องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 907 เฟิ่งไป่ซูคลอดบุตร
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 907 เฟิ่งไป่ซูคลอดบุตร
“เจ้าเป็นใคร?”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกงุนงง “ท่านไม่รู้จักข้า?”
“……” สายตาหนานกงเย่เย็นยะเยือก จ้องพินิจใบหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองดูรอบ ๆ ก่อนจะดึงหนานกงเย่แล้วเดินไป “พวกเราควรไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาเห็นก็จะลำบาก”
ฉีเฟยอวิ๋นจูงหนานกงเย่มาไกล เธอเดินลงไปโดยมาหนานกงเย่ตามมาด้วยตลอดทาง
เมื่อลงมาถึงตีนเขา ฉีเฟยอวิ๋นก็ขึ้นรถพาหนานกงเย่จากไป
หนานกงเย่นั่งมองฉีเฟยอวิ๋นตลอดทาง ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม “มองอะไร?”
หนานกงเย่หันหน้าไปมองทางอื่น
ทั้งสองใช้รถเป็นพาหนะมาไกลพอสมควร จึงทิ้งรถไว้แล้วไปยังที่อื่น
เมื่อถึงที่ลับหูลับตา ฉีเฟยอวิ๋นลูบจับเนื้อตัวของหนานกงเย่ หนานกงเย่จับมือฉีเฟยอวิ๋นไว้ พลางจ้องมองเธอ เธอไม่ทันตอบสนอง เขาก็ก้มตัวประทับรอยจูลที่ปากเธอเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นจ้องเขาพร้อมกับผลักเขาออก
“ไม่ได้”
หนานกงเย่ดึงฉีเฟยอวิ๋นมากอด ก่อนจะก้มหน้าจูบอีกครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นดิ้น ผลักหนานกงเย่ออกแรง ๆ ทั้งสองสบตากัน หนานกงเย่ยังอยากเข้าใกล้อีกครั้ง เธอรีบกดหน้าอกเขาไว้ จากนั้นก็ผลักเขาออกแล้วปลดเสื้อเขา เขาก้มหน้ามองมือของเธอ ฉีเฟยอวิ๋นถอยเสื้อของเขาจนเผยสรีระของเขาจนหมดเปลือก
หนานกงเย่ยังคงคิดจะจูบเธออีก ฉีเฟยอวิ๋นผลักหนานกงเย่ออก “ข้าดูแล้วค่อยว่ากัน”
หนานกงเย่ปล่อยมือ ฉีเฟยอวิ๋นเดินสำรวจร่างกายเขา
ฉีเฟยอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเงียบกะทันหัน
หนานกงเย่หันหน้าไปจูบเธอ ซึ่งเธอไม่ได้ปฏิเสธ หนานกงเย่รีบถอดเสื้อของฉีเฟยอวิ๋นออก
……
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาที่เตียงนอนก็ไม่พบหนานกงเย่อยู่ข้างกาย
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นหาหนานกงเย่ทุกมุม ทว่าก็ไม่พบ
หนานกงเย่ที่นั่งอยู่ตรงศาลาลืมตาขึ้น เฟยอิงรู้สึกแปลกใจ เมื่อครู่นอนหลับหรือ?
หนานกงเย่จับผ้าคลุมกันหนาว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากศาลา ซึ่งพื้นเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ
เฟยอิงกล่าว “ท่านอ๋อง วันนี้ซื่อจื่อเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”
“……” หนานกงเย่หันหน้ามองปราดหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าห้องนอน
หนานกงเย่นั่งลงในห้อง พลางมองไปยังเตียง จากนั้นก็ถอดผ้าคลุมกันหนาวออกแล้วไปที่สระกำมะถัน
เมื่อเข้าไปในสระ หนานกงเย่หลับตาลง เฟยอิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเรียกว่า “ท่านอ๋อง”
“เมื่อครู่ฝันเห็นอวิ๋นอวิ๋น เจ้าออกไปเถอะ”
น้ำเสียงหนานกงเย่ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ เฟยอิงลังเลชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “ฝังร่างพระชายาแล้ว ท่านอ๋อง……”
“อวิ๋นอวิ๋นยังไม่ตาย นางต้องกลับมาแน่ เพียงแต่ยังติดธุระอยู่ ถอยไปเถอะ”
เฟยอิงหมุนกายเดินออกไป ความจริงแล้วร่างกายพระชายาเน่าเปื่อยอย่างรุนแรง ไม่อาจเก็บรักษาได้ จึงได้เผา ส่วนที่เป็นผงธุลีก็ได้ทำพิธีฝังไปแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาอีก
เฟยอิงยืนอยู่นอกประตู ระลึกถึงฉีเฟยอวิ๋นแล้วรู้สึกขมฝาด
อยู่ดี ๆ ก็จากไปเสียดื้อ ๆ
ผ่านมาหนึ่งเดือน แต่เขายังรู้สึกว่าเป็นเมื่อวาน
ไอร้อนในสระกำมะถันฟุ้งกระจายไปทั่ว หนานกงเย่กำลังใจลอยนึกถึงภาพในความฝัน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสับสนมึนงง เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อกลับถึงห้องทดลอง ฉีเฟยอวิ๋นอยากเข้าไปดู ทว่าห้องทดลองไม่เหมือนห้องเมื่อก่อนเลย เธอกำลังเตรียมเข้าไปก็เห็นซูมู่หรงเดินมาจากอีกด้าน
ฉีเฟยอวิ๋นมองอีกฝ่าย อีกฝ่ายถามว่า “คุณจะกลับไปให้ได้เลยหรือ?”
