องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 893 ช่วยชีวิตหมาป่า
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 893 ช่วยชีวิตหมาป่า
ฉีเฟยอวิ๋นตัดทิ้งสำเร็จก็จับอีกด้ามไว้แล้วดึงลูกธนูออกเบาๆ หมาป่าที่บาดเจ็บบนพื้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลพรั่งออกจากดวงตาของมัน พญาหมาป่าเดินอ้อมไปเลียน้ำตาของอีกตัว
ฉีเฟยอวิ๋นโยนลูกธนูที่ดึงออกมาไปยังพื้น ก่อนจะโรยยาผงให้ จากนั้นก็หยิบมีดขึ้นมาอีกเล่ม แล้วทำการกรีดข้อมือเพื่อให้หมาป่าดื่มโลหิตของตน
ตัวหมาป่าใหญ่ไม่ใช่ย่อย จึงต้องใช้ปริมาณโลหิตเป็นเท่าตัว ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรง นั่งลงอุ้มหีบยาพิงผนังถ้ำ
ฉีเฟยอวิ๋นมองพญาหมาป่า “นางไม่เป็นอันใด เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะพักผ่อนชั่วครู่”
ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยพลันหลับตาลง
เมื่อนอนขึ้นมาหนึ่งตื่น ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาพลันเห็นหมาป่าทั้งสองตัวหายดีแล้ว พญาหมาป่าคาบไก่ป่ามาจากที่ไม่ไกลออกไป ส่วนหมาป่าที่บาดเจ็บก่อนหน้านอนคลานแนบท้องของเธอ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอบอุ่นบริเวณท้อง เธอไม่รู้สึกหนาวเหน็บเลยสักนิด หาไม่แล้วฤดูกาลเช่นนี้เธอน่าจะหนาวตายไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจรอยแผลของหมาป่า พลางพบว่าไม่เป็นอะไรแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน พญาหมาป่าวางไก่ป่าตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วยื่นให้หมาป่า “เจ้ากินสิ”
หมาป่าลุกขึ้นก้มหน้ากินไก่ป่า พญาหมาป่ามอบไก่ป่าอีกตัวให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังเส้นทางที่ลงเขา ก่อนจะกลับมามองท้องของตัวเอง ตอนขึ้นเขายามราตรีก่อนไม่ได้สังเกต ยามนี้รู้สึกว่าเส้นทางลงเขาช่างยาวไกลยิ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นถือไก่ป่าแล้วเริ่มเดินลงเขา โดยมีหมาป่าทั้งสองคอยปกป้องระหว่างทาง กว่าฉีเฟยอวิ๋นจะลงไปถึงก็มืดค่ำแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นก่อไฟเผาไก่ป่า หลังจากกินเสร็จก็พักผ่อนอยู่บนพื้น ยามนี้เธอเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ
หมาป่าทั้งสองตัวก็นอนคลานอยู่ด้านข้าง ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว จากนั้นก็ออกเดินทางกลับบ้านกันต่อ
มีเสียงต่อสู้ส่งมาจากระยะไกล ทั้งยังได้ยินเสียงหมาป่าร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอีกด้วย ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปดู พลางพบว่ามีหมาป่าถูกโยนออกมาหนึ่งตัว
พญาหมาป่ามองปราดหนึ่ง ก่อนจะกระโดดเข้าไป สีหน้าหนานกงเย่เคร่งขรึม พลิกกายคว้ากรงเล็บพญาหมาป่าไว้ ก่อนจะบีบคอพญาหมาป่า ต่อด้วยสะบัดทิ้งด้วยสุดแรงเหวี่ยง
พญาหมาป่าที่กลิ้งไปหลายตลบลุกขึ้นยืนด้วยขนลุกชัน
หมาป่าหลายสิบตัวเข้ามารุมล้อม ฉีเฟยอวิ๋นรีบเดินไปขวางพญาหมาป่าด้านหน้าหนานกงเย่ “เขาเป็นสามีข้า เพราะเป็นห่วงบุตรในบ้านจึงได้ทำร้ายพวกเจ้า”
พญาหมาป่ามองฉีเฟยอวิ๋นปราดหนึ่ง จึงจะล้มเลิกการโจมตี หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นอย่างพินิจพิจารณา “เกิดอันใดขึ้น?”
“ภรรยาของเขาบาดเจ็บเลยเชิญข้าไปรักษา ข้ากลับมาช้า ไยท่านจึงสู้กับพวกเขาเล่า?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ
หนานกงเย่หน้าบึ้งตึง “ข้าไม่รู้ว่าพวกมันล้อมที่นี่ทำไม ตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่มีคนออกมา”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ “ท่านอ๋องร้องเรียกเหรอเพคะ?”
