องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 897 ค้นหานางพญาหมาป่า
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 894 ค้นหานางพญาหมาป่า
พญาหมาป่าเงยหน้าส่งเสียงคำรามขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองและโศกเศร้า ฉีเฟยอวิ๋นใจสั่นจากนั้นก้มลงกอดพญาหมาป่าแล้วลูบหน้าของมัน: “วางใจเถอะ ข้ามาก็เพื่อช่วยเหลือเจ้าจะไม่เป็นไรแน่นอน”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่: “ท่านอ๋อง นางพญาของมันถูกคนผู้หนึ่งจับตัวไปแล้ว”
“ใจกล้าไม่น้อยแม้แต่นางพญาก็กล้าจับ ผู้ใดกัน?” หนานกงเย่ดูไม่พอใจ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปโดยรอบ: “ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงก็ไม่ใกล้เท่าไหร่น่าจะไม่เคยเกิดเรื่องหมาป่าลงจากเขาไปทำร้ายผู้คน อาหารที่นี่ก็เพียงพอและมากพอสำหรับพวกหมาป่า หากว่าพวกมันไม่ได้ลงจากเขาแล้วผู้ใดจับตัวพวกมันกัน?”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหาลูกธนูดอกนั้นก่อนแล้วนำมันมา: “นี่ไม่ใช่สิ่งของที่ไม่ดี ฝีมือและวัสดุนั้นดีนักไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้”
หนานกงเย่หยิบขึ้นมาดูโดยละเอียดแล้วกล่าวว่า:”น่าจะเป็นฝีมือจากเมืองหลวงและขุนนางนำออกมา”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” จู่ๆฉีเฟยอวิ๋นก็นึกขึ้นมาได้ในทันที
“ถามพญาหมาป่าดูว่ารู้ว่าเมียของเขาไปที่ใดกัน พวกเราไปหากันเถอะ” หนานกงเย่ท่าทางหยิ่งทะนง
ฉีเฟยอวิ๋นเผยอมุมปากขึ้น: “อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังไปมองพญาหมาป่า: “รู้หรือไม่ว่าอยู่ที่ใด?”
พญาหมาป่าร้องคำรามด้วยความโศกเศร้าพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว: “ถูกจับตัวไปเมื่อวาน ขณะนั้นพญาหมาป่ากำลังเฝ้าดูฝูงหมาป่าของมัน ในฝูงหมาป่าได้จับไก่ป่าตัวหนึ่งไปกินจากนั้นก็ล้มลงบนพื้นอันกว้าง ตอนนั้นมันกำลังสังเกตสิ่งเหล่านี้ไม่ทันได้สนใจก็ถูกจับตัวไปแล้ว หมาป่าตัวอื่นบอกว่าถูกเชือกลากตัวไป”
ฉีเฟยอวิ๋นบอกกับหนานกงเย่จากนั้นหนานกงเย่ก็ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา: “หากข้าจับตัวพวกเขาได้จะตัดหัวให้หมด”
ฉีเฟยอวิ๋นส่งเสียงอืมแล้วก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย จากนั้นดึงหนานกงเย่แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็พิงลง: “ท่านอ๋องข้านอนครู่หนึ่ง”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอยู่ก็พิงอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่อย่างสะลึมสะลือ ส่วนหนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แล้วนางก็หลับไปในอ้อมแขนของหนานกงเย่
