องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 924 หนังสือสัญญาคำสั่งทางทหาร
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 921 หนังสือสัญญาคำสั่งทางทหาร
“อวิ๋นเลี่ย ท่านถูกปีศาจสาวตนนี้ยั่วยวนรึอย่างไร”
“เจ้าว่าใครเป็นปีศาจสาว” หนานกงอวิ๋นเยียนถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เจ้านะสิ”
มู่เหอยังคงไม่ยอมอ่อนข้อ
หนานกงอวิ๋นเยียนลุกขึ้น “มู่เหอ ไม่ใช่ว่าเจ้าหึงเพราะว่าอวิ๋นเลี่ยมาเล่นสนุกกับข้าหรอกนะ”
มู่เหอโกรธจนหน้าแดงก่ำ “นางปีศาจสาว เจ้าช่างไม่มีความละอายเสียเลย”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอวิ๋นเลี่ยไม่ชอบเจ้า เจ้าเอาแต่พูดตลอดว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าข้าไม่มีความละอายอีกหรือ”
หนานกงอวิ๋นเยียนลุกขึ้นและเดินตรงไปหามู่เหอ
“เจ้าไม่ถูกชะตากับข้าไม่ใช่เหรอ อยากได้อวิ๋นเลี่ยไม่ใช่เหรอ ข้าไม่ให้เจ้าหรอก แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่าจะได้หรือไม่ได้อะไร และอวิ๋นเลี่ยข้าก็จองไว้แล้ว!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองอวิ๋นเลี่ย อวิ๋นเลี่ยชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด
มู่เหอยกมือขึ้นมาอย่างโกรธจัด เฟยอิงพุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าหนานกงอวิ๋นเยียนในพริบตาและยกมือขึ้นขวางมู่เหอไว้
หนานกงอวิ๋นเยียนเงยหน้ามองอย่างเย่อหยิ่ง ไม่ได้กลัวมู่เหอเลยแม้แต่น้อย
อวิ๋นเลี่ยละสายตาจากท่าทางที่หยิ่งยโสของนางไม่ได้
เฟิ่งหลิงอวิ๋นยกถ้วยชาขึ้นจิบนิดหนึ่งและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงสองคนจะต่อสู้เพื่อแย่งสามีกัน อวิ๋นจวิ้นจู่ แม่ทัพมู่เหอ พวกเจ้าสองคนเต็มใจที่จะแข่งขันกันใช่หรือไม่”
“เต็มใจเพคะ” มู่เหอตอบตกลงอย่างไม่เกี่ยงงอน
หนานกงอวิ๋นเยียนเหลือบมองมู่เหอและรู้สึกลังเลขึ้นมา
“เจ้าไม่กล้างั้นเหรอ” มู่เหอถามอย่างก้าวร้าว
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “อวิ๋นจวิ้นจู่มาจากเมืองต้าเหลียง สตรีจากต้าเหลียงไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ ศิลปะการต่อสู้ก็น้อย เรื่องนี้คงจะต่อสู้ด้วยไม่ได้”
“ไม่ได้ ที่นี่คือแคว้นเฟิ่ง เมื่ออยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎของที่นี่”
มู่เหอยังคงก้าวร้าวไม่เลิก
หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้กลัวเจ้า ข้าเพียงแต่คิดว่ามันน่าเบื่อถ้าจะทำอะไรโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน”
“ผลประโยชน์อะไร ไหนเจ้าว่ามา” มู่เหอไม่สนใจ
“ถ้าข้าแพ้ ต่อไปจะไม่ติดต่อกับอวิ๋นเลี่ยอีก แม้แต่หางตาก็จะไม่ชายตามอง และถือโอกาสมอบชีวิตของข้าให้เจ้าเลย” หนานกงอวิ๋นเยียนให้คำมั่นสัญญา
“เจ้าว่าไงนะ” มู่เหอหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับยกมุมปากขึ้น
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “อวิ๋นจวิ้นจู่ ท่านอย่าหาเรื่องน่า!”
“ได้ยินท่านพ่อบอกว่า รอยยิ้มของดรุณีมีค่าเท่ากับทองพันชั่ง เพียงเพื่อรอยยิ้มกว้าง อาจทำให้เลือดไหลนองได้ เพื่อรอยยิ้มของเจ้า ข้าทำได้ทั้งนั้น!” หนานกงอวิ๋นเยียนจงใจยั่วโมโหมู่เหอ แต่อวิ๋นเลี่ยกลับเป็นคนที่ชะงัก
เฟิ่งหลิงอวิ๋นจนปัญหา แม่สาวน้อยผู้นี้เป็นความหายนะอย่างแท้จริง!
“แบบนั้นก็ไม่ได้!” เมื่อได้สติ อวิ๋นเลี่ยจึงเข้ามาขวางไว้
หนานกงอวิ๋นเยียนมองมู่เหอที่โกรธจนใบหน้าขาวซีดและถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ เจ้าจะทำอย่างไรถ้าแพ้”
“ข้าน่ะรึ” มู่เหอไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ นางเอ่ยอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าข้าแพ้ จะลงโทษอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าเลย”
“ข้าไม่ต้องการชีวิตของเจ้า ชีวิตเจ้าไม่มีค่าอะไรสำหรับข้า ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นแม่ทัพน้อยแห่งแคว้นเฟิ่งและมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือใช่หรือไม่”
“ถ้าใช่แล้วยังไง” มู่เหอเอ่ยอย่างภูมิใจ
หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวว่า “ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องมอบอำนาจทางการทหารให้ข้า และยกให้ข้าเป็นแม่ทัพน้อย”
แม้แต่เอ๋าชิงยังไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเด็กผู้นี้ แล้วนับประสาอะไรกับมู่เหอ
มู่เหอหัวเราะดังลั่น “ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะมอบอำนาจทางการทหารและตราประจำตำแหน่งทั้งสามเหล่าทัพให้เจ้า”
“ก็แค่ลมปากไม่มีหลักฐาน เจ้านำตราประจำตำแหน่งออกมาแล้วร่างหนังสือสัญญาคำสั่งทางทหารซะสิ” หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าว
“ตกลง!”
