องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 883 เรื่องของความรู้สึก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 883 เรื่องของความรู้สึก
ซูมู่ไห่กล่าวออกมาจนผู้อื่นประหลาดใจ ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเขาแล้วจู่ๆก็หัวเราะออกมา
“หัวเราะสิ่งใด?” เห็นฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ หน้าตาซูมู่ไห่เย็นยะเยือก
ฉีเฟยอวิ๋นเก็บรอยยิ้ม: “ชายหญิงมิอาจอยู่ใกล้เกรงว่าเช่นนี้จะไม่ได้ เซวียนเหอท่านดูแลเขาเถอะข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เกรงใจเลย จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหลัง
ซูมู่ไห่ต้องการจะตามแต่ถูกเซวียนเหอเรียกไว้: “องค์ชายสี่เชิญทางนี้”
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก ซู่มู่ไห่จึงได้เดินตามไป
ฉีเฟยอวิ๋นมีคนอยู่ด้วย เมื่ออาบน้ำออกมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปที่ลานเรือนแล้วเห็นอีกาดำบนศีรษะจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหาเซวียนเหอกับซูมู่ไห่
ซูมู่ไห่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรัยบร้อยแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นสวมชุดแดงทั้งร่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ชุดสีแดงคือชุดของพระชายาของเมืองต้าเหลียง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้คิดว่าเซวียนเหอจะเตรียมเสื้อผ้าเช่นนี้ให้นาง
เช่นไรที่นี่ก็คือปีกใต้ การปรนนิบัติของปีกใต้นั้นแตกต่างไปจากเมืองต้าเหลียงของพวกเขาอน่างสิ้นเชิง แต่ในความเป็นจริงทั้งสี่แคว้นใหญ่ทั่วทุกสารทิศนั้นเครื่องแต่งกายของแคว้นเฟิ่งมีความสง่างามมากหน่อยโดยเฉพาะชุดของสตรี
แต่เครื่องแต่งกายในวังของเมืองต้าเหลียงและเครื่องแต่งกายบางชุดของพระชายาก็มีความเจำเพาะเจาะจงมากเช่นกันโดยเฉพาะชุดในร่างกายวันนี้ซึ่งมีฝีมือมาจากที่เดียวกับเสื้อคลุมหงส์
ซูมู่ไห่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “ท่านเป็นใคร?”
ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลงมองดูแล้วมองไปยังเซวียนเหอโดยที่เซวียนเหอก็เปลี่ยนเป็นชุดบุรุษของเมืองต้าเหลียงแล้ว เขาไม่ได้สวมสิ่งอื่นสวมชุดผ้าแพรท่านอ๋องทั้งกายซึ่งเป็นสีแดงและแขนเสื้อกว้างอันงดงาม
ฉีเฟยอวิ๋นนับว่ามองออกแล้วว่าเซวียนเหอหมายความสิ่งใด
ซูมู่ไห่สวมชุดของปีกใต้ซึ่งมีสีดำและแตกต่างไปบ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้ชื่นชอบมากนัก
“ข้าคือพระชายาเย่แห่งเมืองต้าเหลียงและเป็นองค์รัชทายาทแห่งปีกใต้ฉีเฟยอวิ๋น!”
ซูมู่ไห่ตกตะลึงครู่หนึ่งส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่ได้ใส่ใจมากนักเดินไปจับข้อมือของซูมู่ไห่แล้วเริ่มตรวจดูอาการ ใั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนักจึงได้กล่าวว่า: “ข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านอายุมากกว่าข้าอยู่บ้าง”
“……” ซูมู่ไห่ดึงมือออกจากนั้นหันหลังเดินไปทางลานเรือน ฉีเฟยอวิ๋นนำเข็มเงินมาปักไปตรงหลังของซูมู่ไห่ คนนั้นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับแล้ว
เซวียนเหอแปลกใจ: “ฝังจุด?”
