องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 882 ตาข้างไหนเห็นว่าเธอวาจาไม่เรียบร้อยเหลวไหลแล้ว
- Home
- องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ
- บทที่ 882 ตาข้างไหนเห็นว่าเธอวาจาไม่เรียบร้อยเหลวไหลแล้ว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 879 ตาข้างไหนเห็นว่าเธอวาจาไม่เรียบร้อยเหลวไหลแล้ว
ไม่นานซูมู่ไห่ก็รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เขาเลยสงบนิ่งลงก่อน และมองภาชนะใส่ของที่อยู่ด้านหน้า มือกอบกุมมือฉีเฟยอวิ๋นที่จูงเขาไว้ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเคยบอกว่าจะพาข้ากลับไป เจ้าอย่าผิดคำพูดนะ ตอนนี้ข้าจะคิดหาวิธี”
ซูมู่ไห่มองสิ่งของแปลกประหลาดที่อยู่ตรงหน้า หันหลังกลับไปเอาเก้าอี้แล้วกระแทกกับภาชนะใส่ของ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
ฉีเฟยอวิ๋นยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ด้านข้าง มองเห็นปุ่มเปิดปิดอยู่อีกด้าน เลยดึงซูมู่ไห่ไปทางด้านนั้น ซูมู่ไห่ถูกจูงมาบนพื้น เห็นด้านบนมีปุ่มเปิดปิด มือของเขาวางลงด้านบน ซูมู่ไห่กดลงไป ภาชนะใส่ของจึงได้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน วางลงอย่างช้าๆ มีเสียงดังแกร็กหล่นลงบนพื้น ฉีเฟยอวิ๋นเดินไป ดึงมือของซูมู่ไห่ที่กดด้านบนนั้น ซูมู่หรงกดลงไป ภาชนะเปิดออกทันที
ฉีเฟยอวิ๋นหันมองไปด้านใน มองไปแล้วซูมู่หรงยังมีชีวิตอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นจึงดึงจูงซูมู่ไห่ไปลองหยั่งเชิงดู
มั่นใจว่ามีชีวิตอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นร้องไห้ดีใจกับสิ่งที่คาดไม่ถึงเลย พอเธอร้องไห้ออกมา ซูมู่หรงเลยลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
ซูมู่หรงมองคนตรงหน้า กล่าวว่า“ทำไมเป็นเจ้า?”
ซูมู่ไห่ชะงักงัน กล่าวว่า“เจ้าคือ?”
“นางล่ะ?”
ไม่นานซูมู่หรงก็ได้สติกลับมา เลยรีบกล่าวถาม
ซูมู่ไห่มองคนด้านข้างที่มองไม่เห็น ฉีเฟยอวิ๋นรีบดึงมือของซูมู่ไห่ มือทั้งสองข้างกอบกุมมือของเขา ขมวดคิ้วแน่น แล้วจึงพาซูมู่ไห่กลับไป
ซูมู่หรงเห็นซูมู่ไห่จากออกไปกับตา เขามองไปทางภาชนะใส่ของอีกอัน จึงเดินไปอยู่ทางด้านนั้นแล้วมองเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาเบิกโพลงกว้าง บริเวณโดยรอบสงบลง ซูมู่ไห่เหมือนกับฝันไปลืมตาขึ้นช้าๆ มองเห็นฉีเฟยอวิ๋นไม่พูด
ฉีเฟยอวิ๋นเอามือออก มองบริเวณโดยรอบตอนนี้ฟ้าสางแล้ว
ซูมู่ไห่ก็มองบริเวณโดยรอบเช่นกัน เขามั่นใจว่าฟ้าสางสว่างแล้ว
ซูมู่ไห่ถามว่า“คนผู้นั้นคือใครหรือ เหตุใดเขาถึงรู้จักข้า?”
“ข้าพูดแล้วเจ้าอาจจะไม่เชื่อ เจ้ายังจะถามอะไร?”ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยล้ามาก เลยนอนลงไป ซูมู่ไห่ก็ค่อนข้างเหนื่อย เลยนอนลงด้วยเสียเลย
พอถึงตอนเที่ยงฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ลุกขึ้น จากนั้นเหลือบมองเข้าไปในต้นอ้อ แล้วเอากระเป๋าพกที่ห้อยคอออกมา เสี่ยวเฮยกระโจนออกแล้วพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้ากล่าวว่า“เจ้าไปเถิด บอกกับท่านอ๋องนะว่าข้าอยู่ที่นี่”
เสี่ยวเฮยไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงมองซูมู่ไห่ จากนั้นกล่าวว่า“เจ้าเจ็บหน้าอกใช่หรือไม่ ไม่กล้าออกแรงใช้แรง?”
