องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 900 องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ยกตนข่มท่าน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 897 องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ยกตนข่มท่าน
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้มองอวิ๋นหลัวฉวน แล้วตรัสด้วยความกังวลใจว่า“เจ้านั่งลงก่อน อย่ายืนเหนื่อยเลย”
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ลุกขึ้นไปประคองอวิ๋นหลัวฉวนนั่งลงด้วยตนเอง อวิ๋นหลัวฉวนเลยกล่าวว่า“เรื่องวันนี้ ไม่ว่าหญิงผู้นี้จะเป็นใคร ตามที่ข้ามอง ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ควร บางทีอาจจะมีเสนาบดีในแถวนี้ไม่เคยต่อสู้ ไม่ใช่นายทหารโดยชาติกำเนิด
แต่ข้าใช่ ในโลกของข้า นักปราชญ์ยอมตายดีกว่าถูกดูหมิ่น นี่ก็คือข้า
พวกเขามีทหารเจ็ดแสนนายมาประชิดพรมแดน พวกเขากดขี่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ใช่หรือไม่?
ที่พวกเขากดขี่คืออาณาประชาราษฎร์ของเมืองต้าเหลียง กดขี่ชายชาติทหารที่มีจิตใจเข็มแข็งของเมืองต้าเหลียง
ระหว่างทั้งสองเมือง ก็เหมือนกับเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้ามีความสัมพันธ์กันระหว่างสองเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเวลาร้อยปี เด็กชายสองคนเป็นพี่น้องกันได้ เด็กหญิงสองคนเป็นพี่น้องกันได้ และชายหญิงหนึ่งคนสามารถแต่งงานกันได้ เช่นนั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี
แต่หากวันนี้เจ้าแย่งแตงโมของข้า วันพรุ่งนี้เจ้าขโมยแกะของข้าหนึ่งตัว วันถัดมาเจ้าชอบภรรยาของข้า ถือโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่ลวนลามภรรยาของข้า
ขอถามหน่อย ยังสามารถอดทนได้หรือไม่?
และวันนี้ ก็เป็นเช่นนี้ หากว่าพวกเราอ่อนแอ พวกเขาก็ยิ่งหยิ่งผยองจองหอง
ทางเหนือของต้าเหลียงค่อนข้างยากจนข้นแค้น พวกเขามั่งคั่ง บ้านเมืองร่ำรวย เพราะฉะนั้นสามารถสู้ได้อย่างหยิ่งยโส
นายทหารเจ็ดแสนนายรวมกัน ก็คือต้องการทำลายล้างต้าเหลียงของข้า
การเกลียดชังแย่งชิงภรรยา ความคิดแค้นทำลายบ้านเมือง
สามารถอดทนอดกลั้นพวกเขาได้ที่ไหนกัน?
หากพระชายาเย่ชอบปีกใต้จริง ไปก็จบ ข้ายินดีที่จะไปส่งนาง แต่วันนี้พระชายามีสามี มีกลุ่มลูกแล้ว
ปีกใต้ยกทัพทำสงครามโดยไม่มีข้ออ้าง!
ยืมชื่อผู้หญิงคนหนึ่งมาใช้ ข่มเหงต้าเหลียงของข้า
ผู้ชายของต้าเหลียงข้าตายหมดแล้วหรือ?
แม้ผู้ชายต้าเหลียงของข้าจะตายหมดแล้ว ยังมีผู้หญิง แม้ว่าผู้หญิงก็ตายกันหมด ยังมีคนแก่มีเด็ก
ต่อให้บ้านเมืองล่มสลายจริง แต่ก็มีวิญญาณมากมายบนแผ่นดินนี้ที่มีเลือดไหลลงสู่แม่น้ำ ทนพวกเขาได้หรือไม่? ”
อวิ๋นหลัวฉวนมององค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ กล่าวว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์กังวลอะไร หากทำการสู้รบ มันจะทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมืองต้าเหลียงไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับพวกเขา หากเวลานี้แคว้นเฟิ่งยื่นมือเข้ามาแทรกแซง เช่นนั้นโอกาสรอดของต้าเหลียงของเราก็อาจนะไม่มีแล้ว”
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้กอบกุมมือของอวิ๋นหลัวฉวน จากนั้นตรัสว่า“ที่ฉวนเอ๋อร์กล่าวมาทั้งหมดก็ใช่ ข้าคิดก็คือสิ่งเหล่านี้ ข้าได้เรียกคนวางแผนคำนวนแล้ว ว่ามีตั๋วเงินกับเสบียงอาหารที่ใช้ได้อยู่เท่าไหร่ เหล่าทหารที่อยู่ชายแดนสามารถต้านทานนายทหารเจ็ดแสนนายได้
ฉวนเอ๋อร์….ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอ ต่อให้ครั้งนี้ต้องทำลายเมือง ข้าก็ไม่มีทางถอยหนีแม้แต่ครึ่งก้าว
ข้าเป็นผู้ชาย พระชายาเย่เป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์ ข้าจะเอานางส่งมอบออกไปได้อย่างไรกัน
หากพวกเขาต้องการฮองเฮาของข้า ใช่หรือไม่ว่าข้าก็ต้องให้?
