องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 865 ดูเจ้าห้า เฝ้าประตูเอาไว้
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 865 ดูเจ้าห้า เฝ้าประตูเอาไว้
หนานกงเย่เข้ามาจากด้านนอกประตูแล้วชะงักอยู่ตรงหน้าประตูครู่หนึ่งจากนั้นก็ไปนั่งลงที่โต๊ะแล้วมองไปยังซูมู่หรง รถที่อยู่บนพื้นนั้นทำจากไม้ทั้งสิ้นแต่ว่าขัดได้เรียบเนียนยิ่งนัก
หนานกงเย่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋นส่วนฉีเฟยอวิ๋นมองดูท่าทางของเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย: “เป็นกังวลหรือ?”
“คนของจงชินทางโน้นหนีไปแล้ว อ๋องทั้งหลายก็เต็มใจร่วมมือกับข้าและเต็มใจที่จะละทิ้งความเกลียดชังเก่าก่อนและปล่อยวางอคติทิ้งไปแล้วกลับไปจำนนกับเมืองต้าเหลียงของเรา เพียงแค่จวิ้นจู่วัยเยาว์ไม่กี่คนที่ไม่ยอมจำนนและได้เริ่มก่อการกบฏแล้ว!
เบื้องหลังของชายผู้นั้นยังมีพี่ชายสองคน พวกเขาเป็นบุตรชายของท่านอ๋องรอง ท่านอ๋องรองนั้นไม่ยินยอมทำตามท่านอ๋องทั้งหลายมานานแล้ว ตอนนั้นที่ภายในของพวกเขาเลือกบุตรชายของท่านอ๋องห้า หนานกงเซวียนเหอซึ่งเป็นผู้นำถูกท่านอ๋องรองตั้งใจโค่นล้มแต่ว่าเขานั้นเพื่อที่จะปกปิดลูกชายทั้งสามของตนจึงใช้เวลาในการเลือกผู้นำจากในนั้นและก็เพื่อเป็นตัวแทนคุ้มกันให้แก่กองกำลังสำคัญแทนที่ท่านอ๋องห้า
ครานี้ราชสำนักแต่งตั้งตำแหน่งจงชินใหม่ทำให้เหล่าจงชินมองเห็นความหวัง รวมถึงลูกชายคนสุดท้องของเขาายด้วยน้ำมือของข้าก็เป็นการเร่งความเร็วให้กับการก่อการกบฏของเขา
ในช่วงสองสามวันนี้เขาก็จะเริ่มลงมือ ผู้คนที่ได้รับเลือกเข้าราชสำนักได้ถูกเขาข่มขู่ทั้งสิ้น
ข้าได้รับรายงานจากจงชินมาบ้างแล้ว! ”
“กล่าวเช่นนี้ตอนนี้ท่านอ๋องก็จะยุ่งเสียแล้วหรือ?”
“อืม!”
หนานกงเย่หยิบตะเกียบและเริ่มทานอาหาร
จักรพรรดิปีกใต้เลิกคิ้วแล้วเหลือบมองหนานกงเย่โดยที่ยิ่งมองก็ยิ่งไม่ชอบและเกลียดชังเช่นเดียวกับซูอู๋ซิน!
หนานกงเย่ทานข้าวเรียบร้อยก็ลุกขึ้นจากไปและฝากฝังกับฉีเฟยอวิ๋นว่า: “อย่าได้ออกจากจวนอ๋อง คืนนี้ข้ามีเรื่องยุ่งอาจจะกลับมาค่ำมืด!”
“เช่นนั้นท่านอ๋องโปรดระวังตัวด้วย!
“อืม!” หนานกงเย่หันหลังจากไปจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็มองไปทางด้านของซูมู่หรง
เด็กๆทั้งหลายหิวเสียแล้วจึงรีบวิ่งไปทานอาหาร ฉีเฟยอวิ๋นให้ลี่ว์หลิ่วดูแลพวกเด็กๆแล้วไปดูซูมู่หรง
“ท่านรีบร้อนเช่นนี้ทำไมกัน?” ฉีเฟยอวิ๋นถามอยู่ตรงฝั่งหนึ่ง
“คืนนี้ต้องจัดการพวกนี้ให้เรียบร้อย ถือซะว่าให้เป็นของขวัญแก่พวกเขา”
“ท่านให้ของขวัญพวกเขามากมายแล้วท่านจำไม่ได้แล้วหรือ ขณะที่พวกเขาเกิดท่านได้ให้สิ่งของแก่ข้าเอาไว้มากมาย!”