“ฉันต้องกลับค่ะ เส้นผมเขาขาวหมดแล้ว ขาวทั่วหัวเลย”
ซูมู่หรงคลี่ยิ้ม “แล้วคุณไม่อาลัยอาวรณ์ผมเหรอ?”
“ไม่ แต่ฉันจำได้ว่าคุณผมหงอก ทำไมตอนนี้เป็นอย่างนี้?”
“ร่างกายของคุณตอนนี้ ความจริงเป็นร่างที่ผมสร้างขึ้นมาจากยีนของคุณ ผมก็เหมือนกัน พวกเราล้วนใช้ร่างใหม่ ตอนผมกลับมา ร่างเก่าคุณตายไปแล้ว ผมเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายจึงทำร่างใหม่ขึ้นมา”
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูรอบ ๆ “แล้วที่นี่คือ?”
“ผมสร้างขึ้นเพื่อหลอกคุณโดยเฉพาะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี หมุนกายหาที่นั่งลง
“ครูฝึก ฉันต้องกลับไปจริง ๆ ”
“ตอนนี้คุณจะกลับไปยังไง ถ้าผมทายไม่ผิด ตอนนี้ ร่างกายคุณทางนั้นคงไม่เหลือ ไม่งั้นคุณก็คงกลับมาที่นี่ไม่ได้ ถึงผมจะสร้างคุณขึ้นมาใหม่ แต่จะเป็นการสร้างที่ล้มเหลว สร้างขึ้นมาก็แค่มีรูปร่างเป็นคน แต่ไม่มีความคิด นอกเสียจากจะมีวิญญาณ สาเหตุที่คุณมาที่นี่ได้ เพราะวิญญาณของคุณกลับมาแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา นี่เป็นเพียงช่องว่างระหว่างกาลเวลาเท่านั้น” ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรง ซูมู่หรงนั่งลง
“แล้วคุณคิดจะทำยังไง ไม่ว่าอย่างไรที่นั่นก็ไม่มีร่างให้คุณอาศัยแล้ว”
“คุณเคยไปแล้วไม่ใช่หรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังซูมู่หรง อีกฝ่ายเงียบงัน
ทั้งสองนั่งไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นเดินเข้าห้องทดลอง เธอจะทำให้สำเร็จให้ได้
ซูมู่หรงก็ตามเธอเข้าไปในห้องทดลองด้วย ฉีเฟยอวิ๋นเข้าห้องก็เริ่มตั้งระบบทันที และถามถึงหลี่ถิงด้วย
“หลี่ถิงกลับมาตอนไหน?”
“ตอนเขากลับมาผมพึ่งสร้างคุณอยู่ ตอนนั้นหน้าตาผมกลายเป็นอย่างนี้แล้ว”
“ดังนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ เท่ากับกลับมาหาที่ตาย”
“ก็ไม่เชิง ฝีมือเขาไม่เลวเลย แค่เขาเก็บร่างไม่มิดชิดเฉย ๆ เขายังไม่กลับมาผมก็เจอร่างกายของเขาแล้ว อีกอย่างเป็นเพราะคุณช่วยถ่วงเวลา เขาจึงกลับมาช้า ผมเลยมีโอกาส เขากลับมาผมก็ฆ่าเขาเลย รับรองว่าเขาไม่มีทางปรากฏตัวให้เห็นอีก” ซูมู่หรงพูดติดตลก ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาปราดหนึ่ง
“ครูฝึกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณส่งฉันกลับไปได้ หลังจากฉันไปแล้ว คุณช่วยทำลายสิ่งของของฉันด้วย ฉันจะได้ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก วันหลังฉันก็จะไม่กลับมาแล้ว”
ซูมู่หรงเงียบไปสักพัก “อันที่จริง ถ้าผมไม่ช่วย ชาตินี้คุณก็กลับไปไม่ได้ คุณรู้ไหม?”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มทำการทดลองและผงกศีรษะไปด้วย “ใช่”
“ดังนั้นคือ?” ซูมู่หรงหมุนกาย เอาปืนในตัวลง แล้วพิงหลังที่โต๊ะ เอามือกอดอก
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรง “คุณว่ามาสิ”
“ผมส่งคุณกลับไปแล้วจะช่วยคุณทำลายทุกอย่าง แต่คุณต้องแต่งงานกับผม จัดงานที่มีเพียงพวกเราสองคน”
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรงอย่างเหลืออด “อายุครูฝึกก็มากแล้ว ใช้ชีวิตมาหลายสิบปี แต่ยังทำตัวเหมือนเด็กไปได้ ถึงจะทำอย่างนี้ แต่จะมีประโยชน์อะไร?”
