องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 915 ได้พบกัน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 912 ได้พบกัน
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้คิดว่าตนเองหลอกหนานกงเย่ได้ แต่จริงๆ แล้วสอดคล้องกับความคิดของหนานกงเย่พอดี
เอาลูกสาวส่งออกไปแล้ว ยังลำพองใจคิดว่าตนเองทำดี
หนานกงเย่พาลูกสาวมาที่จวนท่านอุปราช แล้วพาลูกไปพักผ่อน วันนี้เสี่ยวเฉียวยังคงไม่กลับมา หนานกงเย่เลยถามเรื่องนี้ขึ้น
“ยังไม่กลับมา”
อามู่ส่งเสี่ยวเฉียวกลับมา หนานกงเย่ก็ไม่ได้กังวลใจขนาดนั้นแล้ว ส่งลูกเข้าพักผ่อนแล้วหนานกงเย่เลยไปอ่านตำรา สวนดอกกล้วยไม้เป็นที่พักอาศัยของหนานกงอวิ๋นเยียน หนานกงอวิ๋นเยียนอาบน้ำเสร็จเตรียมนอน ออกมาจึงเห็นคนยืนอยู่ทางด้านนั้น นางมองไปด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมองเห็นคนที่มีความคล้ายคลึงกับนางยืนอยู่ด้านนั้น ทั้งสองพบเจอกันหนานกงอวิ๋นเยียนได้แต่ยืนอึ้งมึนงง
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหัวเราะแล้วกล่าวว่า“เสี่ยวอวิ๋น!”
“…….”
หนานกงเย่รออยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางประตู จากนั้นถึงได้เดินไปทางประตู เดิมผลักประตูออกไปนั้นคิดว่าจะไปห้องของลูกสาว พอเห็นคนที่อยู่ใต้ต้นไม้ ถึงได้กล่าวขึ้นว่า
“อวิ๋นเอ๋อร์!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองไปทางหนานกงเย่ เวลานี้เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ แต่สูงกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่บ้าง เวลานี้นางสวมใส่ชุดสีแดง คิ้วดวงตาราวกับวาดไว้ แววตาสดใสอยู่ใต้แสงจันทร์ คล้ายดั่งนางฟ้านางสวรรค์ที่สวยงามน่าหลงใหล
หนานกงเย่หยุดลง แววตาจับจ้องมองอย่างเลื่อนลอย กล่าวว่า“เจ้าไม่ใช่อวิ๋นเอ๋อร์!”
เขาผมขาวหงอกโพลน แต่ความหล่อเหลาบนใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เฟิ่งหลิงอวิ๋นคิดไว้ว่าอย่าเสียใจอย่าโศกเศร้า แต่ทว่าน้ำตากลับรินหลั่งลงมาตรงหางตา สิบปีแล้ว อยู่ในโลกของเธอมันคล้ายว่าหนึ่งร้อยปี
เธอกำลังรอ เหตุใดเขาถึงไม่ไปแคว้นเฟิ่งล่ะ?
เธอเป็นองค์รัชทายาท ออกมาไม่ได้!
หากไม่ใช่โอกาสครั้งนี้ พวกเขาจะได้เจอกันเมื่อไหร่?
“ท่านอ๋อง!”น้ำเสียงนุ่มนวลของเฟิ่งหลิงอวิ๋นเปล่งออกมา หนานกงเย่คล้ายดั่งตายไปแล้ว คนทั้งคนตัวแข็งทื่อ
“อวิ๋นอวิ๋น….”
หนานกงเย่รีบเดินไป กลัวมากว่านี่จะเป็นความฝัน กลัวว่าทุกอย่างจะผ่านไป ผ่านไปแล้วจะหายจางไปไม่พบเจอ
ในภาพความฝันของเขามีเธอมาโดยตลอด แต่พอตื่นมาแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหายใจช้าๆ เธอถูกสวมกอดเลยทำได้เพียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
หนานกงเย่คุกเข่าลงมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น อดไม่ได้ที่จะเข้าจูบสัมผัสใบหน้าเธอ
เฟิ่งหลิงอวิ๋นผลักหนานกงเย่ออกทันที แต่แขนขาเธอเล็ก
หนานกงเย่แทบจะนั่งลงมา เป็นเวลานานถึงจับแขนของเฟิ่งหลิงอวิ๋นไว้ได้ จากนั้นโค้งเอวอุ้มขึ้นแล้วหมุนตัวเดินไป
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรีบกล่าวว่า“อย่าทำเช่นนี้”
หลังจากที่ห่างออกไปเฟิ่งหลิงอวิ๋นหันกลับ หนานกงอวิ๋นเยียนเดินออกมา กล่าวว่า“ท่านพ่อ!”
