องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 861 ซูมู่หรงมาแล้ว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 858 ซูมู่หรงมาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นขณะปลอบลูบหลังของเจ้าห้า “อาอวี่ คนของจวนอวิ๋นกั๋วกงล้วนต่างไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้ว่าตงเอ๋อร์จะเป็นคนรับใช้ แต่นางคือคนของตระกูลอวิ๋น อีกทั้งตระกูลอวิ๋นก็ยังมีฮองเฮา และยังมีภรรยาของจั่วจงเจิ้งที่อยู่ศาลพิเศษกลางอีกด้วย
เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะไม่ให้อะไรเลย แล้วให้ตงเอ๋อร์แต่งงานมาอยู่กับเจ้า?”
อาอวี่โดนพูดถึงเช่นนี้จึงทำให้พูดไม่ออกตะกุกตะกักอยู่นานก่อนจะถามว่า “เช่นนั้นแล้วข้าน้อยยังกลับมาได้หรือไม่ขอรับ?”
“เหลวไหล ต้องกลับมาสิ เจ้าเป็นองครักษ์ของท่านอ๋อง เรื่องนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ท่านอ๋องเย่เป็นคนให้เงินเดือนแก่เจ้า เมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัว เจ้าคงไม่ต้องการให้ตงเอ๋อร์มานั่งเลี้ยงดูเจ้าอย่างเดียวหรอกนะ?”
อาอวี่คิดแล้วก็เป็นเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นพูดต่อไปอีกว่า “รอให้เจ้ามีบ้าน เช่นนั้นก็เท่ากับมีครอบครัว อนาคตหากเด็กๆ สามารถสอบผ่านก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้เจ้าได้ เจ้าก็เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว เอาแต่อยู่อาศัยที่จวนท่านอ๋องเย่อยู่เช่นนี้ พูดให้ดูดีก็คือองครักษ์ แต่พูดให้ไม่น่าฟังก็คือคนรับใช้ อนาคตหากเจ้าและตงเอ๋อร์มีลูกขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเป็นลูกที่เกิดในบ้านเจ้านาย ลูกที่เกิดในบ้านเจ้านายก็นับว่าต้องเชื่อฟังเจ้านาย เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ?”
อาอวี่ได้ฟังก็ส่ายหน้า “ไม่ขอรับ”
“อาอวี่ เจ้าดูคุณชายทังสิ เขามีจวนเป็นของตัวเอง เจ้าไม่อิจฉาเขาบ้างหรือ? อนาคตลูกๆ ของคุณชายทังสามารถเป็นขุนนาง อยากจะแต่งงานกับใครก็ได้ทั้งนั้น”
อาอวี่พยักหน้าทันที “ข้าน้อยต้องการมีบ้านขอรับ”
“อืม เช่นนั้นก็กลับไปเถอะ สามเดือนหลังจากนี้บ้านก็น่าจะก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย อาอวี่ ถึงแม้ว่าจวนท่านอ๋องเย่จะใหญ่โตและมีกิจการมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเงินตำลึงมากมายเสียที่ไหน แต่สามารถสร้างบ้านให้กับเจ้าได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เจ้าไม่ต้องเลือกมากแล้ว
เจ้ากลับไปดูว่ายังมีตรงไหนไม่พอใจอีกบ้าง หากมีก็บอกข้า ข้าจะไปดูให้เจ้า”
“ขอรับ” อาอวี่ตอบรับจากนั้นจึงเดินออกไป หลังจากอาอวี่ออกไป ฉีเฟยอวิ๋นก็อุ้มเจ้าห้าไปหาพี่ชายทั้งหลาย และไปหาเฟิงอู๋ชิง
วันนี้หนานกงเย่ออกไปทำธุระ ได้ยินมาว่าจับคนของจงชินไปได้เยอะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้คนที่ทรยศหักหลังในตระกูลจงชินก็คงกำจัดหมดสิ้นไปในไม่ช้า
พ่อบ้านเห็นอาอวี่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด นี่คือการให้อย่างไร้ประโยชน์ ตอนไปก็สัญญาดิบดี และสามารถพูดเกลี้ยกล่อมพระชายาได้
พระชายาเป็นคนเช่นไรที่จะถูกเกลี้ยกล่อมได้ง่ายเช่นนั้น เช่นนั้นแล้วทำไมท่านอ๋องต้องกลัวเธอด้วยล่ะ!