เบื้องหน้าคือฉากของฝูงหมาป่าซึ่งกรีดร้อง พญาหมาป่าเพิ่งกลับมาเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็พุ่งทะยานออกไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งในขณะนั้นมีคนใช้บ่วงคล้องคอนางพญาหมาป่าและแล้วลากลงเขาไป ฝูงหมาป่าไล่ตามไปก็ถูกคนขับไล่ด้วยดาบสุดท้ายคนจึงได้วิ่งหนีไป
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้น: “ท่านอ๋อง พวกเขาลงเขาไปแล้วและอยู่ทางทิศใต้ซึ่งเป็นทางไปเมืองหลวง”
“อืม พญาหมาป่า เจ้ามากับข้า”
พญาหมาป่าหันหลังกลับไปมองฝูงหมาป่าที่อยู่ด้านหลังและยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง
“วางใจเถอะ เขาตับตัวนางพญาของเจ้าไปก็จะไม่กลับมาเร็วเช่นนี้ พวกเราไปตามหากัน” หนานกงเย่ประคองฉีเฟยอวิ๋นลงเขาและพญาหมาป่าก็เดินตามลงเขาไปด้วย
ถึงเชิงเขาฉีเฟยอวิ๋นให้พญาหมาป่าขึ้นรถม้าแล้วจากไปด้วยกัน
ยังไม่ถึงเมืองหลวงฉีเฟยอวิ๋นก็บอกหนานกงเย่ว่าอยู่ใกล้ๆ
ทั้งสองคนลงจากรถ ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นผู้ใด ส่วนหนานกงเย่กลับพบทิศทางซึ่งมีหมู่บ้านหนึ่งอยู่ไม่ไกลแล้วพวกเขาก็ไปที่นั่น
อาศัยท้องฟ้าที่มืดมิดฉีเฟยอวิ๋นนั้นตามเข้าไป
ในหมู่บ้านมีเสียงหมาป่าหอนอยู่ พญาหมาป่าก็รู้ทันทีว่าเป็นนางพญาของมันจึงรีบไปหาทันทีแต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นเรียกไว้: “เจ้าตามข้ามา ท่านอ๋องท่านไปก่อน”
หนานกงเย่พยักหน้าแล้วเดินจากไปก่อน ฉีเฟยอวิ๋นกับพญาหมาป่าเดินไปยังเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน หลังจากยืนยันสถานที่แล้วประตูใหญ่ก็เปิดออกและมีคนกลุ่มหนึ่งคุกเข่าอยู่ในลาน มีชายกลางคนวัยอายุประมาณสี่สิบยังคงนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดอยู่เต็มร่างกาย หมาป่าบนพื้นยืนอยู่ตรงหน้าหนานกงเย่ด้วยท่าทีดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และในลานเรือนก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่สิบกว่าคน ลานนั้นกว้างขวางซึ่งคนก็มากพอสมควร
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาแล้วก็เดินไปโดยรอบลานรอบหนึ่ง ในที่สุดก็มองไปทางหมาป่าสองตัวซึ่งวิ่งประสานคอเอาไว้ด้วยกัน
จู่ๆพญาหมาป่าก็ดุร้ายแล้วมองไปทางผู้คนฝั่งหนึ่ง ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องซึ่งชายชราหน้าตาเหี่ยวย่นทั้งหน้าทว่ากลับมองหนานกงเย่ด้วยแววตาบีบบังคับ
“เจ้าคืออ๋องเย่หนานกงเย่?” ชายชรารู้จักหนานกงเย่
หนานกงเย่มองดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง: “เจ้าเป็นผู้ใด? กล้าเรียกชื่อของข้าตรงๆ!”
“ฮึ่ม ข้าเป็นใคร?” ชายชราค้ำไม้เท้าเดินไปหาหนานกงเย่: “ข้าคือกงซุนอิ่น”
“……มิน่า ดูคุ้นหน้านัก ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพสมัยอดีตจักรพรรดิ เหตุใด ไม่ใช่ว่าคืนสู่ป่าเขาแล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?” หนานกงเย่กล่าวอยู่ก็มองดูพญาหมาป่า: “ดูว่าเกิดเรื่องกับเมียเจ้าหรือไม่?”
