องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 894 เธอไม่เชื่อใจบุคคลอื่น
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 891 เธอไม่เชื่อใจบุคคลอื่น
หมอเทวดาไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟยอิง จากนั้นกล่าวว่า “เจ้าพักผ่อนก่อน เตรียมตัวไว้ ไม่กี่วันนี้ท่านอ๋องจะต้องมา เจ้าจะต้องสังเกตอย่างเงียบๆ ฝึกไปด้วย”
“ความหมายของพระชายาคืออย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เฟยอิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ในเมื่อเจ้าสามารถมาได้ แน่นอนว่าหมอเทวดาจะต้องยอมรับแล้ว ต่อให้ต่อสู้ไม่สู้หมอเทวดา เจ้ากับเขาสามารถต่อสู้จนตีเสมอกันได้”
“ใช่ กระหม่อมต่อสู้เสมอกันกับหมอเทวดา ที่จริงที่เขาถ่ายทอดวิชาความรู้ไม่แน่นอนว่าเป็นทั้งหมด แน่นอนว่าท่านอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ต้องมีทางหนีทีไล่ ยิ่งกว่านั้นกระหม่อมไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา ”เฟยอิงฉลาดมาก อะไรก็ดูแจ่มแจ้งเสียหมด
ฉีเฟยอวิ๋นตบจื่อฮว่าเบาๆ กล่าวอย่างไร้ความกังวลว่า“ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก คนสิบคนในเรือนล้วนเป็นคนฝีมือดี ท่านอ๋องยิ่งฝีมือดี เจ้าดูอยู่เงียบๆแล้วเรียนรู้กับเขา เรียนถึงแล้วค่อยขึ้นภูเขาไปฝึก ไม่ช้าก็เร็วจะสามารถอยู่เหนือสิบคนนั่น เรื่องนี้ไม่ต้องพูดกับคนอื่น”
เฟยอิงครุ่นคิดและกล่าวว่า“เพื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ท่านอ๋อง!”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไป กล่าวขึ้นว่า“สวีฝูบอกว่ามีคนจะจัดการท่านอ๋อง เพราะความสามารถของเขาเด่นกว่าใครทั้งหมด แต่ข้าเชื่อใจคนได้น้อย เฟยอิง ข้าเชื่อใจเจ้า!”
เฟยอิงพยักหน้า กล่าวว่า“พระชายาวางใจ กระหม่อมจะตั้งใจเรียนพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
ช่วงเวลากลางคืน หนานกงเย่มาจริงๆ เพื่อที่จะให้เฟยอิงมองเห็นการต่อสู้ได้ชัดเจนขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นเลยได้นำโคมไฟมาห้อยในเรือนจำนวนหนึ่ง
เฟยอิงยืนอยู่ในห้อง มองผ่านทางหน้าต่างจากสถานที่หนึ่ง
วันนี้หนานกงเย่จะเข้ามา ถูกคนสิบคนรั้งไว้ พูดหันสองสามคำก็ต่อสู้กันขึ้น คนสิบคนใช้พลังทั้งหมด ก็ไม่สามารถรั้งหนานกงเย่ไว้ได้ สุดท้ายหนานกงเย่ก็เข้ามาได้
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น เห็นหนานกงเย่ก็ไม่ได้อธิบาย
“วันนี้มีเรื่องหรือ?”หนานกงเย่กล่าวถามด้วยสีหน้าแปลกใจ ฉีเฟยอวิ๋นเลยเหลือบมองเขา
“แค่ทดสอบลองความสามารถของพวกเขา หากไม่สามารถรั้งท่านอ๋องได้ คนอื่นก็รั้งไว้ไม่ได้ วันนี้ท่านอ๋องเข้ามาได้อย่างง่ายดาย วันพรุ่งนี้หม่อมฉันจะต้องสั่งสอนพวกเขาดีๆถึงจะใช่”
“อืม”
หนานกงเย่ขึ้นเตียง ทั้งสองนอนคุยกันไม่กี่คำ ฉีเฟยอวิ๋นพูดเรื่องของหลี่ถิง หลี่ถิงถูกขังอยู่ด้านในคุกของที่นี่ ฉีเฟยอวิ๋นบอกให้คนทำโดยเฉพาะ ทุกวันจะต้องไปดู หนานกงเย่ถามว่า“ซูมู่หรงได้กลับไปช่วงหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างนะ”
“ตอนนี้ไม่สามารถใส่ใจเขาได้แล้ว วันนี้หม่อมฉันเห็นด้านนอกมีคนมอง คล้ายกับว่าเป็นคนของแคว้นเฟิ่ง ท่านอ๋องต้องระวังตัวนะเพคะ!”
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นกล่าวว่า“ใช่หรือ?”