เด็กๆ ต่างกำลังร่ำเรียนตำรา หวังฮวายอันกำลังสอนพวกเขา ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เข้าไปรบกวน จากนั้นจึงเดินกลับออกมาไปหาเฟิงอู๋ชิง
เสี่ยวเฉียวเปิดประตู จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปนั่ง เฟิงอู๋ชิงกำลังนั่งอยู่บนหนังเสือของเสี่ยวเฉียว แน่นอนว่าเขาชอบมาก แต่เสี่ยวเฉียวบอกว่าฉีเฟยอวิ๋นเป็นคนให้นาง เฟิงอู๋ชิงจึงไม่กล้าขอจากเสี่ยวเฉียว
“ท่านเจ้าหอเฟิง”
“มีอะไรหรือ?”
เฟิงอู๋ชิงมองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาทำเพื่อเธอ แต่เธอกลับช่วยหนานกงเย่
“เรื่องที่ท่านเจ้าหอพูดไปเมื่อวานเป็นเรื่องจริงหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมาเพราะเรื่องนี้
“หึ ช่างไร้จิตใจ!” หลังจากบ่นออกมา เฟิงอู๋ชิงก็ลุกขึ้นและเดินออกไป เสี่ยวเฉียวรีบลุกขึ้นและเดินตามออกไป ราวกับเป็นเหมือนหางของเฟิงอู๋ชิงที่ติดตามไปไม่เคยห่าง
ฉีเฟยอวิ๋นลำบากใจและทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงอุ้มเจ้าห้ากลับไปพักผ่อน เจ้าห้าไม่กินไม่ดื่มเช่นนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนไปต้มข้าวต้มให้เจ้าห้า และฝืนให้เขากินเข้าไปเล็กน้อย
เจ้าห้านอนลง เขาซูบผอมจนน่าตกใจ ไม่ว่าฉีเฟยอวิ๋นจะปลอบเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมอ้าปาก
“กินสักหน่อยเถอะ หากเจ้าหิวตาย นางก็ไม่มีวันหันกลับมามองเจ้าหรอก พูดไปแล้ว หากนางไม่ชอบเจ้า เช่นนั้นแล้วแสดงว่าในใจของนางโกรธแค้นเจ้า!”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดถึงเขา จากนั้นเจ้าห้าจึงลืมตาขึ้นมาและมองดวงตาคู่นั้นของฉีเฟยอวิ๋น ดูเหมือนกับช่องว่างที่ไร้ขีดจำกัด
ฉีเฟยอวิ๋นราวกับได้เห็นความหายนะเมื่อหลายหมื่นปีก่อน โลกวุ่นวาย ผู้ชายเห็นผู้หญิงคนหนึ่งล้มลงต่อหน้าต่อตา และเมื่อผู้ชายรอจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเพื่อตามหาผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างก็กลายเป็น อดีตในจุติไม่มีวี่แววของผู้หญิงคนนั้นอีกเลย
ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้า “นางเป็นเพราะสุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่เลือกนาง ก็เลยโกรธอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าห้าหลับตาลง ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะทำให้เธอปวดใจได้เช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าในอ้อมแขนและถอนหายใจ “แม่รู้แล้ว วางใจเถอะ แม่จะพาเจ้าไปหาจื่อฮว่า แม่จะให้จื่อฮว่าอยู่กับเจ้าให้ได้”
เจ้าห้าไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ราวกับว่าเขาก็ไม่เชื่อฉีเฟยอวิ๋น
คืนวันนั้น จักรพรรดิปีกใต้เสด็จมาถึงเมืองหลวงของเมืองต้าเหลียง อีกทั้งยังตรงมาที่จวนท่านอ๋องเย่
คนที่มาด้วยเข้ามารายงาน ฉีเฟยอวิ๋นตกใจมาก ทำไมถึงมาเร็วเช่นนี้?