“ข้าไม่รู้วิธีฝังจุดใดหรอกแต่ข้าเคยเล่าเรียนมาว่าสามารถฝังจุดให้คนได้หรือไม่ แต่ว่าไม่ได้แค่เพียงชาตอนนี้เขาขยับไม่ได้เท่านั้น ท่านช่วยประคองเขาไปในห้อง ข้าจะรักษาอาการป่วยให้เขา”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับเดินไปยังเรือนด้านหลังก่อนซึ่งที่นั่นมีห้องอยู่ เข้าไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ยืนอยู่ข้างเตียงและมองดูซูมู่ไห่ถูกประคองไปยังบนเตียง
ซูมู่ไห่นอนลงและพยายามกำหมัดด้วยมือทั้งสองข้างแต่เขาทำไม่ได้ ร่างกายของเขาชาและขยับไม่ได้เลย
ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงปลดเสื้อด้านนอกของซูมู่ไห่ออกโดยที่เขาสวมเสื้อด้านในสีขาวทั้งร่าง
“ฉีเฟยอวิ๋น!” ซูมู่ไห่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะทำเรื่องเลวทรามจึงใช้แรงกล่าวขึ้นมาสามคำและโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสแล้วกล่าวว่า: “ข้าไม่ได้นำหูฟังแพทย์มา หากว่านำมาก็ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้แล้ว แต่นับว่าท่านโชคดีที่เป็นพี่ชายของข้าไม่เช่นนั้นข้าคร้านเกินกว่าจะใส่ใจท่าน”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มซูมู่ไห่ก่อนสองสามเข็ม
การหายใจของซู่มู่ไห่ค่อยๆเบาลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า: “ท่านเป็นโรคถุงลมโป่งพองและบวมน้ำมาเป็นเวลานาน ข้าจะปล่อยน้ำออกให้ท่าน”
ฉีเฟยอวิ๋นนำมีดมาจากนั้นปลดเสื้อผ้าของซูมู่ไห่ ออกแล้วสอดเข็มเข้าไปที่รักแร้ กำหนดตำแหน่งแล้วก็หยิบปิ่นปักผมลงมา ปิ่นปักผมของฉีเฟยอวิ๋นแตกต่างจากของผู้อื่นซึ่งนางเตรียมไว้ใช้ด้านการแพทย์
ปิ่นปักผมคล้ายกับเข็มโดยเป็นหลอดที่มีช่องว่าง และอีกด้านหนึ่งเปิดออกได้
“นำถังน้ำมาใบหนึ่ง” ฉีเฟยอวิ๋นสั่งการจากนั้นก็มีคนส่งถังน้ำมาตรงฝั่งหนึ่งของฉีเฟยอวิ๋นทันทีแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า: “ขยับเขาออกมาเล็กน้อย”
เซวียนเหอทำตามทันที ฉีเฟยอวิ๋นมือหนึ่งเริ่มตรวจดูอาการอีกมือหนึ่งดึงเข็มเงินออกมายังฝั่งหนึ่งแล้วปักปิ้นปักผมลงไป
ซูมู่ไห่จ้องเขม็งโดยคิดว่าจะเจ็บเจียนตาย แต่ผลคือไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด
ฉีเฟยอวิ๋นปักตรงตำแหน่งแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก
“อาจจะเจ็บปวดสักสองสามวัน แต่หากว่าไม่ปล่อยน้ำออกมาไม่ช้าก็เร็วนั้นจะต้องตาย”
ซูมู่ไห่นั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกเพียงแค่จ้องมองฉีเฟยอวิ๋น
เกิดเสียงน้ำไหลลงมาจากมือของฉีเฟยอวิ๋นและมีน้ำไหลออกมาจากปิ่นปักผมซึ่งด้านในยังคงสะอาดอยู่
เซวียนเหอมองดูฉีเฟยอวิ๋นอยู่ฝั่งหนึ่งซึ่งดูราวกับว่านางเหน็ดเหนื่อยนักแล้วถามว่า: “เจ้าไม่สบายใช่หรือไม่?”
