องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 909 เหตุใดจึงอยู่ที่นี่
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 906 เหตุใดจึงอยู่ที่นี่
กลับถึงบ้านเดี่ยว ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปเห็นซูมู่หรงกำลังต้มหมี่อยู่
เมนูถนัดของซูมู่หรงคือหมี่และเนื้อสแปม
“คุณอยากกินอะไรอีก?” ซูมู่หรงถามโดยหันหลังให้ฉีเฟยอวิ๋น
“ฉันไม่หิวค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นหมุนกายเดินไปตรงหน้าโทรทัศน์ จากนั้นก็เปิดดูว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เธอพึ่งตายจากไปหรือไม่
ทว่าเวลากลับเป็นปี 2019 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร กระทั่งวันที่ก็ยังเหมือนกัน
ฉีเฟยอวิ๋นจ้องโทรทัศน์อย่างเหม่อลอย เธอจะเป็นโรคซูมเศร้าหรือไม่
ซูมู่หรงยกหมี่ออกมาสองถ้วยและเนื้อสแปมหนึ่งกระป๋อง
เขานั่งลง จากนั้นก็ยื่นหมี่ให้ฉีเฟยอวิ๋นหนึ่งถ้วย เปิดเนื้อสแปมออก มือด้านหนึ่งรองก้นกระป๋อง ส่วนมืออีกด้านก็ตัดเนื้อแบ่งกันกินคนละครึ่ง แบ่งเสร็จก็คีบใส่ให้ฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นมองปราดหนึ่ง “ฉันไม่หิวค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน กินสิ”
ซูมู่หรงเริ่มกินหมี่ ส่วนฉีเฟยอวิ๋นกินไม่ลง กลับไปนอนที่ห้อง
ระหว่างที่นอนฝันเห็นหนานกงเย่มีผมหงอกเต็มศีรษะ เขานั่งใจลอยอยู่ที่ศาลา หิมะเริงระบำอยู่รอบๆทำให้อากาศหนาวเหน็บยิ่ง ทว่าเขาก็ไม่กลัว ด้านข้างมีเฟยอิงยืนอยู่ เฟยอิงเอาเสื้อมาคลุมให้เขา
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นจากฝันก็รีบดูเวลา พบว่าเป็นช่วงฤดูร้อน ทว่าเธอกลับรู้สึกหนาวสุดขั้ว
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปเปิดประตูพลันพบว่าฟ้ามืดแล้ว
เธอใส่เสื้อและรองเท้า จากนั้นก็ลงไปชั้นล่าง
ฉีเฟยอวิ๋นยืนถือมีด แล้วมายืนแงะอยู่หน้าประตู พึ่งลงมือ ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าส่งเข้ามา “ดึกแล้วยังไม่นอนอีก จะไปไหนหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง ซูมู่หรงเดินมาถึงตรงหน้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกำลังตรึกตรองว่าจะตอบเช่นไรดี ซูมู่หรงก็เข้ามาแนบลำตัว ฉีเฟยอวิ๋นรีบยกมือขึ้นเพื่อจะผลักซูมู่หรงออก “ครูฝึก ฉันไม่อยากชกต่อยนะ ตอนนี้ฉันอยากศึกษาทดลองอย่างเดียว”
ซูมู่หรงหลุบตาลง มุมปากยกขึ้น “ผมเคยบอกคุณในสายแล้วว่า ผมชอบคุณ อยากแต่งงานกับคุณ พวกเราลองมาเป็นเพื่อนกันก่อนเถอะ
หรือถ้าหากคุณคิดว่า พวกเรารู้จักกันนานขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนเพื่อศึกษาดูใจกัน งั้นก็แต่งงานเลยก็ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นอ้าปาก ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะพูดขึ้นมาว่า “ครูฝึก ฉันแต่งงานแล้ว คุณลืมแล้วหรือ?”
ซูมู่หรงรู้สึกประหลาดใจ “เหลวไหล ผมมีข้อมูลของคุณ คุณแต่งงานเมื่อไหร่กัน?”