หนานกงอวิ๋นเยียนรู้ว่าสิบปีมานี้ท่านพ่อตามหาการกลับชาติมาเกิดของท่านแม่นางมาโดยตลอด แต่นางเป็นเด็ก เรื่องนี้นางรับไม่ได้
หนานกงเย่วางเฟิ่งหลิงอวิ๋นลง เรียกหนานกงอวิ๋นเยียนว่า“มานี่สิ”
หนานกงอวิ๋นเยียนเดินไป จากนั้นถูกหนานกงเย่ดึงไปในห้องแล้วปิดประตู ทั้งสองสูงพอกัน ท่าทางเหมือนกัน
หนานกงเย่เหม่อลอยชั่วขณะ นำทั้งสองคนมาข้างเตียง เขานั่งลงมองพวกเขา
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวว่า“หม่อมฉันกับเสี่ยวอวิ๋นคุยอย่างชัดเจนแล้ว”
“อืม”อยู่ต่อหน้าเฟิ่งหลิงอวิ๋นหนานกงเย่เชื่อฟังเป็นอย่างมาก เฟิ่งหลิงอวิ๋นเดินเข้าใกล้ ยกมือขึ้นลูบสัมผัสผมขาวโพลนของเขา แล้วกล่าวว่า”เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”
หนานกงเย่กล่าวว่า“ไม่เป็นไรหรอก”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นน้ำตารินหลั่งกล่าวว่า“เหตุใดถึงไม่ไปแคว้นเฟิ่ง หม่อมฉันรอท่านอ๋องอยู่ที่นั่นสิบปีแล้ว”
หนานกงเย่ชะงักงันกล่าวว่า“ว่าอย่างไรนะ?”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นทอดถอนหายใจออกมา กล่าวว่า“สิบปีก่อนหน้าหม่อมฉันก็เกิดมาแล้ว และวันนี้หม่อมฉันเป็นองค์รัชทายาทของแคว้นเฟิ่ง หม่อมฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในท้องของเสด็จแม่เพคะ”
หนานกงเย่ชะงักงันกล่าวว่า“เหตุใดซูอู๋ซินเขา?”
“ตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็ก พวกเขาไม่รู้ พอถึงตอนที่หม่อมฉันอายุห้าขวบ พวกเขาก็มักจะออกนอกพระราชวัง กลับกันคือให้หม่อมฉันอยู่ในพระราชวัง และให้เอ๋าชิงเป็นคนดูแลหม่อมฉัน ตอนที่มีเรื่องสำคัญใหญ่โตถึงจะกลับมา วันนี้ได้สามปีแล้วที่หม่อมฉันไม่ได้เจอพวกเขา”
“……”หนานกงเย่จับมือของฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขึ้นว่า“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า?”
“ท่านอ๋อง ตอนนี้บนตัวหม่อมฉันไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรแล้ว เลือดไม่สามารถรักษาโรคได้ เป็นได้เพียงคนธรรมดาเพคะ!”
“ข้ารู้”หนานกงเย่เหลือบมองลูกสาว แล้วมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น กล่าวว่า“ข้าจะกลับแคว้นเฟิ่งกับเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า กล่าวว่า“เวลานี้หม่อมฉันยังเป็นเด็ก แม้ว่าท่านจะกลับกับหม่อมฉันแล้วทำอะไรได้ เกรงว่าพวกเขาก็ไม่มีทางให้ท่านอ๋องพบเจอหม่อมฉันหรอกเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันเดินไปไม่กี่ก้าว จากนั้นหันมากล่าวว่า“แต่ท่านอ๋องรู้ว่าหม่อมฉันอยู่ที่ไหน นับว่าเป็นเรื่องดี สตรีของแคว้นเฟิ่งจะหมั้นหมายอายุสิบสามปี สิบห้าปีแต่งออก แต่ปัญหาคือท่านอ๋องเป็นท่านอุปราช หม่อมฉันคือองค์รัชทายาทแคว้นเฟิ่ง รอหม่อมฉันอายุสิบหกปีก็จะครองราชบัลลังก์ จะสู้กับแคว้นเฟิ่งสักครั้งไม่ได้หรือ?
อาณาประชาราษฎร์ของแคว้นเฟิ่งไม่สามารถทนต่อการดิ้นรนต่อสู้ได้ และแคว้นเฟิ่งได้เตรียมเรื่องการแต่งงานให้หม่อมฉันตั้งนานแล้ว
ท่านอ๋องผมขาวหงอก เวลานี้อายุสามสิบสองปีแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็ยิ่งมากขึ้น พวกเขาจะให้หม่อมฉันแต่งกับท่านอ๋องได้อย่างไรกัน?”