“ข้าคั้งครรภ์ร่างกายจึงอ่อนแอ ท่านหยิบเก้าอี้ให้ข้าข้าจะนั่งลง”
เซวียนเหอถามว่า: “ข้าจัดการเอง เจ้านั่งลง”
“ไม่ต้อง ตอนนี้ปักเข็มเข้าไปด้านในแล้วเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็จะทำให้ส่วนอื่นๆของปอดได้รับบาดเจ็บ ข้าขยับไม่ได้และท่านก็อาจจะไม่สามารถทรงตัวได้”
เซวียนเหอเคลื่อนเก้าอี้มาตัวหนึ่ง จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
น้ำในถังน้ำมีหนึ่งส่วนในสามส่วนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งตรวจดูอาการอีกครั้ง
“เหตุใดถึงได้มากมายเช่นนี้?” เซวียนเหอแปลกใจเล็กน้อย
ซูมู่ไห่ไม่ได้กล่าวเลยสักคำแล้วหลับตาลง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ที่จริงแล้วร่างกายของเขาเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแล้วเพียงแต่ว่าเขาอดทนโดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาดูไปแล้วไม่ได้ซูบผอมเท่าใดแต่ว่าทั้งหมเเป็นอาการบวมน้ำ”
“ต้องจัดการเช่นนี้ทุกวันหรือ?”
“ไม่ต้อง ข้าสามารถรักษาเขาได้ เพียงแต่ว่าหากไม่จัดการนำน้ำออกมาภายหน้าเขาก็จะไม่หาย”
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่ามีน้ำครึ่งถังแล้วและก็ไม่ได้ไหลอีก ฉีเฟยอวิ๋นจึงค่อยๆดึงปิ่นปักผมออกมาช้าๆ
มืออีกข้างหนึ่งหยิบขวดยาผงมาโรยแล้วใช้ผ้ากดเอาไว้
ลุกขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ใช้ผ้ารัดรัดซูมู่ไห่เอาไว้แล้วถามเขาว่า: “รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่?”
“นิดหน่อย”
ซูมู่ไห่อดทนไว้ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งเสียงใดๆทว่าเริ่มเจ็บปวดแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มเงินสองสามเข็มปักลงบนร่างกายของซูมู่ไห่: “จะไม่เจ็บปวดชั่วคราว ท่านพักผ่อนเสียก่อน”
ซูมู่ไห่รู้สึกหนักเปลือกตาจากนั้นก็หลับตาลงไม่นานนักก็นอนหลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขานอนหลับแล้วจากนั้นมองดูเซวียนเหอ: “ให้คนจัดเก็บที่นี่แล้วให้พวกเขาถอยออกไป”
เซวียนเหอโบกมือแล้วคนก็ถอยออกไป ฉีเฟยอวิ๋นกรีดข้อมือแล้วบีบปากซูมู่ไห่อ้าออกให้เขาดื่มเลือด พอประมาณแล้วซูมู่ไห่ขมวดคิ้วขยับเขยื้อนและกำลังจะฟื้น
ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือออกต้องการจะพันเอาไว้ เซวียนเหอคว้าข้อมือของฉีเฟยอวิ๋นทันทีแล้วใช้ปากดูดเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเซวียนเหอด้วยหน้าตาปนระหลาดใจ
เซวียนเหอจ้องไปยังฉีเฟยอวิ๋นโดยที่ดื่มเลือดอย่างแรง ส่วนฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจลึก
“ข้าจะเกิดเรื่องได้”
เซวียนเหอสูดหายใจลึกแล้วจึงคลายข้อมือของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นพันข้อมือเรียบร้อยแล้วนั่งลงตรงฝั่งหนึ่งดูเซวียนเหอ
ซูมู่ไห่ก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาสัมผัสข้างๆกายด้วยความแปลกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นราวกับความฝัน ไร้ซึ่งบาดแผลแล้ว
ซูมู่ไห่ลุกขึ้นนั่งแล้วสัมผัส ส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นอ่อนแอไปบ้าง เลือดก็ไม่ใช่น้ำหากว่าซูมู่ไห่ผู้เดียวนั้นพอดีแต่หากว่าเพิ่มเซวียนเหออีกคนก็คงจะมากเกินไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมองเซวียนเหออย่างแปลกใจ: “เหตุใด?”