พญาหมาป่ารีบหันหลังวนไปหนึ่งรอบจากนั้นดมกลิ่น มั่นใจว่าเกิดเรื่องจึงส่งเสียงคำรามขึ้นมา
พญาหมาป่าในเวลานี้ราวกับเด็กที่กำลังฟ้องอยู่ หันหน้าไปทางด้านชายชราอย่างขุ่นเคือง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “กรงเล็บหักแล้วน่าจะขีดข่วนและยังมีรอยแส้อยู่บนตัวด้วย น่าจะทุบตีนางแล้ว เข้ามาสิข้าจะดูให้”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขวดยามาแล้วหยิบยาเม็ดให้นางพญาหมาป่ากิน นางพญาหมาป่าเคี้ยวแล้วกลืนลงไปและก็ยืนอยู่ข้างๆฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่มองอย่างเย็นชา: “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
กงซุนอิ่นหัวเราะหึหึ: “ฝูงสัตว์เดรัจฉานกินคนไม่น่าแปลก เหตุใดอ๋องเย่ถึงได้เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
“พวกมันไม่ได้ยั่วยุเจ้า หากเจ้าทำร้ายพวกมันข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป” หนานกงเย่เหลือบมองพญาหมาป่าแล้วถามว่า: “เกิดสิ่งใดขึ้น บอกมา”
พญาหมาป่าส่งเสียงร้องฉีเฟยอวิ๋นฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงได้กล่าวว่า: “มันบอกว่ามันก็ไม่รู้เช่นกัน พวกมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันมาก่อน แต่ว่าไม่นานมานี้ผู้คนเหล่านี้มักจะไปสร้างปัญหาและยังฆ่าพวกมันบางส่วนและสองสามวันนี้ก็ยิ่งเลวร้ายลง”
“พวกเจ้าไม่บอกข้าจะฆ่าทีละคน” หนานกงเย่มองไปยังอาอวี่ซึ่งอาอวี่ขับรถม้าอยู่ตลอดโดยที่เขาไม่กล้าเข้าใกล้หมาป่าจึงได้ตามอยู่ทางด้านหลังและตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าประตู
หนานกงเย่ส่งสายตาอาอวี่ก็หยิบดาบออกมาแล้วเดินไปยังตรงหน้าคนผู้หนึ่ง เตรียมพร้อมที่จะตัดหัวของอีกฝ่าย
กงซุนอิ่นกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า: “พวกมันเป็นสัตว์เดรัจฉานทั้งนั้น ข้าอยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
หนานกงเย่กล่าวว่า “อาอวี่ตัดแขนข้างหนึ่งของเขาลงมา ในสายตาของเขาหมาป่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ในสายตาของข้าพวกเขาไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่ใดกัน?”
อาอวี่ฟันลงไปหนึ่งดาบก็มีคนผู้หนึ่งกรีดร้องขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับแขนก็บินออกไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดว่าหนานกงเย่จะทำเช่นนี้จริงๆ แต่ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วและคนก็ไม่ตาย
ไม่แน่ว่าพวกเขาฆ่าหมาป่าไปหลายตัวแล้ว!
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย” คนผู้นั้นล้มลงกับพื้นแล้วร้องห่มร้องไห้
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังคนผู้นั้นแล้วมองไปยังกงซุนอิ่น กงซุนอิ่นกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “จะฆ่าก็ฆ่าข้าไม่มีทางบอก”
“เอาอีก” หนานกงเย่ออกคำสั่ง
อาอวี่กำลังจะลงมือ หญิงผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นวิ่งไปยังตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นแล้วคุกเข่าลงพร้อมกับรีบบอกว่า: “ข้าบอก ข้าบอก ข้ารู้”
“เจ้าสารเลว เจ้าจะต้องตาย!” กงซุนอิ่นยกไม้ค้ำขึ้นก็จะตีเข้าใส่ทว่าหนานกงเย่เตะทิ้งออกไปเลย
แม้ว่ากงซุนอิ่นจะมีพื้นเพเป็นแม่ทัพแต่ว่าเขาก็เป็นเพียงแม่ทัพเล็กๆและเคยเห็นอดีตจักรพรรดิเท่านั้นใช่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำคุณงามความดี หากว่าสร้างความดีจะตั้งรกรากอยู่ในสถานที่ย่ำแย่เช่นนี้ได้อย่างไร
กงซุนอิ่นกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด หายใจออกแล้วมองหนานกงเย่อย่างดุดัน: “อดีตจักรพรรดิทรงยังไม่ทำกับข้าเช่นนี้ เจ้าเกิดเป็นอ๋องเย่กลับรังแกผู้ที่อ่อนแอ มีข่าวลือในเมืองหลวงว่าเจ้าร่ำรวยและไร้ความปรานีข่มเหงชายครอบครองหญิงทำแต่เรื่องเลวทรามและข่มเหงผู้ที่ภักดีมีเมตตาโดยเฉพาะซึ่งก็เป็นจริงตามนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง ชื่อเสียงของหนานกงเย่แย่ขนาดนี้เลยหรือ?
นางไม่รู้เลยสักนิด!
หนานกงเย่ยิ้มอย่างประจักษ์แจ้ง: “ยังมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นอีก ฆ่าคนจนเป็นนิสัยเจ้ายังไม่รู้อีก!”
กงซุนอิ่นไม่ยอมจึงกัดฟันเอาไว้: “แม้ว่าวันนี้ข้าจะตายก็จะไม่ปล่อยสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ไป!”