“อันที่จริงครูฝึกรู้ว่าตอนไหน ถึงฉันจะไม่รู้ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น แต่ฉันมีสามีแล้ว และยังมีลูกด้วย” ฉีเฟยอวิ๋นหันหลัง หมายจะไป ทว่าถูกซูมู่หรงโอบเอวกอดไว้ ฉีเฟยอวิ๋นดิ้นรน ซูมู่หรงกดฉีเฟยอวิ๋นไว้ที่กั้นประตู ก่อนจะก้มหน้าจูบ ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว ซูมู่หรงรีบกดเธอไว้
ทั้งสองสู้กันได้สักพักหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็หยุดนิ่ง ซูมู่หรงผละตัวออกจากฉีเฟยอวิ๋น เธอตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด “ฉันไม่ชอบคุณ”
ฉีเฟยอวิ๋นผลักซูมู่หรงออก จากนั้นก็ใช้แรงเขย่าที่กั้นประตูไปพลาง สบถด้วยเสียงโกรธขึ้งไปพลาง “ฉันจะกลับไป ไม่งั้นเขาอาจตายได้”
ฉีเฟยอวิ๋นใกล้จะเป็นบ้าแล้ว เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้หนานกงเย่เจ็บปวดมาก เจ็บเจียมตาย เขาใกล้จะตายแล้ว
ซูมู่หรงดึงแขนของเธอแล้วโยนไปอีกทาง ทั้งสองสบตากัน คล้ายกับเสือชีตาห์สองตัวในยามราตรีไม่มีผิดเพี้ยน จ้องอีกฝ่ายอย่างดุดัน ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ฉีเฟยอวิ๋นหันหน้าวิ่งไปที่กั้นประตู การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เธอยกตัวกระโดดก็ขึ้นไปอยู่บนนั้นสำเร็จ ความเร็วดุจตุ๊กแกปีนขึ้นกำแพงเลย
ซูมู่หรงที่อยู่ด้านหลังรีบไล่ตาม เท้าของเขาแตะก็กระโดดเร็วกว่าฉีเฟยอวิ๋นเป็นเท่าตัว เธอพลิกตัวหนี ทว่าถูกซูมู่หรงจับได้แล้วโยนลงพื้น
ฉีเฟยอวิ๋นล้มขาตั้ง ทว่าก็รีบลุกขึ้นยืน
ซูมู่หรงกระโดดลงมา ทั้งสองประสานสายตากัน ฉีเฟยอวิ๋นโกรธจนหายใจหอบ “ฉันไม่สนว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันรู้เพียงว่าฉันรักเขา พรากจากเขาไม่ได้”
ซูมู่หรงขบฟัน “ให้เขามา ผมจะดูหน้าเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นมองอีกฝ่าย “ฉันเกือบคิดว่าคุณเป็นตัวจริง แต่คุณไม่ใช่”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ออกไปแล้ว หมุนกายกลับเข้าบ้าน
ซูมู่หรงขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็เคาะประตู “คุณออกมาสิ พวกเราคุยกันหน่อย หรือโทรเรียกเขามาก็ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นมองประตูปราดหนึ่ง ก่อนจะหลับตาพักผ่อน
ซูมู่หรงรอสักพัก จากนั้นก็กลับห้องของตัวเอง
ซูมู่หรงมีภารกิจในวันถัดไป จึงปลุกฉีเฟยอวิ๋นแต่เช้า เขานำเสื้อกันกระสุนและกล่องยาให้ฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็หมุนกายเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
เพื่อจะได้ปลีกตัวออกไปได้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงตามลงไปชั้นล่างด้วย
ด้านนอกบ้านมีรถของซูมู่หรงจอดอยู่ ทั้งสองขึ้นรถแล้วออกเดินทาง
ภารกิจครั้งนี้ไม่ได้อันตรายมากนัก ทว่าพวกเขาต้องไล่จับผู้ร้ายที่ภูเขา ซึ่งผู้ร้ายล้วนเป็นชาวต่างชาติที่เลวจนไม่มีชิ้นดี จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก
ซูมู่หรงพาฉีเฟยอวิ๋นขึ้นเขา ทว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ยินดี ปกติฉีเฟยอวิ๋นจะกังวลความปลอดภัยของคนอื่น จะติดตามซูมู่หรงไว้ไม่ห่าง ทั้งยังสังเกตสถานการณ์รอบ ๆ อย่างละเอียด ทว่าการขึ้นเขาครั้งนี้ ฉีเฟยอวิ๋นกลับวางแผนว่าจะหนีไปได้เช่นไร
คนในทีมบาดเจ็บ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รับรู้ ตอนที่เรียกเธอไป คนก็เกือบสิ้นลมหายใจแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นรีบย่อตัวทำการรักษา โชคดีที่รักษาชีวิตไว้ได้
ซูมู่หรงมองฉีเฟยอวิ๋น “คุณมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เร็วหน่อย?”
