องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 896 ฮองเฮาผู้ปรีชาญาณ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 896 ฮองเฮาผู้ปรีชาญาณ
ต่อมาฉีเฟยอวิ๋นมองเหล่าคนที่อยู่บนพื้นต่างตกใจจนงงซื่อบื้อ แล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า“ข้าคือพระชายาเย่ของเมืองต้าเหลียง ฉีเฟยอวิ๋น พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่?”
“รู้ รู้…..”คนเหล่านั้นต่างผงกศีรษะลง
“คนผู้นี้ทำร้ายนับไม่ถ้วน นายทหารสี่พันนายนั้นเป็นนายทหารที่เสี่ยงความเป็นความตายของต้าเหลียง เขาต้องชดใช้ชีวิต เขากินลูกหมาป่า ทำให้เป็นหายนะแก่หมาป่า เขาควรจะต้องรับผิดชอบ
อีกอย่างเขามุ่งเป้าไปที่หมาป่า เรื่องทำร้ายหมาป่า วันนี้ตายในมือของหมาป่า ก็นับว่าชำระหนี้ความแค้นแล้ว
ไม่อย่างนั้นเขาขึ้นภูเขาไปสังหารหมาป่าทุกวัน พวกเจ้าก็ลำบากรับได้ยาก
คนตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น เอาร่างของพวกเขาไปหาที่ฝังศพ เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้ พวกเจ้าก็ใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนดีๆอย่างมีความสุข หากพวกเจ้ายินดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็สาบานว่าจะไม่สังหารหมาป่า”
พญาหมาป่ายืนอยู่ด้านในเรือน มองคนเหล่านั้น และมองฉีเฟยอวิ๋น
ทุกคนต่างผงกศีรษะลง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามพญาหมาป่าว่า“เรื่องราววันนี้ เจ้ายินยอมที่จะยกเลิกเลิกแล้วทั้งหมดหรือไม่?”
“…….”พญาหมาป่าร้องคำรามขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า มองไปทางหนานกงเย่ แล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถิดเพคะ”
หนานกงเย่เลยตามกันออกไปกับฉีเฟยอวิ๋น
ออกจากหมู่บ้าน ฉีเฟยอวิ๋นเลยมองไปทางฉีเฟยอวิ๋น นางพญาหมาป่าไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้มองดูแล้วนางไม่ได้เป็นอะไร เพราะกินยาของฉีเฟยอวิ๋นเลยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“พวกข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไป”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวแล้วขึ้นรถม้าไปส่งพญาหมาป่ากลับ
พญาหมาป่าลงรถม้าแล้วเดินวนอ้อมฉีเฟยอวิ๋นไปมา ฉีเฟยอวิ๋นลูบพญาหมาป่าแล้วจึงกล่าวว่า“หวังว่าต่อไปพวกเจ้าจะไม่พบเจอเรื่องอย่างนี้อีก กลับไปเถิด”
พญาหมาป่าและนางพญาหมาป่าเดินอ้อมอยู่หลายรอบ ถึงได้วิ่งจากไป จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นเลยหมุนตัวขึ้นรถม้า
ฉีเฟยอวิ๋นอิงแอบในอ้อมกอดของหนานกงเย่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย และเตรียมจะพักผ่อน เพิ่งจะอิงแอบไป หนานกงเย่ก็มองไปทางด้านนอก ดึงม่านของรถม้าขึ้น จากนั้นมองขึ้นบนภูเขา ฉีเฟยอวิ๋นจึงมองตามด้วย ฝูงหมาป่าพากันวิ่งอยู่บนภูเขา พญาหมาป่าวิ่งทั้งร้องทั้งคำราม
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นเกาะขอบหน้าต่าง ร้องตะโกนไปทางด้านบนภูเขา หนานกงเย่หน้าเขียวอึมครึม ยังกวักมือ
ฉีเฟยอวิ๋นมองหมาป่าวิ่งอยู่ตลอดจนไม่ไหว เลยยืนเฝ้าสังเกตอยู่บนภูเขา ส่วนฉีเฟยอวิ๋นห่างออกจากหน้าต่างแล้วกลับไปนอนลง
เดินทางได้ไม่นาน ฉีเฟยอวิ๋นจึงหลับไป
กลับมาถึงเรือน ฉีเฟยอวิ๋นแวะไปดูหลี่ถิงก่อน วันนี้หลี่ถิงค่อนข้างดื้อยา บวกกับฉีเฟยอวิ๋นไม่อยู่ เขาไม่มีคนฉีดยา เวลานี้คนมีสติมีชีวิตชีวามาก
“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าไม่มีทางทำแผนชั่วสำเร็จหรอก ข้าจะทำให้เจ้าไม่ตายดี ทำให้พวกเจ้าไม่ได้ตายดี!”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาชาออกมา ตอนที่เตรียมจะใช้ยากับหลี่ถิง หลี่ถิงได้กัดลิ้นกลั้นใจตาย!