แต่ไหนแต่ไรราชวงศ์มักถูกคนทำลาย ผู้หญิงต้องกลายเป็นของเล่นศัตรู ภาพเหตุการณ์ข้าไม่สามารถคิดได้หรอก
หากเมืองต้าเหลียงของข้าพังพินาศ คือข้าที่ไร้ความสามารถ ข้าจะสังหารฉวนเอ๋อร์ก่อน แล้วค่อยสังหารตนเอง ไม่มีทางที่จะถอยแม้แต่ครึ่งก้าว
เขาต้องการพระชายาเย่ของต้าเหลียง ก็คือต้องการให้ข้าถอดเสื้อผ้าทั้งหมด ให้ประจบสอพลอพวกเขา ข้า…..ไม่มีทางอดทนได้!”
ฝ่าบาทฮองเฮาพูดเช่นนี้ เหล่าเสนาบดีที่อยู่ด้านล่างมีเหตุผลที่จะไม่เอ่ยปากที่ไหนกัน
ราชครูจวินคุกเข่าลงกล่าวว่า“ฝ่าบาท มีทหารปีกใต้เจ็ดแสนนายเข้าประชิดพรมแดน กระหม่อมนึกว่าพวกเขาเพียงแค่เอาพระชายาเย่มาเป็นหน้าฉาก แม้ว่าจะส่งมอบคนไป ก็ต้องการที่จะสู้รบ พวกเขาจะดูถูกเหยียดหยามพระชายาเย่ได้ หลังจากนั้นค่อยจู่โจม
กระหม่อมคิดว่ามิสู้กับสู้กันไปเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เหล่าเสนาบดีต่างทยอยคุกเข่า องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้มองหนานกงเย่ แล้วตรัสขึ้นว่า“ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ล่ะ?”
หนานกงเย่หลุบตาขึ้น กล่าวว่า“กระหม่อมไม่มีทางมอบอวิ๋นอวิ๋นแก่พวกเขา อวิ๋นิวิ๋นเป็นภรรยาของกระหม่อม กระหม่อมไม่มีทางมอบภรรยาแก่ชายอื่น แม้กระหม่อมตาย กระหม่อมจะพาอวิ๋นอวิ๋นไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี!ในเมื่อะวกเขาต้องการพระชายาเย่ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้สามเหล่าทัพมอบตราประทับแก่เจ้า ผู้สำเร็จราชการแทนรับพระราชโองการ”
หนานกงเย่รับพระราชโองการ องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ตรัสว่า“ทุกอย่างต้องสมเหตุผล เรื่องราวเป็นปีกใต้ยั่วยุขึ้นมา ต้าเหลียงของข้าไม่มีความผิด แต่ก็ไม่สามารถรับความอับอายเยี่ยงนี้ได้
การรบนี้ข้าจะสู้รบ และจะต้องสู้อย่างสง่างาม หากไม่ชนะใช้ศพแลก หากชนะ การเก็บภาษีสิบปีของต้าเหลียง ทุกปีจะต้องได้ทองจากปีกใต้หนึ่งหมื่นตำลึง หญิงงามสามพันคน สามคูเมืองของเขาด้วย
หากว่าแพ้ ข้าและฮองเฮาจะจัดการแก้ไขเอง”
“กระหม่อมรับพระราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่ลุกขึ้น องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้จึงตรัสขึ้นว่า “ข้าจะให้ตั๋วเงินแก่เจ้าสามสิบล้านตำลึง ซึ่งเป็นตั๋วเงินส่วนตัวของข้า และตั๋วเงินในท้องพระคลังจะไม่ถูกเคลื่อนย้ายในขณะนี้ พระชายาเย่ร่ำรวยกว่าข้าแล้ว สามารถนำตั๋วเงินออกมาห้าสิบล้านตำลึงอยู่แล้ว
ส่วนเสื้อผ้าและวัสดุของใช้ จะเป็นจวนแม่ทัพมาสั่งงานโยกย้าย ความสามารถของแม่นางอวิ๋นจิ่นนั้นข้ารู้….ใช่แล้ว วันนี้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพแล้วนี่”
เสนาบดีเกิดความลังเลใจ องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้กล่าวว่า“วางใจเถิด จะต้องสู้ชนะอย่างแน่นอน รอสู้ชนะแล้ว การเก็บภาษีสิบปี ข้าให้พวกเจ้าเงินบำรุงพวกเจ้าเพิ่มขึ้นก็จบ”
เรื่องนี้ฝ่าบาทได้ผลักดันกระจายเผยแพร่ออกไป
และคนที่ปล่อยข่าวลือถูกจับ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเฉินอวิ๋นเอ๋อร์
เสนบาดีเฉินโมโหเฉินอวิ๋นเอ๋อร์เป็นอย่างมาก ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จับเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ไปเซ่นไหว้ที่ด้านหน้าขบวนสามเหล่าทัพ