ฉีเฟยอวิ๋นนิ่ง “ฉันง่วงแล้ว”
กล่าวจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปอีกด้าน อาการในป่าช่างสดชื่นดีแท้ ฉีเฟยอวิ๋นอยากสูดเข้าให้เต็มปอด
บริเวณที่ไม่ไกลออกไปมีคนเดินผ่านอย่างรวดเร็ว ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่ชอบมาพากล “ครูฝึก มีคนอยู่ด้านใน”
“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” ซูมู่หรงรีบไล่ตามไปยังทิศทางที่เธอบอก และเธอก็ตามไปด้วย ทั้งสองไล่ตามไปหลายสิบเมตร จึงจะหยุดลง
ฉีเฟยอวิ๋นมองฝั่งตรงข้าม ตั้งใจฟังแล้วเอ่ยว่า “น่าจะอยู่แถว ๆ นี้”
“……” ซูมู่หรงมองดูรอบ ๆ ก่อนจะมองไปด้านหน้า “รอผมอยู่ที่นี่”
ซูมู่หรงเดินไปด้านหน้า ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามไปด้วย เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่
ซูมู่หรงเดินไปด้านหน้า คนก็หายลับไปเสียแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ทว่าถูกซูมู่หรงห้าม ซูมู่หรงส่งสัญญาณมือให้เธอถอยออก
ฉีเฟยอวิ๋นจึงหยุด “ระวังหน่อย”
ซูมู่หรงเดินไปด้าหน้า พึ่งเดินได้สิบกว่าก้าวก็หยุดกะทันหัน จากนั้นก็ถอยหลัง ทันใดนั้นก็ล้มลงกับพื้น แล้วมีเชือกเส้นหนึ่งห้อยขาเขาขึ้นไปในชั่วพริบตา
ฉีเฟยอวิ๋นอยากเข้าไปใกล้ พลางรู้สึกด้านหลังมีคน จึงหยิบมีดออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นหันหน้ากลับไปก็ต้องมึนงง คนตรงหน้าแวบผ่านแล้วหายไปเลย
ฉีเฟยอวิ๋นมองแล้วรีบก้าวเท้าตามไป
ซูมู่หรงที่โดนห้อยก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล “อวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นไล่ตามไปถึงที่แห่งหนึ่ง เธอรู้สึกหนักที่เท้า ก่อนจะสะดุดล้ม เมื่อพลิกตัวก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างสับสน
ฉีเฟยอวิ๋นก็ตะลึงตะไลเช่นกัน “ท่านอ๋อง”
หนานกงเย่จ้องสบตากับฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็เหลือบเห็นด้านบนมีผู้หญิงคนนี้ที่กำลังถือมีดเตรียมจะแทงฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นยังคงอึ้งอยู่อย่างนั้น จึงไหวตัวไม่ทัน ทว่าหนานกงเย่รีบยกเท้าถีบผู้หญิงคนนั้นกระเด็นลอยออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นหลบอยู่ด้านหลังหนานกงเย่ เมื่อเงยหน้ามองใบหน้าของเขา กระทั่งไฝสีแดงด้านหลังหูก็ยังเหมือนกันอีกด้วย
ผู้หญิงบนพื้นลุกขึ้น กล่าวเสียงเย็นเยียบกับหนานกงเย่ “คุณจะหักหลังฉันเหรอ?”
หนานกงเย่มองอีกฝ่าย “ไสหัวไป”
ผู้หญิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณไม่กลัวฉันกลับไปบอกเขา แล้วเขาฆ่าคุณเหรอ?”
“ไสหัวไป” หนานกงเย่ชักดาบออกมาเล็งไปยังผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงลังเลชั่วครู่ ก่อนจะจากไป ฉีเฟยอวิ๋นแย่งดาบในมือหนานกงเย่มา จากนั้นก็ปาออกไป ร่างกายผู้หญิงสะดุ้ง ก่อนจะล้มไปกองกับพื้น
หนานกงเย่หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เลิกคิ้วเฉย ๆ สองมือฉีเฟยอวิ๋นจับแก้มเขา “เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?”