องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 873 เขาจะฆ่าท่าน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 870 เขาจะฆ่าท่าน
“ในโลกนี้ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา และต้องแยกจากกันเสมอ” ฉีเฟยอวิ๋นจับมือเล็ก ๆ ของเจ้าห้า เจ้าห้าลืมตาขึ้นมามองฉีเฟยอวิ๋น
ซูมู่หรงกล่าวว่า:“เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปหาหมอผีแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นมองและครุ่นคิดอยู่นาน:“ไปจะดีกว่า บางทีอาจจะมีวิธีอื่น อีกอย่างท่านก็อยากอยู่ต่อ ท่านยังเป็นห่วงจักรพรรดิปีกใต้”
ซูมู่หรงตกตะลึงและหันไปมองทางอื่น
ทั้งสองไม่พูดอะไรอีก และเดินทางไปหาหมอผี
รถม้าใช้เวลาเดินทางเป็นสามวัน และในที่สุดก็มาหยุดที่เชิงเขา
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าออกจากรถม้า ซูมู่หรงเดินตามไป และเฟยอิงจอดรถม้าให้ดี โดยมีเจ้าเสือน้อยและจิ้งจอกหางสั้นอยู่ข้างหลัง
ฉีเฟยอวิ๋นสั่งว่า:“ที่นี่คือป่าเขา มีผู้คนน้อยมาก พวกเจ้าเฝ้ารถม้าที่นี่ และเจ้าอีกาน้อยตามพวกเราขึ้นไป หากมีเรื่องอะไร เจ้าอีกาน้อยจะมาบอกพวกเจ้า ข้ากับครูฝึกจะขึ้นไปข้างบน”
เฟยอิงแบกฉินฝูโยวไว้ข้างหลัง ตอนที่ออกมาเขาเตรียมสิ่งต่างๆ มามากมาย
ซูมู่หรงนำอาหารและกล่องยาไปด้วย
พวกเขาเดินขึ้นไปบนเขา หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร หมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบ ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นนำยาออกมาและส่งให้เฟยอิง:“ที่นี่มีเพียงเจ้าที่ร่างกายปกติ หมอกที่นี่มีพิษ เจ้ากินยาเสียก่อน”
เฟยอิงหยิบยาใส่เข้าปากและเดินตามขึ้นไปบนเขา
ทั้งสามคนเดินผ่านม่านหมอกมาถึงป่าทึบที่มืดมิด และยังมีงูอยู่บนพื้น ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ซูมู่หรง:“ครูฝึก ในกล่องยามีผงกำมะถันแดง”
ซูมู่หรงเปิดกล่องยาแล้วหยิบผงกำมะถันแดงออกมาโรยบนตัวของทั้งสามคน ทั้งสามคนก็เดินไปทางฝูงงู และฝูงงูก็ทยอยกันหลบหลีก
ทั้งสามคนเดินผ่านป่าทึบออกมาได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อออกจากป่าทึบแล้ว ก็มีคนมาขวางทางพวกเขาไว้
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“พวกเรามาพบหมอผี ได้โปรดบอกเขาด้วย”
ผู้คนที่ขวางทางมองหน้ากันและไม่พูดอะไร พวกเขาจะเข้ามาโจมตีด้วยดาบ เฟยอิงกำลังจะออกไป แต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นรั้งไว้
ฉีเฟยอวิ๋นส่งเจ้าห้าให้เฟยอิง และนำฉินฝูโยวมา
“เฟยอิง อย่าใช้กำลังภายในของเจ้าต่อต้าน ครูฝึกตายแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อฉินฝูโยว เพียงแค่เจ้าไม่ใช้กำลังภายใน เจ้าก็จะไม่เป็นไร” ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง และวางฉินฝูโยวลงบนเข่าทั้งสองข้าง นางดีดเบา ๆ คนเหล่านั้นรู้สึกไม่สบาย ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ข้าไม่อยากทำร้ายพวกเจ้า พวกเจ้าไปรายงาน และบอกว่าพระชายาเย่ของแคว้นต้าเหลียงขอพบท่านหมอผี ท่านหมอผีได้โปรดให้เข้าพบด้วย!”
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะรู้สึกทรมาน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมถอย
พวกเขาสักสักครู่แล้วก็พุ่งเข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋นและคนอื่น ๆ ฉีเฟยอวิ๋นดีดนิ้วมือให้เร็วขึ้น และเสียงฉินก็กลายเป็นลูกธนูแหลมคมพุ่งเข้าไปหาคนเหล่านั้น!
