
ราชครูจวินหัวเราะและดูโง่เขลาอย่าปกติเล็กน้อย เขาเป็นคนฉลาด น้อยครั้งนักที่จะดูโง่เขลาเช่นนี้
ฮูหยินรองถอนหายใจ “ข้าไม่รู้ว่าทำผิดไปหรือไม่ ข้าควรจะฟังท่านและหนีไปกับท่าน ไปที่อื่นและท่านก็สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้ เป็นเพราะข้าช่างโง่เหลือเกิน!”
“เจ้ายอมรับแล้วหรือว่าเจ้าโง่เขลา!” ราชครูจวินดึงฮูหยินรองไปกอดไว้ในอ้อมแขนและเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ “เพราะข้าทำร้ายเจ้า หากข้าอดทนมากกว่านี้และพาเจ้าหนีไป เจ้าก็คงไม่ต้องทุกข์ทนและลำบากเช่นนี้!”
ฮูหยินรองหลับตาลงและน้ำตาก็ไหลออกมาทั้งสองข้าง จากนั้นก็สูดหายใจและผละตัวออก หลังจากนั้นจึงเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
นั่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ฮูหยินทำทีท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ราชครูจวินจับมือของฮูหยินรองเอาไว้ “ที่เจ้ารองเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะฮูหยินใหญ่ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางคิดแต่คอยรังแกเจ้าและกดขี่เจ้า เจ้ารองก็คงไม่กล้าทำเช่นนี้ ในบรรดาลูกๆ ทั้งหมด ข้ารักเขาที่สุด แต่น่าเสียดายที่ถูกฮูหยินใหญ่ตามใจเช่นนั้น ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย!”
ราชครูจวินรู้สึกไม่สบายมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะรู้สึกผิดต่อนาง
นี่คือผู้หญิงที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ฮูหยินรองส่ายหน้า “ท่านไม่ได้หาภรรยาให้เขาแล้วหรือ ตอนนั้นท่านดื้อรั้นที่จะหาภรรยามาให้เขา ทุกคนในบ้านต่างโมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร ตอนนี้ก็ดีอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“หึ หากไม่ใช่เป็นเพราะข้าเอ่ยปากออกไป พวกเขาก็คงแย่งลูกสะใภ้คนนี้ไปแล้ว เจ้านี่นะ ช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน หากเป็นข้า ข้าคงจัดการพวกเขาไปตั้งนานแล้ว”
ราชครูจวินแนบตัวเข้าไปใกล้ฮูหยินรอง ฮูหยินรองมองออกไปสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่มีความสุข “ท่านอย่างมาพิงข้า ข้ารู้สึกไม่สบาย ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงยังทำตัวนัวเนียเช่นนี้นะ ท่านไม่กลัวคนอื่นเห็นเอาหรือ?”
“เห็นแล้วจะเป็นไรไป ก็ถูกกำจัดกักขังแล้ว หากพวกเขายังกล้าหาเรื่องข้าอีก ข้าจะไล่พวกเขาออกไปให้หมด” มองเห็นพวกเขาแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา
ฮูหยินรองไม่สนใจเขา
อยากทำอะไรก็ทำ
รถม้าเดินทางมาถึงจวนราชครู ฮูหยินรองของคุณชายได้พาคนมารอต้อนรับอยู่แล้ว พวกเขาได้รับข่าวก่อนหน้านี้แล้ว
ราชครูจวินลงจากรถม้าและรออยู่ข้างล่าง ฮูหยินของคุณชายรองเดินเข้ามารับฮูหยินรอง ราชครูจวินกล่าวว่า “พอแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องช่วยหรอก”
ฮูหยินรองของคุณชายรองยิ้มและถอยหลังออกไป เมื่อฮูหยินรองลงจากรถม้า ราชครูจวินก็ประคองนางลงมาด้วยตัวเองและดูแลดีราวกับเป็นบรรพบุรุษญาติผู้ใหญ่
