องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 878 หาคนมาช่วย
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 878 หาคนมาช่วย
“ข้าไม่เคยยั่วยุคนอื่น ข้าเพียงแค่มองดูว่าคนอื่นจะตายอย่างไรก็เท่านั้น!” ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปใกล้หงเยี่ย “เจ้าไม่ควรคิดเกี่ยวกับเรื่องการยั่วยุให้เกิดความแตกต่าง เจ้าคิดว่าหนานกงเซวียนเหอจะติดกับดักเจ้าหรือ เจ้าคิดว่าหนานกงเย่จะเชื่อเจ้าหรือ?”
หงเยี่ยมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าไม่ควรมีชีวิตอยู่ แต่ไม่เป็นไร คนที่รูปร่างหน้าตาสวยงามเช่นเจ้า หากใช้เพื่อสร้างผลประโยชน์ละก็ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนจำนวนมากที่ยอมจงรักภักดีต่อข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่หัวเราะเบาๆ “หวังว่าเจ้าจะสมหวังดังที่คิด”
เมื่อพูดจบฉีเฟยอวิ๋นก็ได้เดินไปข้างหน้า และข้างหน้าก็คือหัวเรือ คนที่ยืนตรงนั้นมักจะเมาเรือ โดยเฉพาะเมื่อต้องหันหน้าไปข้างหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจลึก โลกใบนี้ช่างดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าซูมู่หรงจะเป็นอย่างไรบ้าง?
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อยและยกมือขึ้นมาลูบศีรษะ ฉีเฟยอวิ๋นพยายามทำให้ตัวเองตื่น เธอรู้ว่าไม่ควรคิด เมื่อนึกถึงจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
เพื่อไม่ให้เธอนอนหลับ ฉีเฟยอวิ๋นออกแรงหยิกตัวเองอย่างแรง
หงเยี่ยเห็นการกระทำของเธอก็รู้สึกหัวเราะ “ทำไมหรือ เจ้ากลัวว่าจะเมาเรือและตกลงไปอย่างนั้นหรือ?”
“ใครจะไปรู้” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหงเยี่ยจากนั้นหันไปมองซูมู่ไห่และเดินเข้าไปหาเขา เธอยื่นมือออกไปปลดเชือกให้กับซูมู่ไห่
บนเรือมีคนจำนวนมาก หงเยี่ยไม่เป็นกังวลใจว่าฉีเฟยอวิ๋นและซูมู่ไห่จะหนีไป เขาเพียงแค่มองดูฉีเฟยอวิ๋นกำลังช่วยเหลือซูมู่ไห่ และตอนนี้เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนที่แท้จริงของซูมู่ไห่คือใคร หากเขารู้ เขาจะต้องฆ่าซูมู่ไห่อย่างแน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นปลดเชือกให้ซูมู่ไห่และกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกง่วงมากและรู้สึกมึนงงจะหมดสติ ประเดี๋ยวเราไปพักผ่อน เจ้าคุ้มครองข้า อย่าให้ข้าเกิดเรื่องขึ้นได้”
“เจ้าพูดอะไร ตอนนี้แล้วเจ้ายังมีใจจะนอนหลับอีกหรือ?” ซูมู่ไห่ไม่เคยเห็นคนแบบนี้ ซูมู่ไห่ประคองฉีเฟยอวิ๋นและมองฉีเฟยอวิ๋นที่เป็นลมหมดสติไปในอ้อมแขน “เจ้าอย่าทำเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้!”
ซูมู่ไห่โกรธจนกัดฟัน หงเยี่ยขมวดคิ้วและยกมุมปากขึ้น “น่าสนใจ ส่งคนมาที่นี่ แยกพวกเขาออกจากกัน ข้าอยากจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร?”