จากนั้นจึงให้พวกเขารออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ฉีเฟยอวิ๋นจึงไปเชิญเฟิงอู๋ชิงมา เรื่องนี้อย่างน้อยต้องเกี่ยวข้องกับเขาบ้าง ถึงอย่างไรเสียจักรพรรดิปีกใต้ก็เป็นพี่ใหญ่ของเขา แต่เมื่อไปถึงหน้าประตูก็พบจดหมายฉบับหนึ่งถูกเสียบไว้ที่ช่องประตู ฉีเฟยอวิ๋นหยิบออกมาดูจึงรู้ว่าเฟิงอู๋ชิงออกไปข้างนอกแล้ว อีกทั้งในจดหมายยังบอกอีกว่าจะไม่กลับมาในระยะนี้ เขายังบอกอีกว่าเขาพาเสี่ยวเฉียวและอามู่ไปด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว จากนั้นจึงผลักประตูเข้าไป ภายในห้องจัดการอย่างสะอาดเรียบร้อย ฉากกั้นที่เคยมอบให้เสี่ยวเฉียวก่อนหน้านี้ก็ไม่อยู่แล้ว หนังเสือบนพื้นก็หายไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นตบหน้าอกและถอนหายใจ ไม่ได้เสียดาย ถึงอย่างไรก็ต้องนำกลับมาไม่ช้าก็เร็ว!
ปากบอกว่าไม่ได้เสียดาย แต่ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปใบหน้าซีด เฟิงอู๋ชิงคนนี้ช่างไม่เอาไหนเอาเสียเลย กล้าพาลูกสาวและลูกชายของเธอไป สิ่งเหล่านี้ไม่นับ แต่ยังเอาฉากกั้นและพรมหนังเสือไปอีกด้วย นับเป็นการฉกชิงซึ่งหน้า
เมื่อออกมาจากเรือนจวินจื่อ ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าออกไปข้างนอกและหยิบขวดนมที่ใส่นมเต็มขวดให้เจ้าห้าดื่ม ไม่ว่าจะกินหรือไม่กินก็ต้องให้ ไม่เช่นนั้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องหิวตายแน่ๆ!
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดปากของเจ้าห้า และอดกลั้นกับความรู้สึกอยากร้องไห้ จากนั้นจึงยัดขวดนมเข้าปากเจ้าห้าไป เจ้าห้าไม่ยอมกิน ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่บ่นเขา แต่กลับก้มหน้าลงไปหอมแก้มเจ้าห้า ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ลูกชายของเธอ
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถบอกใครได้เกี่ยวกับความไร้อำนาจของเธอ แม้ว่าเธอจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจมากในเมืองต้าเหลียง แต่พูดตรงๆ เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แม้แต่ลูกๆ ของเธอเอง เธอก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ แถมเธอยังเป็นหมออีกด้วย!
เมื่ออุ้มเจ้าห้ามาถึงห้องโถงด้านหน้าก็เห็นชายร่างผอมบางนั่งอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า สวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้ม โดยมีซูมู่หรงยืนอยู่ข้างเขา เมื่อซูมู่หรงเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้ามาใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองซูมู่หรงอย่างโกรธเคือง และเดินอุ้มเจ้าห้าไปนั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ผิวพรรณของจักรพรรดิปีกใต้ซีดจาง
เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นต้องการพาเจ้าห้าไปหาจื่อฮว่า แต่วันนี้จักรพรรดิปีกใต้มาที่นี่ เช่นนั้นเธอต้องส่งจักรพรรดิปีกใต้กลับไปเสียแล้ว
“ท่านลุง” ฉีเฟยอวิ๋นออกปากเรียกออกไป จักรพรรดิปีกใต้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกไม่คุ้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่เรื่องก็มาถึงตรงนี้แล้วเขาจึงยอมรับ
จักรพรรดิปีกใต้ถาม “นี่คือลูกของเจ้าหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้ามองเจ้าห้าและมองไปที่จักรพรรดิปีกใต้ “นี่คือลูกคนเล็ก เจ้าห้าเพคะ”
“เจ้ามีลูกห้าคน ช่างนับว่าพบเห็นได้น้อยมาก!”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่เฟยอิง เฟยอิงเดินเข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋นทันทีและรับเจ้าห้าไป จากนั้นจึงยืนอุ้มเจ้าห้าอยู่ข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋น ส่วนฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่จักรพรรดิปีกใต้
จากนั้นจับข้อมือของจักรพรรดิปีกใต้เพื่อตรวจสอบชีพจร ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบร่างกายให้กับเขา จากนั้นจึงปล่อยมือลง ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองพ่อบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตู “พู่กันและน้ำหมึก”
พ่อบ้านรีบไปหยิบพู่กันและน้ำหมึกมาให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเขียนตำรายาและส่งมอบให้กับพ่อบ้าน จากนั้นจึงสั่งให้ไปต้มทันที