“นั่นมันเมื่อก่อนซึ่งพวกเขายังไม่เคยเห็นข้า ตอนนี้เจอแล้วแน่นอนว่าไม่เหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน ข้ากำลังหาวิธีอยู่……”
“หากว่ามีวิธีเจ้าคงไม่ยืนพูดจาเรื่องไร้สาระอยู่ที่นี่แล้ว!” ซูมู่หรงขัดจังหวะการพูดของฉีเฟยอวิ๋นแล้วลุกยืนขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นหายใจไม่ทั่วท้อง จากนั้นมองไปทางฝั่งที่ซูมู่หรงเดินไป
ซูมู่หรงปัดมือแล้วเดินตามไป ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูไปดูเด็กๆทั้งหลาย วันนี้หวังฮวายอันก็ออกจากจวนไปแล้วคาดว่าเนื่องด้วยเรื่องของตระกูลจงชิน
เข้าประตูไปฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งลงโดยที่เด็กๆทั้งหลาายได้อาบน้ำผัดเปลี่ยนสวมชุดนอนที่สะอาดนอนลงแล้ว เมื่อเห็นท่านแม่บังเกิดเกล้าก็รีบลุกขึ้นมาและเดินไปหาอย่างตื่นเต้น
“ได้เวลาพักผ่อนแล้ว วันนี้พวกเจ้าก็เหน็ดเหนื่อยกันทั้งสิ้นแล้วพรุ่งนี้ยังจะต้องไปเล่าเรียนกับท่านอาจารย์ หากว่าพรุ่งนี้ตื่นสายดูซิว่าพวกเจ้าจะทำเช่นไร?”
เด็กๆทั้งหลายวิ่งกลับไปนอนเป็นอย่างดีในทันทีเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งหมดเชื่อฟังจึงได้เข้าไปมุดอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วหลับตา แต่ละคนดูราวกับเกี๊ยวเนื้อทั้งนั้นซึ่งนอนหลับกันได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังซูมู่หรง: “เจ้าก็นั่งลงเถอะ สักครู่เจ้ายังจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนจักรพรรดิปีกใต้อีก”
ซูมู่หรงนั่งลงแล้วเหลือบมองเจ้าห้า: “ก็ยังไม่กินไม่ดื่มหรือ?”
“เขาก็เป็นเช่นนี้ อย่าได้ไปสนใจเขาเลย รอให้ผ่านไปสักพักหนึ่งข้าจะไปหาจื่อฮว่า จื่อฮว่าเป็นคู่หมั้นของเขา”
“เด็กเช่นนี้เหตุใดถึงได้ให้…..แก่เขา” ซูมู่หรงกล่าวครึ่งหนึ่งจู่ๆก็หยุดกล่าว
เขามองเจ้าห้าอย่างตกอยู่ในภวังค์
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ท่านคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว ตัวตนของเจ้าห้านั้นก็มีที่มาเช่นกันแต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าห้าคือใครกันแน่ ท่านกับข้ามาจากช่องว่างอันเดียวกันเจ้าห้าก็เช่นกัน แต่เขากับจื่อฮว่ามาจากที่เดียวกัน เพียงแต่ว่าข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าห้ามาจากที่ใดกันแน่”
“ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก็เป็นลูกของเจ้า ข้าเห็นเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเจ้าห้า!” ซูมู่หรงเหลือบมองบนพื้นจากนั้นก็มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
“ที่จริงแล้วก็เช่นเดียวกัน พวกเขาล้วนเป็นเลือดเนื้อที่มาจากข้า เป็นลูกของข้ากับหนานกงเย่ซึ่งข้าชื่นชอบทั้งนั้น แต่เขาสุขภาพไม่ดีแม้ว่าจะมีความสามารถอันเยี่ยมยอดทว่าซูบผอมจู้จี้จุกจิกและขี้งอนมาตั้งแต่เด็ก หากว่าข้าเข้าข้างพี่ชายคนอื่นๆเขาคงจะต้องโมโหเจียนตายเสียแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ต้องสนใจเขามากหน่อยเท่านั้น”
“เจ้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ข้าจำได้ว่าเจ้ายุติธรรมที่สุดและมักมีเหตุผลเป็นก่ายกอง” ซูมู่หรงยากที่จะจินตนาการได้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้ายังคงเป็นเจ้าคนปากคอเราะร้ายในตอนนั้น
ซูมู่หรงลุกขึ้นแล้วจากไป ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขากำลังจะจากไปจึงได้ถามว่า: “สำหรับครูฝึกแล้วข้าสำคัญมากเช่นนั้นจริงหรือ? ยอมที่จะขัดต่อกฎแห่งการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ก็จะต้องมาที่นี่?”
ซูมู่หรงหันกลับมา: “เพื่อรักใครสักคนนั้นสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ในเมื่อยอมทิ้งทุกอย่างแล้วจะสนใจแต่ตนเองได้เช่นไร?”