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะอายุน้อย แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ เวลาฆ่าพวกเขาไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย แต่เสียงฉินของฉีเฟยอวิ๋นมีพลังสังหารร้ายแรง และพวกเขาก็กลายเป็นควันหายวับไปในพริบตา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเฟยอวิ๋นพบเรื่องเช่นนี้ นางตกตะลึงไปชั่วขณะ
แต่ในวินาทีต่อมา ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกตัวและทำลายล้างผู้คนที่อยู่ตรงหน้าในคราวเดียว
ผู้คนที่อยู่ตรงหน้านางหายวับไปในพริบตา ฉีเฟยอวิ๋นถือฉินฝูโยวและลุกขึ้นยืน
จากนั้นก็แบกฉินฝูโยวไว้ข้างหลัง ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าและเดินไปด้านหน้า
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?” ซูมู่หรงถาม
“น่าจะเป็นวิญญาณ” ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่า
ทั้งสามคนเดินต่อไปและมีลำธารอยู่ข้างหน้า ซูมู่หรงก้าวไปข้างหน้าและต้องการจะข้ามไป แต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นคว้าข้อมือไว้:“อย่าลงไป ข้างล่างมีบางอย่างผิดปกติ!”
ซูมู่หรงเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น และไม่ได้ข้ามไป
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบบางอย่างออกมาจากกล่องยา เป็นขวดที่มีน้ำอยู่ข้างใน
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดฝาแล้วเทน้ำข้างในลงไปในน้ำ จากนั้นก็หยิบแท่งไฟออกมา แกว่งแล้วโยนลงไปในน้ำ และทันใดนั้นน้ำก็ติดไฟขึ้นมา
แม่น้ำสายนี้ปนเปื้อนน้ำที่อยู่ในขวด และแม่น้ำทั้งสายก็ติดไป ควันดำลอยขึ้นมาจากน้ำ แลกระจายไปทั่ว
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปรอบ ๆ และกล่าวว่า:“แม้ว่าจะติดไฟแล้ว แต่ก็ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ ครูฝึกจำได้หรือไม่ว่าแอลกอฮอล์สามารถเผาไหม้ในน้ำได้?”
“อืม”
“เราต้องใช้ไม้ไผ่ข้ามไป”
“ได้”
ซูมู่หรงหันกลับไปหยิบมีดออกมา และไปตัดท่านไม้ลงมาอย่างรวดเร็ว และทำเป็นไม้ค้ำยันหนึ่งอัน แต่ในความเป็นจริงมีไม้เพียงไม่กี่อัน เขาโยนให้เฟยอิงสองอัน แล้วพวกเขาก็มัดเข้ากับขาของตัวเอง
ซูมู่หรงหยิบไม้อีกอันหนึ่งที่อยู่บนแขนของเฟยอิง ซูมู่หรงจับฉีเฟยอวิ๋นโยนขึ้นไปบนไม้ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงบนนั้น นางอุ้มเจ้าห้าและมองดูทั้งสองคน:“พวกเจ้าไไม่ต้องกังวล ข้าจะนั่งนิ่ง ๆ ”
ซูมู่หรงยิ้ม แต่เฟยอิงเป็นกังวลมาก แม้ว่าไม้จะหนา แต่คนก็สามารถร่วงหล่นได้ง่าย อีกอย่างนางก็อุ้มเจ้าห้าอยู่
แต่เมื่อเห็นท่าทางของฉีเฟยอวิ๋นและซูมู่หรง เฟยอิงก็ยอมแพ้
ทั้งสองคนถีบท่านไม้ลงไปในน้ำ ซูมู่หรงกำชับว่า:“น้ำไม่นิ่ง หากทรงตัวได้ก็จะไม่ตกลงไป”
เฟยอิงเหลือบมองที่ซูมู่หรง แต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้า นางสังเกตน้ำและสภาพแวดล้อมโดยรอบ
เจ้าอีกาน้อยเกาะอยู่บนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น
เฟยอิงเหงื่อตกและเป็นห่วงฉีเฟยอวิ๋น
เมื่อไปถึงตรงกลาง เท้าของเฟยอิงก็ลื่นลงไป ท่านไม้อยู่ไม่นิ่งและฉีเฟยอวิ๋นก็ตกลงไป เฟยอิงรีบดึงนางไว้ ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวกลับมา ในขณะที่เฟยอิงร้อนใจจนอยากจะร้องตะโกน ฉีเฟยอวิ๋นห้อยอยู่ข้างบนเหมือนค้างคาวและแกว่งไปมา
เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนและห้อยอยู่บนไม้ ร่างของนางแกว่งไปมา ราวกับอยู่บนชิงช้า เฟยอิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ซูมู่หรงเอื้อมมือออกไปคว้าไหล่ของฉีเฟยอวิ๋นไว้ และใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายดึงฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังอุ้มเจ้าห้าอยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ร่างกายไม่ค่อยดี แล้วยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ไม่กล้าขยับเขยื้อน มิเช่นนั้นจะคว่ำ”
ซูมู่หรงยิ้มและกล่าวว่า:“เจ้าหาเรื่องเอง หากเจ้าเชื่อฟังก็คงไม่เป็นเช่นนี้ และเจ้าคงจะไม่ให้ข้าแบกไว้บนหลัง?”