“อืม วันนี้ท่านอ๋องทะลวงเข้ามา พวกเขาก็สามารถเข้าใจผิดได้ ต่อไปท่านอ๋องจะมาต้องทำอย่างนี้ถึงจะถูกเพคะ วันพรุ่งอวิ๋นจิ่นจะส่งมาอีกสองคน พวกเขาจะพักอยู่ด้านนอกจวน หากว่าแคว้นเฟิ่งส่งผู้มีฝีมือสูงมา เช่นนั้นต้องพึ่งพวกเขาแล้ว”
“อืม”
เช้าวันต่อมาหนานกงเย่ออกไป ฉีเฟยอวิ๋นเลยไปดูเฟยอิง ผลสรุปเฟยอิงไม่อยู่ เหลือทิ้งไว้เพียงกระดาษข้อความหนึ่งแผ่นให้ฉีเฟยอวิ๋น เขาบอกกับฉีเฟยอวิ๋นว่าขึ้นภูเขาไปแล้ว ช่วงเที่ยงจะกลับมา
ช่วงเที่ยงเฟยอิงกลับมา จึงไปหาฉีเฟยอวิ๋นที่ห้องของเธอ
“เมื่อวานตอนที่เจ้าไป อาอวี่กับคนอื่นๆพบเห็นหรือไม่?”
“ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ”เฟยอิงก็กลัวคนจะล่วงรู้ เพราะฉะนั้นเลยไปอย่างเงียบๆ
“อืม เจ้ารู้สึกว่าอย่างไรบ้าง?”
“สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ตราบใดที่พยายามฝึกฝนมากขึ้น ความสามารถจะต้องเกินผู้มีความสามารถสูงสิบคนนั้นและหมอเทวดาอย่างแน่นอน เพียงแต่ท่ามวยจีนของท่านอ๋องนั้นกระหม่อมยังไม่เข้าใจ กระหม่อมตามท่านอ๋องเย่ได้ช่วงหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจ”
“เช่นนั้นไม่สามารถเรียนกับเขาได้ละ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะหาคนให้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นไม่กี่วันเฟยอิงได้ฝึกฝนมากขึ้น ทุกวันที่หนานกงเย่มาเขาก็ทะลวงเข้ามา เขาไม่เคยขาดการฝึกฝนในทุกวัน
วันสุดท้ายฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาตอนเช้า เห็นเฟยอิงยืนอยู่ในเรือน เลยกล่าวว่า“เฟยอิง เจ้าเรียนกับหมอเทวดามาพอสมควรแล้ว ไม่เห็นเจ้าแสดงความสามารถออกมา เจ้าสู้กับพวกเขาดู ข้าจะดูสิว่าเป็นอย่างไร?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฟยอิงต่อสู้กับคนสิบกว่าคน วันแรกต่อสู้แพ้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นประคองเฟยอิงลุกขึ้น กล่าวว่า“เจ้าเรียนได้ไม่เลว พรุ่งนี้ทำต่อเนื่องนะ”
หลังจากนั้นเฟยอิงก็ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ต่อสู้ได้สิบวัน สามารถเอาชนะสิบคนได้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้ว่าเฟยอิงเรียนรู้ประสบความสำเร็จแล้ว
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้ารับมือท่านอ๋องร่วมกับพวกเขาสิบคน คืนนี้เจ้าเปลี่ยนชุดเสีย สวมใส่หน้ากาก พวกเจ้าจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
คนจำนวนหนึ่งรีบตอบตกลง ทำได้เพียงรอล้างความละอายใจเย็นนี้
แต่ทว่าฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่มีการเตรียมพร้อมนานแล้ว รอเพียงหนานกงเย่มีจะได้เรียนรู้มากขึ้น
ตกเย็นวันนี้ฉีเฟยอวิ๋นได้อนุญาตให้คนใช้อาวุธกริชทางทหาร พอถึงเย็นหนานกงเย่นั้นมาจริงๆ พอเข้ามาเขาได้ถูกรั้งไว้ หนานกงเย่รู้สึกว่าแปลกเพราะวันนี้จำนวนคนไม่ถูกต้อง แต่ทุกคนล้วนปิดหน้า คล้ายกับว่ามีคนแปลกหน้าเพิ่มมา
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าหนานกงเย่จะจำเฟยอิงได้ เลยให้เขากินยาเพื่อที่ลมหายใจจะได้เปลี่ยน
หนานกงเย่เห็นคนเอาอาวุธออกมา พอเข้าไปในเรือนได้หยิบไม้ตะบองออกมาจากอีกด้าน แล้วเดินเข้าไปต่อสู้กับพวกเขา
ผลสรุปเพียงแค่สู้หลายยกกว่าปกติ ก็สามารถตีได้ทั้งหมดแล้ว