“นอนตายตาหลับไง” ซูมู่หรงตอบอย่างขึงขังจริงจัง
ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ได้ ฉันรับปาก คุณส่งฉันกลับไป”
“จัดงานตอนนี้เลย” ซูมู่หรงลุกขึ้นเดินไปหยิบชุดแต่งงานที่ตู้เก็บของ แล้วส่งให้ฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นอึ้ง “คุณเตรียมไว้นานแล้ว?”
“ผมเตรียมไว้เพื่อจะได้แต่งงานกับคุณ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณอยากจะกลับไปมากขนาดนี้” ซูมู่หรงถอดกางเกงออก แล้วใส่กางเกงสูท ฉีเฟยอวิ๋นหมุนกายไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาว เมื่อฉีเฟยอวิ๋นออกมา ซูมู่หรงก็ใส่เสื้อสูทเรียบร้อยแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมา ซูมู่หรงรีบหยิบกล่องออกมา จากนั้นก็คุกเข่าตรงหน้าเธอ “แต่งงานกับผมนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบแหวนใส่สวม “เริ่มกันเถอะ”
ซูมู่หรงลุกขึ้น ถึงแม้พอจะเดาปฏิกิริยาเธอได้ แต่ก็ยังคงรู้สึกอดสลดใจไม่ได้
“เพื่อคุณแล้ว ผมยอมสละทิ้งทุกอย่าง แต่คุณก็ยังคงคิดถึงแต่เขา ถ้าผมบอกความในใจกับคุณเร็วหน่อยจะดีมากเลย” ผ่านไปหลายสิบปี แต่ในใจของซูมู่หรง ฉีเฟยอวิ๋นยังคงจารึกอยู่ในใจเสมอ
ถึงแม้จะถึงตอนนี้ก็ตาม
ฉีเฟยอวิ๋นมองเครื่องมือ “อันนี้ก็คือวาสนา ฉันกับคุณไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ฉันมีวาสนากับเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นดึงกระโปรงเจ้าสาวเดินไปยังเครื่องมือ จากนั้นเปิดออก แล้วนอนลงไป
“ไม่ต้องสนว่าเขาอายุมาก ฉันจะไปหาเขา” ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาอยู่ในเครื่องมืออย่างไม่อาลัยอาวรณ์
ซูมู่หรงเดินเข้ามามองเธอ “คุณไม่กลัวผมจะแกล้งคุณเหรอ หากคุณไปถึงแล้วกลายเป็นภรรยาคนอื่นแล้วล่ะ?”
“ถ้าคุณทำแบบนั้น ฉันเกลียดคุณแน่” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ลืมตา ซูมู่หรงก้มหน้าจูบริมฝีปากเธอ เธอลืมตาจ้องเขม็งเขา
“อันนี้ถึงจะเรียกว่าผลตอบแทน คุณไปอย่างสบายใจได้เลย ผมจะหาฐานะสูงศักดิ์ให้คุณ ให้คุณไปหาเขา”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบ เมื่อปิดเครื่องมือ ซูมู่หรงก็เดินไปอีกด้าน ก่อนจะทำการเปิดเครื่อง จากนั้นก็เริ่มสั่งการเครื่อง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตัวเองค่อยๆนอนหลับ เธอรู้ว่าร่างกายจะสูญสลายในไม่ช้า
ตรงหน้ากลายเป็นสีขาวโพลน ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ตอนเธอตื่นมารู้สึกสับสนเล็กน้อย ข้างหูยังได้ยินเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกด้วย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอเริ่มหลับ จากนั้นก็ตื่น แล้วก็นอนต่อสลับกันไปมา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มรู้สึกปวดศีรษะชนิดที่ศีรษะจะฉีกออก สุดท้ายตรงหน้าก็เริ่มสว่างขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้น มีคนเอ่ยว่า “ฝ่าบาท เป็นรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”