ซูมู่ไห่ชะงักงันกล่าวว่า“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าเป็นหมอ ข้าจะตรวจดูให้เจ้า เจ้ายื่นมือมาให้ข้าเสีย”ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง เพื่อหลีกเลี่ยงการที่คนจะพบเห็น
ซูมู่ไห่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเลยนั่งลงยื่นมือหาฉีเฟยอวิ๋น มือของเขาวางอยู่บนเข่า ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำการจับแมะชีพจร
ครั้งนี้ตรวจอย่างชัดเจน ฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ่งมั่นใจ
“ปอดของเจ้าบวมน้ำ อีกทั้งเพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลานานเลยหายใจไม่ออกเกิดการอุดกั้น แต่ด้านในปอดของเจ้าน่าจะมีอะไรเข้าไปแล้วสำลัก ข้ากลับไปจะทำการจ่ายยาให้ เจ้าก็ลองกินดู น่าจะไม่เป็นไร”ที่จริงฉีเฟยอวิ๋นสามารถเอาเลือดให้ซูมู่หรงกินได้เลย อย่างนี้ก็จะสามารถรักษาหาย และให้เขาสืบทอดบัลลังก์ได้ และฉีเฟยอวิ๋นสละตัวเองออก
แต่พอคิดถึงการที่อาจจะถูกคิดวางแผนทำร้าย ก็เลยช่างมันเถิด เพียงแค่ชั่วขณะไม่ถึงกับตายหรอก
ซูมู่ไห่เชื่อฉีเฟยอวิ๋น ภาพเมื่อครู่นี้ราวกับว่าไปนรก คนนั้นใช่ท่านปู่ของเขาหรือไม่?
“เอ่อ?”ซูมู่ไห่อยากจะถามก็ไม่กล้าถาม
“คนผู้นั้นเป็นญาติของเจ้า เจ้ารู้เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องถามข้าอีกแล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูด ถามแล้วก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นเธอเลยพูดตรงๆ
สีหน้าของซูมู่ไห่เก็บอาการไม่อยู่หน้าเสีย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
“ข้าหิวแล้ว ข้าอยากจับปลา เจ้าอย่าเดินมั่วล่ะ”ซูมู่ไห่อยากไปจับปลา แต่ได้ถูกฉีเฟยอวิ๋นดึงไว้
“เจ้าอย่าลงไปเลย พวกเราตกปลากันเถิด ร่างกายเจ้าไม่แข็งแรง พาข้ามาที่แห่งนี้นับว่าเพียงพอเป็นพระคุณแล้ว”
“ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหยิบหญ้า บิดมัน ควานผ่านโคลนใต้ต้นอ้อ พบไส้เดือนสองสามตัว จึงโยนพวกมันลงไปในน้ำ และนั่งไขว่ห้างบนต้นอ้อ
ซูมู่ไห่นั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอธิบายว่า”ที่จริงปลาชอบกินไส้เดือน กุ้งก็ได้”
ซูมู่หรงถามว่า“เจ้าอายุเท่าไหร่?”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเขา ในที่สุดก็นับว่าพูดภาษาคนแล้ว
“น้อยกว่าเจ้า”
“แล้วเจ้ากับคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน?”
“เขาคือสามีของข้า”
“เด็กน้อยเป็นลูกของพวกเจ้า?”
“ใช่”
“ข้าไม่เชื่อเจ้าอายุน้อยอย่างนี้ มีลูกแล้วหรือ?”
“…”เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็ห่อเหี่ยวใจ เธอเองไม่นานก่อนหน้านี้ก็สัมผัสได้ ว่าเธอมาถึงที่นี่ ก็เหมือนกันกับเป็นเรื่องที่คาดฝัน ไม่ได้มีการเติบโต นอกจากความสวยงาม ไม่มีที่แห่งไหนเติบโตแล้ว
และก็พูดได้ว่า คนอื่นกำลังเติบโต กำลังเปลี่ยนแปลง แต่เธอไม่เลย
อายุของเธอตอนนี้ ผู้หญิงที่นี่สามารถดูออกได้ว่าเป็นแม่ของลูกจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนไม่มีลูกอย่างนั้นแหละ
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าชาตินี้ล้วนจะเป็นอย่างนี้
รอตอนที่หนานกงเย่แก่ เธอยังเป็นอย่างตอนนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆจะทำอย่างไรดี?