“ตั้งแต่ครั้งนั้นข้าก็อยากดื่มมันอีกครั้ง ร่างกายของข้าแปรเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่ร่างกายของข้าแข็งแรงและสมองก็ปลอดโปร่งด้วย จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ล้มป่วย”
“……”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ บางทีเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน
แต่ว่าเหตุใดหนานกงเย่จึงไม่?
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสข้อมือที่ฟื้นตัวแล้วและก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
“เจ้าไม่สังเกตหรือว่าร่างกายของข้าสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนและใบหน้าก็หล่อเหลากว่าเดิมหรือ?” เซวียนเหอยกมุมปากขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นมองอย่างละเอียดซึ่งดูเหมือนว่าจะมีนะ
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงหนานกงเย่โดยละเอียดแต่ไม่พบ
เรื่องของความรู้สึกละมั้ง
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการการพักผ่อน: “ข้าต้องการพักผ่อน ข้ากลับไปก่อนนะ”
ลุกขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็เหลือบมองซูมู่ไห่ที่นั่งอยู่บนเตียงซึ่งเขาก็ฟื้นตัวได้พอประมาณแล้ว และเขาก็ผอมลงแล้วอีกทั้งใบหน้าก็ไม่บวมแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นออกจากประตูไปซูมู่ไห่ก็เอนกายนอนลงด้วยความรู้สึกวุ่นวายเล็กน้อย
เขาไม่รู้สึกทรมานแล้วและเป็นเพราะฉีเฟยอวิ๋นกระทำ
ในวันที่ ศ. 4 ก.พ. 2022 08:21 Sumalee Saejue เขียนว่า:
บทที่ 883 เรื่องของความรู้สึก
ซูมู่ไห่กล่าวออกมาจนผู้อื่นประหลาดใจ ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเขาแล้วจู่ๆก็หัวเราะออกมา
“หัวเราะสิ่งใด?” เห็นฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ หน้าตาซูมู่ไห่เย็นยะเยือก
ฉีเฟยอวิ๋นเก็บรอยยิ้ม: “ชายหญิงมิอาจอยู่ใกล้เกรงว่าเช่นนี้จะไม่ได้ เซวียนเหอท่านดูแลเขาเถอะข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เกรงใจเลย จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหลัง
ซูมู่ไห่ต้องการจะตามแต่ถูกเซวียนเหอเรียกไว้: “องค์ชายสี่เชิญทางนี้”
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก ซูมู่ไห่จึงได้เดินตามไป
ฉีเฟยอวิ๋นมีคนอยู่ด้วย เมื่ออาบน้ำออกมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปที่ลานเรือนแล้วเห็นอีกาดำบนศีรษะ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหาเซวียนเหอกับซูมู่ไห่
ซูมู่ไห่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นสวมชุดแดงทั้งร่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ชุดสีแดงคือชุดของพระชายาของเมืองต้าเหลียง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้คิดว่าเซวียนเหอจะเตรียมเสื้อผ้าเช่นนี้ให้นาง
เช่นไรที่นี่ก็คือปีกใต้ การปรนนิบัติของปีกใต้นั้นแตกต่างไปจากเมืองต้าเหลียงของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ในความเป็นจริงทั้งสี่แคว้นใหญ่ทั่วทุกสารทิศนั้นเครื่องแต่งกายของแคว้นเฟิ่งมีความสง่างามมากหน่อยโดยเฉพาะชุดของสตรี
แต่เครื่องแต่งกายในวังของเมืองต้าเหลียงและเครื่องแต่งกายบางชุดของพระชายาก็มีความจำเพาะเจาะจงมากเช่นกันโดยเฉพาะชุดในร่างกายวันนี้ซึ่งมีฝีมือมาจากที่เดียวกับเสื้อคลุมหงส์
ซูมู่ไห่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “ท่านเป็นใคร?”
ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลงมองดูแล้วมองไปยังเซวียนเหอโดยที่เซวียนเหอก็เปลี่ยนเป็นชุดบุรุษของเมืองต้าเหลียงแล้ว เขาไม่ได้สวมสิ่งอื่นสวมชุดผ้าแพรท่านอ๋องทั้งกายซึ่งเป็นสีแดงและแขนเสื้อกว้างอันงดงาม
ฉีเฟยอวิ๋นนับว่ามองออกแล้วว่าเซวียนเหอหมายความสิ่งใด
ซูมู่ไห่สวมชุดของปีกใต้ซึ่งมีสีดำและแตกต่างไปบ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้ชื่นชอบมากนัก
“ข้าคือพระชายาเย่แห่งเมืองต้าเหลียงและเป็นองค์รัชทายาทแห่งปีกใต้ฉีเฟยอวิ๋น!”
ซูมู่ไห่ตกตะลึงครู่หนึ่งส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่ได้ใส่ใจมากนักเดินไปจับข้อมือของซูมู่ไห่แล้วเริ่มตรวจดูอาการ มั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนักจึงได้กล่าวว่า: “ข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านอายุมากกว่าข้าอยู่บ้าง”
“……” ซูมู่ไห่ดึงมือออกจากนั้นหันหลังเดินไปทางลานเรือน ฉีเฟยอวิ๋นนำเข็มเงินมาปักไปตรงหลังของซูมู่ไห่โดยที่คนนั้นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับแล้ว
เซวียนเหอแปลกใจ: “ฝังเข็ม?”
“ข้าไม่รู้วิธีฝังเข็มใดหรอกแต่ข้าเคยเล่าเรียนมาว่าสามารถฝังเข็มให้คนได้หรือไม่ แต่ว่าไม่ได้แค่เพียงชาตอนนี้เขาขยับไม่ได้เท่านั้น ท่านช่วยประคองเขาไปในห้อง ข้าจะรักษาอาการป่วยให้เขา”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับเดินไปยังเรือนด้านหลังก่อนซึ่งที่นั่นมีห้องอยู่ เข้าไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ยืนอยู่ข้างเตียงและมองดูซูมู่ไห่ถูกประคองไปยังบนเตียง
ซูมู่ไห่นอนลงและพยายามกำหมัดด้วยมือทั้งสองข้างแต่เขาทำไม่ได้ ร่างกายของเขาชาและขยับไม่ได้เลย
ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงปลดเสื้อด้านนอกของซูมู่ไห่ออกโดยที่เขาสวมเสื้อด้านในสีขาวทั้งร่าง
“ฉีเฟยอวิ๋น!” ซูมู่ไห่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะทำเรื่องเลวทรามจึงใช้แรงกล่าวขึ้นมาสามคำและโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสแล้วกล่าวว่า: “ข้าไม่ได้นำหูฟังแพทย์มา หากว่านำมาก็ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้แล้ว แต่นับว่าท่านโชคดีที่เป็นพี่ชายของข้าไม่เช่นนั้นข้าคร้านเกินกว่าจะใส่ใจท่าน”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มให้ซูมู่ไห่ก่อนสองสามเข็ม
การหายใจของซู่มู่ไห่ค่อยๆเบาลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า: “ท่านเป็นโรคถุงลมโป่งพองและบวมน้ำมาเป็นเวลานาน ข้าจะปล่อยน้ำออกให้ท่าน”