มือของฉีเฟยอวิ๋นชะงักลอยอยู่กลางอากาศมองภาพตรงหน้า แต่ไม่ได้มีความตื่นตะลึง ยาชาล่วงอยู่บนพื้น อากาศมีใบไม้พัดปลิดปลิว ฉีเฟยอวิ๋นมองภูเขาใหญ่ตรงหน้า นึกถึงตอนที่มาทุกอย่างคล้ายกับเป็นความฝัน จนกระทั่งเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นตามมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่แน่ใจ
หนานกงเย่ได้รับรายงานลับ ว่าปีกใต้ระดมกำลังทหารกว่าเจ็ดแสนนายมุ่งหน้ามาทางต้าเหลียง
อีกทั้งราชสำนักได้รับจดหมายตอบโต้ระหว่างกันอีกอย่างด้วย โดยการร้องขอให้องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ส่งองค์รัชทายาทปีกใต้กลับ
ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นกลับไป หนานกงเย่กำลังเงยหน้ามองดูดวงดาวอยู่ในเรือน ฉีเฟยอวิ๋นเดินมาตรงหน้าเขา เขาหน้าตาเศร้าโศกดูไม่ยากเลยว่ามีเรื่องมีราวเกิดขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจว่า“มีเรื่องหรือเพคะ?”
“อืม ปีกใต้ยกกำลังทหารมาแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน แล้วกล่าวว่า“วันนั้นเฟิงอูชิงมาแล้ว”
หนานกงเย่มอง กล่าวว่า“เมื่อไหร่กัน?”
“ก่อนที่พญาหมาป่าจะมาหาหม่อมฉันเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กล่าวโน้มน้าวใจให้คล้อยตาม หนานกงเย่มองสังเกตสีหน้าท่าทางของเธอ จิตใต้สำนึกรู้ว่าทีเรื่องอะไร อีกทั้งการที่นายทหารกว่าเจ็ดแสนนายมาบุปประชิดพรมแดนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเธอด้วย
“พูดต่อเลย”มีบางเวลาที่หนานกงเย่อารมณ์รุนแรง ฉีเฟยอวิ๋นก็ทำได้เพียงตอบตามความจริง
“เขามาหาหม่อมฉัน ต้องการให้หม่อมฉันกลับไป หม่อมฉันบอกว่าหม่อมฉันจะไม่กลับไป เขาบอกว่าเหล่าเสนาบดีในปีกใต้โดยเฉพาะนายทหารเหล่าแม่ทัพต้องการแต่งงานกับหม่อมฉันและต้องการให้หม่อมฉันแต่งงานกับใครบางคนจากจวนแม่ทัพ และอยู่ร่วมราชสำนักกัน เพราะฮองเฮาแห่งปีกใต้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมักมาจากจวนแม่ทัพ นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้เขียนลายลักษณ์อักษรไว้เช่นกัน
หม่อมฉันก็เลยบอกกับเขาว่าให้เขากลับไปบอกแม่ทัพเหล่านั้นว่าผู้ใดต้องการแต่งกับหม่อมฉัน ต่อสู้ชนะส่ทีของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะแต่งงานด้วย!”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบหนานกงเย่ก็เข้าใจไม่ยาก ว่าเพราะเหตุใดครั้งนี้ปีกใต้ถึงได้ใช้ทหารกว่าเจ็ดแสนนายมาบีบประชิดพรมแดน
สามารถเป็นองค์จักรพรรดิของปีกใต้ได้ สำหรับผู้ที่กำลังจับตามอง เป็นก้าวที่อันตราย แต่ก็น่าดึงดูดใจมากเช่นกัน
หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึมว่า“ตอนนี้ต้าเหลียงสามารถระดมพลได้มีเพียงห้าแสนนาย ส่วนคนอื่นๆระดมไม่ได้ การรบครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะต่อสู้ แต่ไม่สู้ไม่ได้!”
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า“ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้สึกปิติยินดีมีความสุข องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตายไว อีกนัยหนึ่งเพราะนิสัยที่อย่างกับไม้กวนอุจจาระเลวร้ายของพระองค์ แน่นอนอาจจะไม่ให้ท่านอ๋องสู้ พระองค์จะตรัสกับท่านอ๋องว่า ผู้หญิงคนเดียว แลกมากับความสงบของต้าเหลียงมันคุ้มค่ามากอย่างแน่นอน!”
หนานกงเย่หรี่แววตาอึมครึมมอง กล่าวว่า“พูดเช่นนี้ เจ้ามีความสุขที่พระองค์ตายหรือ?”