เฟยอิงเลิกคิ้วและมองไป ใบหน้าของซูมู่หรงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ที่นี่แตกต่างจากที่นั่น ชายหญิงไม่อาจใกล้ชิดกัน!”
“ที่นี่หรือที่นั่นก็เหมือนกัน ทำเหมือนกับว่าข้าไม่เคยอุ้มเจ้ามาก่อน ตอนที่เจ้ากับข้าออกไปปฏิบัติภารกิจ หรือว่าไม่ใช่ข้าที่แบกเจ้า และไม่ใช่ข้าที่นอนด้วยหันกับเจ้า?”
สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นมืดมน:“ท่านแบกข้า เป็นเพราะขาของข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงต้องอยู่เพื่อรับการรักษา ท่านต้องการจะพาข้าไปช่วยชีวิตผู้คน ข้าไปไม่ได้ หากท่านไม่แบกข้า จะให้ข้าบินไปหรือ?”
“ปากคอเราะราย เจ้าคงจะเรียนรู้มาจากหนานกงเย่ ที่ผ่านมาทำไมถึงไม่เคยเห็นเจ้าน่ารักเช่นนี้มาก่อน?” เมื่อซูมู่หรงกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของเฟยอิงก็ทรุดลง และเบือนหน้าหนีไปมองไปข้างหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็นด้วย:“การอยู่กับคนที่น่าเบื่อ แน่นอนว่าย่อมน่าเบื่อ และการอยู่กับคนที่น่าสนใจ แน่นอนว่าย่อมน่าสนใจ”
ซูมู่หรงหัวเราะ:“ทำไมข้าถึงดูเลยไม่ออกเลยว่าเจ้าน่าสนใจกว่าข้า?”
“อย่างน้อยเขาก็ชอบข้ามาแล้วหนึ่งปี แต่สิบกว่าปีแล้ว ครูฝึกก็ยังไม่ชอบข้า ดูจากฝีมือการต่อสู้ก็รู้”
ซูมู่หรงมองอยู่ครู่หนึ่ง และแสดงท่าทีไม่พอใจ:“นั่นเป็นเพราะข้ามีหลายอย่างที่อยู่ในใจ เจ้าเป็นเหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
“ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดเจน หากมีวาสนาชาติหน้าคงได้พบกัน หากไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้กัน แสดงว่าไม่มีวาสนา!” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเฟยอิง สีหน้าของเฟยอิงไม่น่ามอง นางจึงถามเขาว่า:“เฟยอิง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เฟยอิงเหลือบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เขาไม่ตอบและเดินต่อไป
ซูมู่หรงยิ้ม:“เช่นนั้นเจ้ากล้าบอกเขาเรื่องที่เจ้านอนกอดข้าหรือไม่?”
“เขาไม่ได้ถาม และข้าก็จำไม่ได้แล้ว อันที่จริงหากครูฝึกไม่มา ครอบครัวของเราก็มีความสุขดี ท่านก็คือท่าน ข้าก็คือข้า ลมยามเช้าก็คือลมยามเช้า และละอองฝนก็คือละอองฝน”
“แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยนอนกับข้า ในที่แห่งนี้ไม่อาจให้อภัยได้ หากเขารู้ก็คงจะหย่ากับเจ้า!”
“เขาจะฆ่าท่าน!” ฉีเฟยอวิ๋นสุขุมเยือกเย็น และมองซูมู่หรงที่กำลังงุนงง