ฉีเฟยอวิ๋นนำมีดมาจากนั้นปลดเสื้อผ้าของซูมู่ไห่ออกแล้วสอดเข็มเข้าไปที่รักแร้ กำหนดตำแหน่งแล้วก็หยิบปิ่นปักผมลงมา ปิ่นปักผมของฉีเฟยอวิ๋นแตกต่างจากของผู้อื่นซึ่งนางเตรียมไว้ใช้ในด้านการแพทย์
ปิ่นปักผมคล้ายกับเข็มโดยเป็นหลอดที่มีช่องว่างโดยที่อีกด้านหนึ่งเปิดออกได้
“นำถังน้ำมาใบหนึ่ง” ฉีเฟยอวิ๋นสั่งการจากนั้นก็มีคนส่งถังน้ำมาตรงฝั่งหนึ่งของฉีเฟยอวิ๋นทันทีแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า: “ขยับเขาออกมาเล็กน้อย”
เซวียนเหอทำตามทันที ฉีเฟยอวิ๋นมือหนึ่งเริ่มตรวจดูอาการอีกมือหนึ่งดึงเข็มเงินออกมายังฝั่งหนึ่งแล้วปักปิ่นปักผมลงไป
ซูมู่ไห่จ้องเขม็งโดยคิดว่าจะเจ็บเจียนตาย แต่ผลคือไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด
ฉีเฟยอวิ๋นปักได้ตรงตำแหน่งจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก
“อาจจะเจ็บปวดสักสองสามวัน แต่หากว่าไม่ปล่อยน้ำออกมาไม่ช้าก็เร็วนั้นจะต้องตาย”
ซูมู่ไห่นั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกเพียงแค่จ้องมองฉีเฟยอวิ๋น
เกิดเสียงน้ำไหลลงมาจากมือของฉีเฟยอวิ๋นและมีน้ำไหลออกมาจากปิ่นปักผมซึ่งด้านในยังคงสะอาดอยู่
เซวียนเหอมองดูฉีเฟยอวิ๋นอยู่ฝั่งหนึ่งซึ่งดูราวกับว่านางเหน็ดเหนื่อยนักแล้วถามว่า: “เจ้าไม่สบายใช่หรือไม่?”
“ข้าตั้งครรภ์ร่างกายจึงอ่อนแอ ท่านหยิบเก้าอี้ให้ข้าข้าจะนั่ง”
เซวียนเหอถามว่า: “ข้าจัดการเอง เจ้านั่งลง”
“ไม่ต้อง ตอนนี้ปักเข็มเข้าไปด้านในแล้วเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็จะทำให้ส่วนอื่นๆของปอดได้รับบาดเจ็บ ข้าขยับไม่ได้และท่านก็อาจจะไม่สามารถทรงตัวได้”
เซวียนเหอเคลื่อนเก้าอี้มาตัวหนึ่ง จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งลงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
น้ำในถังน้ำมีหนึ่งส่วนในสามส่วนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งตรวจดูอาการอีกครั้ง
“เหตุใดถึงได้มากมายเช่นนี้?” เซวียนเหอแปลกใจเล็กน้อย
ซูมู่ไห่ไม่ได้กล่าวเลยสักคำแล้วหลับตาลง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ที่จริงแล้วร่างกายของเขาเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแล้วเพียงแต่ว่าเขาอดทนไว้โดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาดูไปแล้วไม่ได้ซูบผอมเท่าใดแต่ว่าทั้งหมดเป็นอาการบวมน้ำ”
“ต้องจัดการเช่นนี้ทุกวันหรือ?”
“ไม่ต้อง ข้าสามารถรักษาเขาได้ เพียงแต่ว่าหากไม่จัดการนำน้ำออกมาภายหน้าเขาก็จะไม่หาย”