“แน่นอนว่ามีความสุข พระองค์ไม่มีหญิงที่ดูแลด้วยความรักดั่งแม่ และไม่มีความน่าเกรงขามที่มองจากด้านบนลงล่าง ความสามารถของพระองค์ล้วนใช้วางแผนอยู่บนตัวของคนข้างกายเหล่านั้น”
“……”หนานกงเย่ไม่มีคำจะพูด
ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือออกไปโอบกอดท้อง กล่าวว่า“หวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้ท่านอ๋องจะชนะ และหวังว่าพื้นพิภพจะสงบ หากต้องสู้รบ ก็ให้แคว้นเฟิ่งมาด้วย อย่างนี้จะสามารถต่อสู้ร่วมกันได้ หลี่ถิงก็เพิ่งจะตาย คาดว่าวันที่เขาจะมาหาหม่อมฉันไม่มากแล้วเพคะ”
หนานกงเย่ดึงมือของฉีเฟยอวิ๋น กอบกุมไว้แน่นะกล่าวว่า“มีข้าอยู่ ผู้ใดก็ไม่สามารถแย่งชิงอวิ๋นอวิ๋นไปได้ ข้าจะปกป้องเจ้าชั่วชีวิต”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่กลัวที่พวกเขามาเพคะ หม่อมฉันมีวิธีการต่อสู้กับพวกเขาจนเสื่อมถอยล่วงโรยไปเลย ท่านอ๋องวางใจ ไม่ว่าพวกเขาจะมีกี่คน พวกเขาไม่มา ถ้าพวกเขามา จะต้องทำลายกองทัพทั้งหมดของพวกเขา กวาดล้างทั่วทั้งสี่ทิศ และปราบปรามเพื่อความสงบแก่ท่านอ๋อง! ”
หนานกงเย่เหม่อลอยชั่วขณะ เขามองฉีเฟยอวิ๋นอยู่เป็นเวลานาน กล่าวขึ้นว่า“อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าเพียงหวังว่าต้าเหลียงจะไม่ล่มสลายกลายเป็นผักปลา ข้าเพียงต้องการมีอวิ๋นอวิ๋นคอยเป็นเพื่อนชมดอกไม้ มองดูน้ำ มองดูทิวทัศน์และโลกธรณี
ตื่นเช้าฟ้าสางเห็นรอยยิ้ม ยามค่ำคืนฟังเสียงคลอเบาๆก็พอแล้ว!”
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือไปลูบใบหน้าของหนานกงเย่ จากนั้นกล่าวว่า“เพคะ!”
ทั้งสองต่างมองสบตากัน หนานกงเย่ได้ดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้าอ้อมกอด กล่าวว่า“ข้ารู้ อวิ๋นอวิ๋นต้องการปกป้องข้า และก็รู้ว่าพวกเขาต้องการกำจัดข้า แต่ข้าเป็นคนที่พวกเขาจะกำจัดได้ที่ไหนกัน!”
“อืม!”
ทั้งสองสามีภรรยากอดรัดกันทั้งคืน ตอนเช้าหนานกงเย่ตื่นแล้วออกไป วันเดียวกันเมืองต้มเหลียงได้ทำการเตรียมพร้อม ระดมกองกำลังทหาร
ภายในเมืองมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โจมตีฉีเฟยอวิ๋นกัน
มีคนบอกว่าฉีเฟยอวิ๋นเป็นต้นตอของปัญหา นำภัยพิบัติมาสู่เมืองต้าเหลียง เหล่าเสนาบดีต่างพยายามร่วมกัน รู้สึกว่าเรื่องนี้นักปราชญ์ยอมตายดีกว่าถูกดูหมิ่น ดีกว่าต้าเหลียงจะถูกทำลาย และก็ไม่สามารถส่งมอบฉีเฟยอวิ๋นออกไปด้วย
วันนี้บนราชสำนักหนานกงเย่ไม่กล่าวอะไรเลยสักคำ องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ก็อึมครึม เหล่าเสนาบดีใหญ่มีเพียงอวิ๋นกั๋วกงที่กล่าว เฉินอวิ๋นเจี๋ยกับเฉินอวิ๋นเลี่ยต่างไม่พูด แม่ทัพฉีก็เช่นกัน
ส่วนอวิ๋นหลัวฉวนที่ท้องโต หลีกเลี่ยงที่จะเข้าเฝ้าบนราชสำนัก
“เมื่อคืนฝ่าบาทได้กล่าวตรัสพูดคุยกับข้าเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้ไม่ควรที่จะเป็นข้าขึ้นมากล่าวบนราชสำนัก แต่ข้าต้องการมากับฝ่าบาทและพูดคุยกับเหล่าเสนาบดีสักหน่อย”
“ฮองเฮาผู้ปรีชาญาณ”เมื่อเทียบกับเฉินอวิ๋นชูแล้ว แม้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนจะอายุน้อยกว่า แต่ทว่ากลับได้รับความเคารพและกำลังใจจากอาณาประชาราษฎร์เป็นอย่างมาก