ฮูหยินรองยังรู้สึกอายเล็กน้อยและต้องการดึงมือออกไป แต่ราชครูจวินดึงนางไว้ จากนั้นจึงหันเดินเข้าไปข้างในจวน
ฮูหยินสามและฮูหยินสี่ต่างก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนของฮูหยินสามของคุณชายสามและฮูหยินสี่ของคุณชายสี่ต่างก็อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ต่างก็ออกมารอต้อนรับ
ฮูหยินรองของคุณชายรองรีบเดินตามเข้าไป จวนจวินในตอนนี้มีฮูหยินรองของคุณชายรองเป็นคนคอยดูแลจัดการ
ถึงแม้ว่าเรือนใหญ่ทางนั้นมีแม่ทัพใหญ่อยู่ แต่ในตระกูลจวินก็ยังต้องฟังคำพูดของราชครูเป็นใหญ่ และวันนี้ได้กลับมาแล้ว ราชครูจวินยังต้องถามมากอีกเรื่อง
ฮูหยินรองกลับไปยังเรือนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ฮูหยินรองของคุณชายรองได้สั่งให้คนมาคอยดูแล ฮูหยินรองกล่าวว่า “ภายในเรือนไม่ต้องจัดคนมามาก มีหนึ่งหรือสองคนคอยเฝ้าเวรและคนใช้อีกแค่หนึ่งหรือสองคนภายในเรือนก็พอแล้ว”
“ท่านแม่พูดถูกเจ้าค่ะ กลับไปข้าจะไปจัดคนที่ทำงานดีมาให้เจ้าค่ะ”
ในขณะที่ฮูหยินรองพูดนั้น ราชครูจวินก็ได้เดินไปที่ห้องตำราแล้ว
ลูกชายต่างก็อยู่กันพร้อมหน้า หากจะพูดถึงคนที่ไม่เอาไหนที่สุดก็คงจะเป็นเจ้ารอง ราชครูจวินเห็นแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา “วันๆ เอาแต่หมกมุ่นไม่ทำอะไร ไม่เหมือนภรรยาของเจ้า!”
จวินเจิ้งหนานเมื่อได้ยินก็พูดขึ้นมา “ท่านพ่อพูดถูก”
“ถูกตรงไหนของแก ไร้ประโยชน์ ไปยืนตรงนู้น” ราชครูจวินเหลือบมองจวินเจิ้งหนานด้วยความไม่สบอารมณ์และมองไปที่จวินเจิ้งตง
“เจิ้งตง รู้เรื่องในวังแล้วหรือไม่?”
จวินเจิ้งตงไม่รู้เรื่องราวในวัง ตั้งแต่ที่ลูกสาวเข้าวังหลวงไปก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีกเลย
“ท่านพ่อ เรื่องในวังนั้น ข้าไม่รู้เลยขอรับ”
“เจ้าไม่รู้ ลูกสาวของเจ้าแทบจะมีความสามารถมากกว่าเจ้าเสียแล้ว ตอนนี้นางกล้าที่จะวางยาพิษให้พระพันปีและพระมเหสีหวาเสียแล้ว เจ้าลองพูดสิว่านางช่างกล้าหาญมากเพียงใด?” ข้างๆ ราชครูจวินมีคนยืนอยู่อีกหนึ่งคน สวมใส่ชุดสีดำ โดยปกติแล้วเป็นคนที่ติดตามราชครูจวิน แต่น้อยครั้งที่จะออกมาปรากฏตัวในสถานการณ์เช่นนี้ วันนี้เขาอยู่ในเหตุการณ์
ลูกชายทั้งสี่คนของตระกูลจวินต่างพากันกังวลเล็กน้อย ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ราชครูจวินยกคิ้วขึ้นและมองไปที่ลูกชายคนโตจวินเจิ้งตง “ข้าทำงานมาแล้วหลายสิบปี ถึงแม่จะไม่ดี แต่ก็ไม่เคยคิดไม่ดีกับฝ่าบาท อดีตจักรพรรดิของเมืองต้าเหลียงเลยแม้แต่น้อย
ไม่คิดเลยว่า ลูกสาวของตระกูลจวินจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ และนับวันจะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
โดยกล้าที่จะวางยาพิษพระพันปี”
จวินเจิ้งตงเหมือนกำลังแบกรับความทุกข์และรีบคุกเข่าลง “ท่านพ่อ……เรื่องนี้เกรงว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน เซียวเซียวไม่ใช่คนเช่นนั้น”
ลูกสาวคนโตได้ตายไปแล้ว และตอนนี้ลูกสาวคนเล็กก็ถูกพูดถึงเช่นนั้น จวินเจิ้งตงเกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
ราชครูจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าให้นางกลับมาเถอะ ในเมื่อฝ่าบาทไม่กล้าจัดการ ถึงแม้นางจะเป็นพระสนมเอก แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้นางทำผิดเช่นนี้ต่อไปได้”
จวินเจิ้งตงมองไปที่ราชครูจวิน “ท่านพ่อ ให้โอกาสเซียวเซียวอีกครั้งเถอะขอรับ”
“เช่นนั้นก็ต้องให้นางกลับมาก่อนแล้วค่อยพูด” ราชครูจวินทำสีหน้าเย็นชา ถึงแม้ว่ารอให้กลับมาก่อนแล้วค่อยพูด แต่ในใจของราชครูจวินรู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้นั้นพูดยากมาก
จวินเจิ้งตงลำบากใจ ทำได้เพียงส่งจดหมายเข้าไปในวังหลวงเพื่อให้จวินเซียวเซียวกลับมา โดยให้เหตุผลว่าเขาป่วย
ตอนนี้สุขภาพร่างกายของจวินเซียวเซียวก็ไม่ค่อยดีนัก เมื่อได้รับจดหมายของจวินเจิ้งตง นางเพียงแค่อ่าน จากนั้นก็เผาทิ้ง
จากนั้นจึงมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้กับขันทีเพื่อให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อกลับมาคนที่ไปส่งสารจึงบอกจวินเจิ้งตงว่า พระสนมเอกสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถออกนอกวังหลวงได้ และกำลังพักฟื้นอยู่ภายในวังหลวง
ราชครูจวินและทุกคนต่างอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา จวินเจิ้งตงก็พูดไม่ออกเช่นกัน
นับว่าลูกสาวเป็นคนกตัญญูอย่างเห็นได้ชัด
ราชครูหัวเราะออกมาเบาๆ “คงถึงเวลาแล้ว ตระกูลจวินไม่สามารถทำอะไรนางได้อีกต่อไปแล้ว”
ราชครูจวินลุกขึ้นและเหลือบมองดูลูกชายจวินเจิ้งตง “ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าห้ามออกจากเรือนเด็ดขาด หากเจ้าออกไป เช่นนี้แสดงว่าเจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า ข้าจะไล่เจ้าออกไปจากที่นี่”
จวินเจิ้งตงรีบเช็ดเหงื่อ “ท่านพ่อ เซียวเซียวล่ะ……”
“หึ ไสหัวออกไป”
ราชครูจวินเดินออกไปและกลับไปที่เรือนของฮูหยินรอง
ภายในวังหลวง วันนี้พระพันปีอาการดีขึ้นมากแล้วและยืนมองไปนอกพระที่นั่งในตำหนักเฉาเฟิ่ง
ไห่กงกงกล่าวว่า “พระพันปี เกรงว่าวันนี้จะไม่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าพระชายากำลังเตรียมการเรื่องเรือนพยาบาลอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“……ข้าก็แค่มองดูเท่านั้น ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านอ๋องเย่เข้าวังมาหรือ เมื่อวานเขาก็มาที่วัง ทำไมวันนี้ถึงมาอีกล่ะ? ทำไมช่วงนี้ท่านอ๋องเย่ถึงสุขสบายเช่นนี้นะ?”
“พระพันปีลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับทั้งสองตำหนักนั้นยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงกล่าวเตือน
พระพันปีแปลกใจ “ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงยังไม่เรียบร้อยล่ะ?”
“ได้ยินตูไห่พวกเขาบอกว่า ท่านอ๋องเย่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ส่วนรายละเอียดนั้นไม่แน่ชัดนัก แต่หลายวันมานี้ท่านอ๋องมักเข้าวังมาบ่อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
พระพันปีเหลือบมองไห่กงกงทีทำท่าทีมีพิรุธ “เจ้าทำหน้าตามีลับลมคมใน มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ไห่กงกงลำบากใจและมองไปรอบๆ ขยับก้าวเข้าไปสองก้าวเพื่อพูดกับพระพันปี