“ข้ามีหนทาง มิเป็นไร!”หนานกงเย่มีจิตใจที่ฮึกเหิม หากไม่ใช่ว่ามีลูกสาวอยู่ด้วย เขาอยากจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน และจูบสัมผัส น่าเสียดายที่เฟิ่งหลิงอวิ๋นเป็นเช่นนี้ เขาเลยไร้หนทางที่จะลงมือ
เฟิ่งหลิงอวิ๋นพยักหน้า กล่าวว่า“เช่นนั้าหม่อมฉันกลับก่อนนะเพคะ หลีกเลี่ยงที่คนจะรู้ การรวมตัวของวันพรุ่งนี้หม่อมฉันจะไป ท่านอ๋องอย่าลืมไปนะเพคะ แล้วก็เสี่ยวอวิ๋นด้วยนะ!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองเสี่ยวอวิ๋น แล้วโผเข้าไปหอม
เสี่ยวอวิ๋นหน้าแดงก่ำทันที นางเม้มริมฝีปากไม่กล้ามองเฟิ่งหลิงอวิ๋น เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่รอให้หนานกงเย่หึงหวง เธอจึงเดินไปตรงประตู จากนั้นกล่าวว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันควรกลับแล้ว อย่าลืมไปนะเพคะ”
หนานกงเย่ลุกขึ้นตามไป พาออกมาตรงประตู แม้แต่เงาคนก็ไม่มีแล้ว
หนานกงเย่หันไปถามลูกสาวว่า“อวิ๋นเอ๋อร์ แม่ของเจ้ากลับมาแล้วจริงหรือไม่?”
หนานกงเย่กลัวว่าจะเป็นเพียงความฝัน
หนานกงอวิ๋นเยียนพยักหน้า จากนั้นหยิบไข่มุกราตรีออกมาจากอ้อมกอด กล่าวว่า“ท่านแม่มอบแก่ข้า นางบอกว่ายามค่ำคืนเวลาจะนอนให้วางไว้ในห้อง ข้าก็จะหลับอย่างสบาย ไข่มุกน้ำทะเลมีผลอย่างน่าตื่นตะลึง”
หนานกงเย่หยิบไข่มุกมาดู คิดไม่ถึงว่ามันจะคุ้นตามาก
“เมื่อสมัยนั้นแม่ของเจ้าชอบไข่มุกเช่นนี้แหละ พ่อนึกว่ามันเป็นความไร้สาระ ที่ชอบของธรรมดาเช่นนี้ ต่อมาพ่อถึงได้รู้ว่าไข่มุกเป็นยาได้ ท่านแม่เจ้าบอกว่าต้องให้เด็กน้อยที่ร้องไห้โวยวายนาทค่ำคืนดื่ม กจะหลับได้ตลอด เทียบกับชาดแดงแล้วได้ผลดีกว่า”
หนานกงเย่เอาไข่มุกคืนให้ลูกสาว แล้วกันไปมองภายในลานเรือน กล่าวถามด้วยความแปลกใจว่า“ท่านแม่ของเจ้ามาลำพังหรือ?”
“ไม่เห็นคนอื่นเลย”หนานกงอวิ๋นเยียนเก็บไข่มุกไว้ แล้วยืนอยู่อีกด้าน
หนานกงเย่พาลูกสาวกลับไป แล้วอุ้มนางวางบนเตียง ห่มผ้าเสร็จกล่าวว่า“นอนเถิด”
“ท่านพ่อ เมื่อก่อนข้าเป็นคู่หมายของท่านพ่อจริงหรือ กลับชาติมาเกิดแล้ว?”หนานกงอวิ๋นเยียนได้ยินมาบ้าง แต่นางยังไม่เชื่อ แต่เมื่อครู่คนผู้นั้นเหมือนกับนางมาก แล้วยังกอดกับท่านพ่อของนางด้วย
“จริงสิ”
“เช่นนั้นเมื่อข้าแต่งงานกับท่านพ่อได้หรือไม่เมื่อข้าโตแล้ว?”
“ไม่ได้หรอก อวิ๋นเอ๋อร์เป็นลูกสาวพ่อ แน่นอนว่าต้องแต่งกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง…..แต่ก็ต้องเป็นคนที่พ่อชอบด้วยถึงจะได้!”
“อ้อ!”
หนานกงอวิ๋นเยียนหลับ แต่หนานดงเย่ไม่ได้นอนทั้งคืน
วันต่อมาเลยพาลูกสาวไปที่อี้ย่วนสถานที่รวมตัวกัน
อี้ย่วนเตรียมพร้อมแล้ว เสี่ยวเฉียวยังมาไม่ถึง แต่เห็นอามู่อยู่ หนานกงเย่เลยเดินไปถามเกี่ยวกับเรื่องแคว้นเฟิ่ง
“เคยเห็นองค์รัชทายาทแคว้นเฟิ่งหรือไม่?”หนานกงเย่ถาม
“เคยเห็น เป็นเด็ก สวมใส่หน้ากากสีทอง ไม่เห็นหน้าของนาง เห็นเพียงแค่คางและริมฝีปาก”อามู่รู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน อีกทั้งเห็นแววตาของเขาแล้วแปลกประหลาด