ซูมู่ไห่มองไปที่หงเยี่ย บริเวณโดยรอบมีคนมาล้อมไว้หมดแล้ว เพื่อการมีชีวิตรอด ซูมู่ไห่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาและรีบกระโดดลงไปในน้ำ
ไม่นานทั้งสองก็ตกลงไปในน้ำ หงเยี่ยตะโกนออกมา “จับพวกเขาให้ได้”
คนกลุ่มหนึ่งกระโดดลงไปในน้ำเพื่อไปจับพวกเขา แต่สุดท้ายก็จับกลับมาไม่ได้ จึงทำให้ซูมู่ไห่หนีไปได้
หงเยี่ยออกคำสั่ง “หาให้เจอ หากหาไม่เจอก็ไม่ต้องขึ้นมา”
ขณะนี้ ซูมู่ไห่พาฉีเฟยอวิ๋นว่ายน้ำหนีออกไปไกลมากแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นถูกลากขึ้นไปบนพงหญ้าและซูมู่ไห่ก็เหนื่อยล้ามากแล้ว เขาถูกขับไล่ออกจากวังตั้งแต่ยัง เียงเพราะท่านพ่อของเขาจากไปเร็วก่อนวัยอันควร จากนั้นฮองเฮาก็ไม่ต้องการเขาอีก โชคดีที่ท่านตาของเขาเป็นสหายเพื่อนรักของอดีตจักรพรรดิและรับเลี้ยงดูเขาไว้
ซูมู่ไห่เติบโตบนเนินกกไม้อ้อตั้งแต่เด็กๆ ฉะนั้นความสามารถทางน้ำของเขานั้นดีมาก
แต่เพราะเขาเป็นลูกชายของจักรพรรดิปีกใต้ ฮองเฮาจึงมักรังเกียจและสั่งให้คนไล่ฆ่าเขา แม้ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่มันทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากรากของโรคและไม่สามารถว่ายน้ำได้อีกต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ลงไปในน้ำในปีนี้ และเขาพยายามอย่างดีที่สุด
ฉีเฟยอวิ๋นหลับสนิท ซูมู่ไห่นอนลงไปครู่หนึ่งจากนั้นมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น คนเมื่อนอนหลับแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
ซูมู่ไห่ยกมือขึ้นมาทดสอบและมั่นใจว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่
ซูมู่ไห่ไม่เคยเห็นผู้หญิงเช่นนี้มาก่อน ราวกับเป็นสัตว์ประหลาด
เมื่อมองออกไปไม่ไกลนักยังมีการค้นหา ซูมู่ไห่จึงรู้ว่าสถานที่นี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป จากนั้นจึงให้ฉีเฟยอวิ๋นขี่หลังและใช้ไม้อ้อเพื่อหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าจะหนีไปได้ แต่ที่นี่เป็นเนินไม้กกไม้อ้อและมีบริเวณน้ำอยู่โดยรอบไกลออกไป หากจะหนีออกไปให้ได้นั้นนับเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ แถมยังต้องคอยหลบคนเหล่านั้น
แต่พวกเขาก็หาซูมู่ไห่และฉีเฟยอวิ๋นไม่เจอ และฉีเฟยอวิ๋นก็หลับลึกหลับสนิทอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นได้กลับไปสู่โลกปัจจุบันแล้ว เธอเห็นสถานที่ที่ซูมู่หรงถูกกักขังแล้ว กลับเป็นสถานที่เดิม เพียงแต่บริเวณโดยรอบนั้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นสังเกตมองบนเรือนร่าง ครั้งนี้เธอกลับมาอย่างไร้รูปร่าง การไร้รูปร่างทำให้เธอไม่สามารถช่วยเหลือซูมู่หรงได้
ฉีเฟยอวิ๋นรีบร้อนมาก และเข้าไปใกล้ ซูมู่หรงได้ตายไปแล้ว
เรียกก็ไม่ได้ ตะโกนก็ไม่ได้ ถูกล็อกภายในคอนเทนเนอร์โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ภายในห้องทดลองไม่มีใครเลยสักคน
ฉีเฟยอวิ๋นรอตั้งแต่เช้าจรดค่ำและจากกลางคืนถึงเช้าและเธอไม่รู้ว่าเธอรอนานแค่ไหน ฉีเฟยอวิ๋นฟุบแนบกับคอนเทนเนอร์และจ้องมองซูมู่หรง
“ครูฝึกคะ ครูฝึก……คุณควรตื่นได้แล้ว ถ้ายังไม่ตื่นอีก ฉันจะไปแล้วนะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดอยู่ภายนอกคอนเทนเนอร์ และคอยเรียกซูมู่หรง
เธอรู้สึกว่าอากาศหนาวมาก ลมพัดโบกพลิ้วไปมา ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งกำลังเรียกเธอ ร่างกายของเธอขยับแกว่งไปมา จากนั้นจึงจากไป
เมื่อลืมตาขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ
เธอพลิกตัวและมองเห็นซูมู่ไห่ที่นั่งอยู่ข้างกาย ซูมู่ไห่เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาแล้วจึงถอนหายใจ
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?” ซูมู่ไห่ไม่คิดเลยว่าฉีเฟยอวิ๋นจะนอนหลับไปนานเช่นนี้ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงนอนอยู่ไม่ลุกขึ้นและจ้องมองซูมู่ไห่จากนั้นจึงถามว่า “คนเหล่านั้นไปหรือยัง?”