เฟยอิงเห็นท่าไม่ดี เลยหมุนตัวเดินไป หนานกงเย่อยากจะตาม มองเห็นฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากด้านในห้อง เลยทิ้งตะบองไว้แล้วเดินเข้าไป
“ผู้ใดกัน?”หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน ท้องของเธอสี่เดือนแล้ว ตอนที่เธอเดินจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“คนที่อวิ๋นจิ่นส่งมาใหม่ คนค่อนข้างมีความแปลกประหลาด ไม่กล้าพบเจอคน ยังต้องการฝึกฝน คนผู้นี้หม่อมฉันใช้พลังความคิดไปไม่น้อยเลย เพื่อเขาแล้ว หม่อมฉันเลยแลกเปลี่ยนเฟยอิงออกไป คาดว่าไม่ถึงสองสามเดือนเฟนอิงก็กลับมาไม่ได้หรอกเพคะ”
“เรื่องนี้เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินเฟยอิงพูดถึงเลย?”หนานกงเย่ถอดชุดคลุมออก แล้วไปอาบน้ำบ้วนปาก เหล่าลูกๆพากันหลับแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเป็นคนซักผ้าซับเหงื่อให้หนานกงเย่ด้วยตนเองเลย
ผู้ชายหลอกง่าย ดีกับเขาหน่อย เขาก็สามารถปล่อยวางสิ่งที่ระมัดระวังทั้งหมดแล้ว
ที่ผ่านมาฉีเฟยอวิ๋นพูดอะไรหนานกงเย่ยังมีความสงสัยอยู่บ้าง หากวันนี้เขาไม่ล่ะก็ เขาก็เชื่อหมดทุกอย่าง
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่กล่าวขึ้นว่า“เรื่องเกิดขึ้นเร็วมากไม่ทันได้ตั้งตัวเพคะ”
“พรุ่งนี้ให้อาอวี่อยู่”หนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นแล้วหันไปทางเตียง
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้ากล่าวว่า“ไม่ต้องให้อาอวี่มากหรอกเพคะ เห็นอาอวี่แล้วหม่อมฉันกลัวว่าลูกๆจะกลายเป็นคนทึ่ม มีพวกเขาอยู่ท่านอ๋องพยายามวางใจเถิดเพคะ หากไม่ได้จริงๆ ให้สวีฝูกลับมาเถิดเพคะ”
“อืม เช่นนั้นก็ให้สวีฝูมา”
จัดการสั่งลงมา วันต่อมาสวีฝูก็มาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมีคนช่วยเหลือ แน่นอนว่าผ่อนคลายลงบ้าง
สวีฝูบอกว่าทางด้านปีกใต้ได้ออกเดินทางแล้ว ซูอู๋ชิงมาหาพาเธอกลับไปด้วยตนเอง
ฉีเฟยอวิ๋นมองสวีฝู จากนั้นกล่าวว่า“เขามาก็ดี ข้าใช้เขาล่ะ”
“ความหมายขององค์รัชทายาทคือ?”สวีฝูค่อนข้างไม่เข้าใจ
“มาก็รู้แล้ว”
หลังจากนี้ไม่กี่วัน เฟิงอู๋ชิงก็มีจริงๆ พอมาถึงประตูกำลังจะเข้าไป กลับถูกคนสิบคนรั้งไว้ แน่นอนว่าเฟิงอู๋ชิงไม่กลัวคนเหล่านี้หรอก เขาต่อสู้กับคนพวกนี้ขึ้นทันที
เริ่มแรกไม่ได้สนใจ ทั้งสิบคนมักจะสู้กับหนานกงเย่ ความสามารถเลยมีการเพิ่มขึ้น
แต่ไม่นานเฟิงอู๋ชิงก็ต่อสู้จนคนนั้นล้มลง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากด้านในห้อง จากนั้นเหลือบมองทางด้านหลังเฟิงอู๋ชิง ทำไมไม่เห็นเสี่ยวเฉียวกับอามู่ล่ะ?
“เสด็จอาสาม”ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปตรงหน้าเฟิงอู๋ชิง แล้วกล่าวคำทักทาย
“นี่เจ้าคิดจะทำอะไร จะสังหารข้าหรือ?”เฟิงอู๋ชิงขมวดคิ้วขึ้นสีหน้าดูไม่ได้เลย
“ไม่กล้าสังหารหรอก แต่ว่าข้าไม่กลับไปกับเสด็จอาสามหรอกนะ เรื่องของปีกใต้นั้นข้าไม่อยากถาม ยิ่งกว่านั้นปีกใต้ของเสด็จอาไม่ใช่มีองค์ชายแล้วหรือ?”
“เจ้าคือองค์รัชทายาท ตอนนี้องค์จักรพรรดิปีกใต้นอนป่วยลุกไม่ขึ้น ตามพระราชโองการของผู้สำเร็จราชการ เจ้าเป็นองค์จักรพรรดิของปีกใต้ในอนาคต เจ้าจะต้องกลับไป แม้ว่าเจ้าไม่เป็นองค์จักรพรรดิ ก็ต้องกลับไปชี้แจงให้ชัดเจน ว่าใครจะมาเป็นองค์จักรพรรดินี้”
เฟิงอู๋ชิงกล่าวอย่างมีความมั่นใจ แต่ในสายตาของฉีเฟยอวิ๋น ผู้ใดกล่าวพูดล้วนไม่สำคัญ และเธอก็ไม่มีทางที่จะเชื่อ