“……”ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กล่าวสิ่งใด ซูมู่หรงได้หันหลังกลับไปยังที่พักเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นตบๆเจ้าห้าแล้วมองลงไปยังใบหน้าที่ซีดเซียวไปแล้วของเขา: “แม่สัญญากับเจ้าว่าจะพาเจ้าไปหาจื่อฮว่าแล้วยังจะพาจื่อฮว่ากลับมา แต่เจ้าจะต้องรอมิเช่นนั้นจื่อฮว่าหาไม่พบก็จะเกิดเรื่องกับเจ้าเสียก่อน ผู้ที่พอเติบใหญ่แล้วจะนำตัวจื่อฮว่าไปพวกนั้นก็จะได้เปรียบ”
เจ้าห้าค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาอันมืดสนิทก็สว่างขึ้นโดยที่ในเวลานี้ได้หรี่ลงเล็กน้อยจากนั้นเม้มปากแล้วไม่กล่าวสิ่งใด ฉีเฟยอวิ๋นก้มศีรษะลงจูบใบหน้าน้อยๆของเจ้าห้า: “เจ้าห้า แม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่เจ้าถึงไม่ยอมไป แต่แม่จะบอกเจ้าว่าสักวันหนึ่งแม่จะต้องไปจากพวกเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะไม่ได้เจอแม่
แต่ไม่เป็นไรแล้วก็ไม่ต้องเศร้าใจไป แม่ได้ให้กำเนิดพี่ชายมากมายไว้ให้เจ้า เจ้ายังมีท่านพ่อ ยังมีน้องสาว ยังมีท่านปู่ ยังมีจวนอ๋องเย่และจื่อฮว่า
เช่นไรก็ต้องดำเนินต่อไป เพราะเรื่องเล็กน้อยก็คิดไปในด้านลบแล้วก็ไม่กินไม่ดื่มเป็นการทำร้ายตนเองและเป็นผู้อื่นที่ได้เปรียบ! ”
เจ้าห้าพิงอยู่ในอ้อมอกของฉีเฟยอวิ๋นและไม่อยากกล่าวสิ่งใด
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเด็กๆทั้งหลายซึ่งนอนหลับไปแล้วเนื่องจากเหน็ดเหนื่อยกันแย่แล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นไปนอนยังด้านใน เจ้าห้าหลับตาลงส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นตบๆเขา
ครู่เดียวแม่และลูกชายก็นอนหลับไปเสียแล้วกระทั่งถึงยามดึกดื่นเจ้าห้าก็ลืมตาขึ้น เจ้าเสือน้อยและจิ้งจอกหางสั้นก็ลุกขึ้นมองออกไปยังนอกเรือน
เจ้าห้าลุกขึ้นนั่งแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็อุ้มเขาเอาไว้ในทันที
แม่และลูกชายเกิดความรู้สึกขึ้นมาเป็นอันดับแรกว่าด้านนอกมีคน
เด็กๆทั้งหลายยังคงนอนหลับอยู่และตรงที่ฉีเฟยอวิ๋นนี้ก็ไม่มีผู้ใดแล้ว
“ท่านพ่อไม่อยู่พวกคนเหล่านั้นบุกมาถึงที่นี่แล้ว!” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าประตูจากนั้นเหลือบมองออกไปด้านนอกประตูราวเห็นเงาอันเลือนลางของผู้คนสองสามคนยืนอยู่ในลานเรือน
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดประตูพร้อมกับอุ้มเจ้าห้าออกไป ชายชุดดำได้ลงมาถึงยังบนพื้นแล้ว พวกเขาถือมีดอยู่ในมือกันทั้งนั้น เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นมีคนยกโคมไฟขึ้นส่องไปทางด้านของฉีเฟยอวิ๋นเพื่อที่จะดูฉีเฟยอวิ๋นให้ชัดเจน
“เป็นนาง ลงมือ!” เมื่อเห็นใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นชัดเจนอีกฝ่ายก็ออกคำสั่งและคนสิบกว่าคนก็เข้าจู่โจมฉีเฟยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
ฉีเฟยอวิ๋นปกป้องเจ้าห้าในอ้อมแขนและมองไปยังเจ้าอีกาดำบนหลังคา เจ้าอีกาดำตรงดิ่งจู่โจมลงมาอย่างรวดเร็ว มีคนในนั้นหยิบขลุ่ยออกมาแล้ววางเป็นแนวขวางเป่าขึ้นอยู่ตรงหน้า เจ้าอีกาดำไม่ทันได้ลงมาก็ได้พุ่งทะยานขึ้นไปบนหลังคา เจ้าห้าสีหน้าซีดเซียวคิดจะออกคำสั่งแต่กลับไร้ซี่งเรี่ยวแรง
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังเจ้าเสือน้อย: “ดูเจ้าห้าและเฝ้าประตูเอาไว้!”
เจ้าเสือน้อยส่งเสียงคำรามแล้วรีบพุ่งไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นทันที ฉีเฟยอวิ๋นส่งเจ้าห้าให้เจ้าเสือน้อยในขณะที่เฟยอิงได้โยนพิณฉินฝูโยวให้กับฉีเฟยอวิ๋นแล้ว