“พวกเขาไปกันหมดแล้ว แต่พวกเราก็ออกไปไหนไม่ได้ บริเวณโดยรอบของที่นี่เป็นน้ำทั้งหมด และบางที่ก็เป็นหนองน้ำ หากไม่ระวังก็จะตกลงไป” อันที่จริงซูมู่ไห่สามารถจากไปได้ เขาเพียงคนเดียวไม่มีปัญหาอะไร แต่หากต้องพาฉีเฟยอวิ๋นไปด้วย เขาไม่สามารถออกไปได้
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมานั่งลง “เพื่อนของข้าถูกกักขังเอาไว้ เขาถูกกักขังไว้ในสถานที่รูปทรงสี่เหลี่ยมแข็ง เดิมทีตอนที่ข้าไปหาเขา ข้าไปอย่างมีตัวตน แต่ตอนนี้กลับเป็นเพียงในความฝันเท่านั้นที่จะมองเห็นเขาได้ ข้าอยากจะช่วยเขา เจ้าสามารถช่วยข้าได้ ข้าจะพาเจ้าไปตอนนี้ เจ้าจับมือของข้าเอาไว้ หากไปถึงที่นั่นแล้ว ร่างกายของเจ้าจะปรากฏขึ้นและสามารถสัมผัสกับของสิ่งนั้นได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไร ได้โปรดช่วยข้าด้วย ขอเพียงแค่ท่านสามารถช่วยข้าได้ ไม่ว่าอนาคตเจ้าต้องการอะไร ข้าจะช่วยเหลือเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นจับมือของซูมู่ไห่เอาไว้ และทำให้ซูมู่ไห่ตกใจมาก เขารีบปล่อยมือออก แต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นดึงเอาไว้ “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้าไป และจะพาเจ้ากลับมา ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เจ้าวางใจได้”
“ผู้หญิงคนนี้ เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร เจ้ารีบปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะ”
ซูมู่ไห่โมโหจนหน้าแดง และออกแรงเพื่อสะบัดมือของฉีเฟยอวิ๋นออก ฉีเฟยอวิ๋นรีบใช้สองมือคว้ามือของซูมู่ไห่ไว้แน่น จากนั้นก้มหน้าและหลับตาลง “ได้โปรด ให้ข้าพาซูมู่ไห่ไปเถอะ ข้าต้องการช่วยเขา!”
ดูเหมือนจะมีลมอยู่ข้างหน้าเธอ ซูมู่ไห่มองไปรอบ ๆ ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขนคิ้วมาวางไว้ในมือของซูมู่ไห่และมือของเธอ เธอจำได้ บรรพบุรุษเคยวาดอะไรไว้ระหว่างคิ้วของเธอและจะต้องมีประโยชน์อะไรบ้างอย่างแน่นอน
ลมพัดขึ้นมา ซูมู่ไห่มองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกว่าร่างกายของเขาอยู่ในกระแสน้ำวน และในไม่ช้าสภาพแวดล้อมก็เงียบลง แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับหายไป แต่เขารู้สึกได้อย่างมั่นใจว่าฉีเฟยอวิ๋นอยู่ข้างกายของเขา และเขาก็อยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่ไห่และมองไปที่ห้องทดลอง และเธอมั่นใจว่าเป็นที่นี่ ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ซูมู่ไห่ ซูมู่ไห่รู้สึกเหมือนมีคนดึงมืออยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า ตรงนั้นมีสิ่งของที่แปลกประหลาดอยู่ และเขาก็ถูกลากจูงไปตรงนั้น