จนจะตายแล้วเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ยังไม่รู้เรื่อง นางไม่ใช่ลูกแท้ๆของฮูหยินเฉิน และยิ่งไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเสนาบดีเฉินด้วย นางเป็นเพียงลูกสาวของสาวใช้ข้างกายฮูหยินเฉินกับคนลอบมีสัมพันธ์กัน
และฮูหยินเฉินสงสัยมาตลอดว่านางเป็นลูกสาวของเสนาบดี วันนี้นับว่าเสนาบดีเฉินได้แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว
เฉินอวิ๋นเจี๋ยกับเฉินอวิ๋นเลี่ยออกจากแถวมาเป็นแนวหน้า ภายในสามวันหนานกงเย่ก็สามารถสั่งงานเรียบร้อย กองกำลังทหารเลยเร่งรีบกระจายกำลังไป
ก่อนออกเดินทาง หนานกงแย่มองฉีเฟยอวิ๋น ทั้งสองกล่าวลากันสั้นๆ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นเลยใช้สายตาส่งหนานกงเย่ไป
ช่วงเว่าร่ำลา ม้าของหนานกงเย่ไม่ยินยอมไป ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ก้าวเลยแม้แต่น้อย
รอคนไปไกล องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้กับอวิ๋นหลัวฉวนถึงได้เดินออกมา
“ตอนนี้ท่านไม่สะดวก รอเขากลับมา พวกท่านก็สามารถอยู่ด้วยกันได้”อวิ๋นหลัวฉวนกล่าว
ฉีเฟยอวิ๋นมองไป กล่าวว่า“หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันไม่มีทางให้เขาแพ้ ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องการใช้คลังอาวุธ และต้องการสามพันช่างเหล็ก และหนึ่งหมื่นนายทหารเพคะ”
“เยอะเช่นนี้หรือ?”
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้รู้สึกแปลกใจ
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวว่า“จวนกั๋วกงของข้าสามารถเอาคนเหล่านี้ออกมาได้”
“ผู้หญิงไม่ได้ ไม่สามารถใช้ หากฝ่าบาทไม่มีล่ะก็หม่อมฉันจะไปดูที่จวนแม่ทัพเพคะ”
“ข้ามีสามพันคน ช่างเหล็กให้เจ้า คลังอาวุธมีห้าพันคน ไม่ถึงหนึ่งหมื่นคน”
“เช่นนั้นก็พอประมาณแล้ว จวนกั๋วกงเอาคนมา ข้าจะเลือกจำนวนหนึ่ง”
“อืม”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรอวิ๋นหลัวฉวนจะเป็นคนที่มีน้ำใจเสมอมา นางเอาคนเอาสิทธิมอบให้ โดยที่ไม่ถามอะไรเลย
สองสามีภรรยากลับไป องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ถามว่า“ก็ไม่ถามหน่อยว่าเพราะเหตุใด”
“ถามอะไรเพคะ สามีของนางสู้รบอยู่ด้านนอก นางเป็นคนท้องผู้หนึ่ง หรือว่าไม่ใช่เพราะว่าต้องการปกป้องสามีหรือเพคะ?นี่ยังต้องถามหรือ?”อวิ๋นหลัวฉวนมององค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ด้วยความหงุดหงิด แล้วอิงในอ้อมกอดกล่าวว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะยกตนข่มท่านขนาดนั้น”
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้มองร่างที่อวบอ้วนขึ้นในอ้อมกอด แล้วกล่าวว่า“ข้าเพียงแค่ต้องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากปีกใต้ต้องการฉวนเอ๋อร์ของข้า สู้ไม่ได้กับข้ามอบอำนาจให้แล้ว!”
“เช่นนั้นไร้ประโยชน์มาก เป็นองค์จักรพรรดิที่ดี เพื่อปกป้องต้าเหลียง และคนอื่นของต้าเหลียงนั้นคือลูกของเรา และไม่ยอมที่จะให้ใครมากลั่นแกล้งได้นะเพคะ!”
อวิ๋นหลัวฉวนจูบสัมผัสองค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ก้มศีรษะลง เป็นเวลานานถึงได้จูบตอบกลับ