“เจ้าคงไม่ใช่เมียน้อยของเขาหรอกนะ?”ซูมู่ไห่ถาม
ฉีเฟยอวิ๋นมองหน้าซูมู่ไห่อย่างจนปัญญาแล้วเบนหนี เธอไม่อยากจะพูด เธออยากจะตกปลา
ไม่นานปลาได้ติดเบ็ดฉีเฟยอวิ๋นจึงยกขึ้นมา มันยังเป็นปลาตัวใหญ่ด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นเอาปลาให้ซูมู่ไห่“เจ้ามาจัดการ”
ซูมู่ไห่ไม่กล้ากินอย่างเดียวเลยรีบเอาปลาไปจัดการ ทำเสร็จแล้วให้ฉีเฟยอวิ๋นครึ่งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า“เจ้ากล้าหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองปลาสดที่อยู่ด้านหน้า ที่จริงกังวลว่าจะถูกพบเจอ แต่สดนั้นกินไม่ลงหรอกและก็จะทำให้มีพยาธิด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นเบนหน้าหนี กล่าวว่า“เจ้ากินเถิดข้าไม่กล้ากิน”
ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญา เอาต้นอ้อในมือทิ้งลง จากนั้นนอนลงด้วยความกลัดกลุ้มใจ
ซูมู่ไห่ชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะยอมรับขนาดนั้น
“หากที่นี่จุดไฟ จะถูกคนพบเห็น พอถึงตอนนั้นข้ากับเจ้าล้วนเป็นอันตราย”ฉีเฟยอวิ๋นลืมตามองเขา
“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าเพียงแค่ไม่คุ้นชินกับการกิน ข้าพักผ่อนอีกสักครู่ก็ดีขึ้น เจ้ากินก่อนเลย ดูและพละกำลังถือเป็นเรื่องที่ดี อีกอย่าง เจ้าช่วยข้า ข้าจะตอบแทนเจ้า เมื่อก่อนเคยพูดแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนผิดคำพูด เธอต้องตอบแทนซูมู่ไห่แน่นอน
ซูมู่ไห่จ้องฉีเฟยอวิ๋นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปกินปลา ฉีเฟยอวิ๋นไม่กิน เดี๋ยวเขากินเอง
แต่เขาไม่ได้พูดว่าต้องการอะไรกินเสร็จนั่งอยู่อีกด้านมองฉีเฟยอวิ๋น
ตอนที่ฟ้ามืด มีคนเข้าใกล้ เสี่ยวจินออกจากกระเป๋าพกมาพึมพำ
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นนั่งมองบริเวณโดยรอบ มองเห็นคนยืดตัวลุกขึ้น เลยจูงซูมู่ไห่เข้าด้านใน ซูมู่ไห่ดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ กล่าวว่า“ไปไม่ไหวแล้ว พวกเขาคนเยอะเกินไป”
“ไม่ไป จะรู้ได้ไงไปไม่ไหว?”ฉีเฟยอวิ๋นมองคนที่มา อย่างไรก็ไม่สามารถนั่งรอความตาย?
“พวกเขาคนเยอะเกินไป ข้าบอกว่าไปไม่ได้ ก็คือไปไม่ได้!”ซูมู่ไห่ดึงฉีเฟยอวิ๋นไปทางด้านหลัง แล้วมองคนเหล่านั้นที่กล้ามา
“หากรู้ว่าพวกเขาจะหาที่นี่เจอ ก็น่าจะย่างปลาสักตัวให้เจ้ากินแล้ว”เวลานี้ซูมู่ไห่กล่าวด้วยความผิดหวัง
ฉีเฟยอวิ๋นอดกลั้นหัวเราะไม่ได้ มีแบบนี้ด้วยหรือ?
ซูมู่ไห่หันไปมองใบหน้าแดงก่ำของฉีเฟยอวิ๋น หัวเราะด้วยความขบขันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า“เจ้านี่เป็นหญิงวาจาไม่เรียบร้อยเหลวไหล!”
“………”ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแตกยับเยิน ตาข้างไหนเห็นว่าเธอวาจาไม่เรียบร้อยเหลวไหล?
จริงๆเลย!