“อาอวี่”
“แล้วอาอวี่ล่ะเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกที่ไม่เห็นหน้าอาอวี่
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนกายมองหา ผลสุดท้ายคือไม่เห็นอาอวี่อยู่บริเวรรอบๆ ทว่าได้ยินเสียงมาจากเบื้องบน “พระชายา ข้าน้อยอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าพลันเห็นอาอวี่เกาะอยู่บนต้นไม้ ซึ่งมีหมาป่าหลายตัวที่หมายจะกินอาอวี่อยู่ใต้ต้นไม้ด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา
“ไม่ได้เรื่องเลย เจ้านายเจ้าเกือบโดนหมาป่ากัดกินแล้ว เจ้ายังดูความคึกคักอยู่บนต้นไม้ได้อีก” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบพลันมองไปยังพญาหมาป่า “ขอบคุณพวกเจ้าที่มาส่ง พวกเจ้ากลับไปเถอะ หากมีคนมาเห็นพวกเจ้าที่นี่ก็ไม่ดี หากวันหน้าพวกเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยเหลืออีก ก็มาหาข้าได้ หากไม่ฉุกเฉินก็มายามราตรี หากฉุกเฉินจริงๆก็มาตอนกลางวัน แต่อย่าให้ผู้คนพบเห็น”
พญาหมาป่าแหงนหน้าคำราม ก่อนจะนำฝูงหมาป่าจากไป
เมื่อไม่เห็นเงาของหมาป่า อาอวี่จึงจะลงจากต้นไม้ พลางมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างผะอืดผะอม ฉีเฟยอวิ๋นไปที่ลานบ้าน ไม่แยแสอาอวี่ หนานกงเย่เดินตามฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป พลางถามขึ้นว่า “ไฉนหมาป่าบาดเจ็บก็มาหาเจ้า?”
“หม่อมฉันก็ไม่รู้เพคะ คาดว่าคงมีคนบอกพวกมัน ข้ากลับมาดูความปลอดภัยที่นี่ ประเดี๋ยวจะย้อนกลับไปดูพวกพญาหมาป่า”
“ยังรักษาไม่หายอีกหรือ?” หนานกงเย่รู้สึกเกรี้ยวกราด ทำไมเนื้อตัวเธอถึงมอมแมมเช่นนี้
“ลูกธนูพวกนั้นใช้ยิงหมาป่าโดยเฉพาะ คนยิงต้องโหดร้ายมากแน่ ข้าพึ่งคิดได้ตอนกลับมาถึง ดังนั้นข้าต้องไปดูเสียหน่อย”
“หมายความว่ากระไร?” หนานกงเย่ไม่เข้าใจ หมาป่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง การที่โดนคนล่าก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายว่า “วิธีการของคนนั้นโหดเหี้ยมมากเพคะ ข้าคิดว่าหมาป่าอาจมีอันตรายอีกครั้ง ข้าอยากไปดูว่าเป็นใคร”
“ช่วงนี้ข้าไม่มีธุระสำคัญ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นไปอาบน้ำอาบท่า จากนั้นก็เปลี่ยนอาภรณ์แล้วไปดูบรรดาบุตรที่เป็นโขยง
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นจื่อฮว่าจึงอุ้มขึ้นมา แต่ถูกหนานกงเย่แย่งไปอุ้ม “ตอนนี้เจ้าไม่เหมาะไปไหนมาไหน และไม่ควรอุ้มเด็กด้วย นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าห้ามเดินเพ่นพ่านไปไหน”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กล่าวสิ่งใด ขึ้นไปนอนแล้วก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตอนบ่าย ฉีเฟยอวิ๋นกำชับอะไรเสร็จสรรพก็เก็บข้าวของ แล้วเรียกหนานกงเย่ไปดูพญาหมาป่าเป็นเพื่อน หนากงเย่เตรียมรถม้าสำหรับออกเดินทาง ทั้งสองจึงนั่งรถม้าไป
พวกเขาไปถึง ม่านรัตติกาลก็โรยตัวลงมาเสียแล้ว
มาถึงขุนเขาแล้ว จึงไม่อาจใช้รถม้าเดินทางต่อได้
หากหนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นก็จะเดินทางไม่สะดวก เธอจึงต้องปีนเขาด้วยตัวเอง
ทันทีที่ทั้งสองไปถึง พวกหมาป่าก็รับรู้ทันที ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่จึงถูกหมาป่าหลายตัวล้อมรอบ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ข้ามาดูพวกเจ้า พญาหมาป่าล่ะ?”
พวกหมาป่าหันหน้าวิ่ง ทั้งสองคนตามอยู่ด้านหลัง ไม่นานก็ไปถึงสถานที่ซึ่งพญาหมาป่าอยู่ พญาหมาป่ารู้ว่ามีคนมา จึงลุกขึ้นยืน
ยามนี้พญาหมาป่าไม่ได้รื่นรมย์ใจเลย เพราะแววตามันฟ้อง
ฉีเฟยอวิ่นไปดูพญาหมาป่า ก่อนจะเห็นหมาป่าจำนวนห้าหกตัวอยู่ด้านหลังมัน
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปดู จึงรู้ว่ายังไม่ตาย ยังคงมีลมหายใจอยู่ หลังเปิดระบบตรวจรักษาพลันพบว่า กินเนื้อที่อาบยาพิษเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นรีบนำกระบอกฉีดยาออกมา ก่อนจะเจาะโลหิตออกมา หากชักช้าจะไม่ทันการณ์
ฉีเฟยอวิ๋นรีบตรวจโลหิตทันที โชคดีที่นำอุปกรณ์มาด้วย
บวกกับมีระบบตรวจอาการร่วมด้วย ฉีเฟยอวิ๋นจึงสามารถวินัยฉัยได้ว่าเป็นพิษตัวไหน
หลังตรวจโลหิตเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบลุกขึ้นจะไปเก็บสมุนไพร หนานกงเย่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด ฉีเฟยอวิ๋นจึงบอกลักษณะของสมุนไพรให้อีกฝ่าย
หนานกงเย่จำได้แล้วก็เริ่มไปเก็บสมุนไพร ฉีเฟยอวิ๋นมองพวกหมาป่าที่บาดเจ็บหลายตัวอย่างลำบากใจ โลหิตเธอสามารถถอนพิษพวกนั้นได้ ทว่าบาดเจ็บกันหลายตัว ซึ่งเธอมีโลหิตไม่เพียงพอต่อการรักษา เธอไม่กล้าเสี่ยง เพราะเธอยังมีลูกในท้องอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นก็เตรียมสมุนไพรตัวอื่น หนานกงเย่ไปแล้ว เธอก็เริ่มทำการเตรียมตัวขึ้นมา เนื่องจากไม่มีหม้อโอสถ ดังนั้นจึงใช้ก้อนหินที่นูนเข้าไปเป็นตัวรองสมุนไพร จากน้นก็ใช้ก้อนหินอีกก้อนตำสมุนไพร
หลังจากตำละเอียดจนได้เป็นน้ำ หนานกงเย่ก็กลับมา หนานกงเย่เก็บสมุนไพรกลับมาได้ไม่น้อย ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกโล่งอกไปหนึ่งเปราะ เธอรับสมุนไพรมาตำ กล่าวว่า “ท่านอ๋องเก่งมากเพคะ หาได้เร็วมาก”
“ข้าเก่งหลายด้านอยู่แล้ว”
หนานกงเย่ก็ช่วยเตรียมสมุนไพรด้วย ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน “ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ และสิ่งที่เก่งที่สุดคือการมอบเสบียงเข้าร่างกายหม่อมฉันเพคะ”
“อืม” เขายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมเสร็จสรรพก็นำน้ำสมุนไพรไปป้อนหมาป่า ปากของหมาป่าแข็งมาก ฉีเฟยอวิ๋นต้องใช้มืออ้าออก แล้วยัดน้ำสมุนไพรเข้าไป ก่อนจะจับปากของมันไว้แน่น เช่นนี้ก็เป็นอันแล้วเสร็จ
หนานกงเย่ก็ช่วยป้อนยาในลักษณะเดียวกันกับฉีเฟยอวิ๋นอีกแรงด้วย ฉีเฟยอวิ๋นจึงลุกขึ้นไปนั่งอีกด้าน
พญาหมาป่ายืนอยู่บนก้อนหิน จ้องมองหมาป่าบนพื้นด้วยแววตาหนักอึ้ง
กลางดึกพวกหมาป่าที่บาดเจ็บจึงลุกขึ้น
เห็นดังนั้น พญาหมาป่าจึงวิ่งลงมา แล้วเดินรอบตัวฉีเฟยอวิ๋นหนึ่งรอบ
บัดนี้ฉีเฟยอวิ๋นถึงจะฉุกคิดได้ว่า ไม่เห็นเมียของพญาหมาป่า
“เกิดอันใดขึ้น เมียของเจ้าล่ะ?” ฉีเฟยอวิ๋นสื่อสารกับหมาป่ารู้เรื่อง เธอเข้าใจเสียงที่หมาป่าคำรามทุกอย่าง