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “แม่ทัพมู่เหอ ท่านจะเอาอำนาจทางการทหารมาล้อเล่นไม่ได้ หากทำเช่นนี้จะต้องโทษวินัยทางทหารมิใช่หรือ”
“อวิ๋นเลี่ย ข้าชอบท่านมาตั้งแต่เด็กๆ ท่านก็รู้ แต่ตอนนี้ท่านกลับออกหน้าแทนแม่ปีศาจสาวคนนี้ ท่านก็รู้ว่าข้าผิดหวังแค่ไหน แต่ข้าเชื่อว่าท่านคงจะเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไว้ท่านแต่งงานกับข้าเมื่อใด ท่านจะต้องซื่อสัตย์กับข้า”
อวิ๋นเลี่ยเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน”
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าน! ในแคว้นเฟิ่งของเรา การตัดสินใจเรื่องการแต่งงานเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ถึงอย่างไรท่านก็ต้องเป็นของข้า”
อวิ๋นเลี่ยเบนหน้าหนีอย่างหัวแข็ง ใบหน้าของเขาซีดเผือด
หนานกงอวิ๋นเยียนแปลกใจ “เหตุใดเขาจะต้องให้เจ้าตัดสินใจด้วย แม้แต่ข้ายังอยากให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง มู่เหอ ข้าจะทำให้เจ้าแพ้อย่างราบคาบและคว้าตราประจำตำแหน่งของเจ้ามา เฟยอิง… ไปนำเครื่องยืนยันประจำราชวงศ์ของข้ามา”
อวิ๋นเลี่ยหันไปมองและชะงักงัน
ตราประทับที่เฟยอิงนำมาให้หนานกงอวิ๋นเยียนคือตราประทับรูปหงส์
หนานกงอวิ๋นเยียนวางตราประทับ “ด้วยตราประทับนี้ จะระดมกำลังทหารม้าสองแสนนายนอกเมืองหลวงของเมืองต้าเหลียงได้ บวกกับชีวิตของข้าผู้นี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะแลกกับเสรีภาพของอวิ๋นเลี่ยไม่ได้
หากข้าชนะ ตั้งแต่นี้ต่อไปอวิ๋นเลี่ยจะเป็นไทแก่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือใครก็ตามในแคว้นเฟิ่ง ต่อให้เป็นท่านมะ… ต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็บังคับเขาไม่ได้”
“อวิ๋นเอ๋อร์….” อวิ๋นเลี่ยใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำเพื่อเขาได้ถึงขนาดนี้
มู่เหอรู้สึกขบขัน “ที่แท้พ่อของเจ้าก็เล่นอะไรเป็นเด็กๆ มอบตราประทับในการระดมกองทัพแห่งต้าเหลียงให้กับเจ้า ก็ได้ ข้าไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว”
มู่เหอวางตราประจำตำแหน่ง จากนั้นทั้งสองคนจึงเขียนเรื่องของความเป็นความตายโดยไม่สนใจการห้ามปราม
เอ๋าชิงและเฟิ่งหลิงอวิ๋นเป็นพยานและเริ่มเตรียมการ
เพื่อความยุติธรรม ทั้งสองคนจึงไปยังพื้นที่โล่งกว้างนอกพระราชวังเฟิ่งเพื่อประลองฝีมือ มารดาของมู่เหอพาคนมาคอยให้กำลังใจ แม้แต่เหล่าขุนนางของแคว้นเฟิ่งก็มาดูการต่อสู้ด้วยเช่นกัน
อวิ๋นเลี่ยไปหาเอ๋าชิงเพื่อพูดเรื่องนี้ เอ๋าชิงบอกว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถิด”
“ท่านพ่อ!”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เอ๋าชิงไม่อยากฟังอะไรอีก ดังนั้นอวิ๋นเลี่ยจึงหันไปมองหนานกงอวิ๋นเยียน นางถอดภูษาลายหงส์ออกและเปลี่ยนไปสวมเสื้อเกราะ ดูอย่างไรนางก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
สตรีเมืองต้าเหลียงไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างหนักเหมือนสตรีแคว้นเฟิ่ง นางจึงตัวเล็กบางกว่ามาก
เมื่อมองไปที่มู่เหอ ดูเหมือนนางจะแข็งแกร่งและมีจิตใจที่กล้าหาญยิ่งกว่าอวิ๋นเลี่ย
อวิ๋นเลี่ยเป็นกังวล เขาเดินเข้าไปหาหนานกงอวิ๋นเยียนและมองนาง “เหตุใดท่านต้องลำบากเช่นนี้ด้วย ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะยอมแพ้และนำตราประทับกลับคืน ท่านพ่อของท่านจะได้ไม่ตำหนิท่าน!”
“ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ข้าจะไม่รักษาคำพูดได้อย่างไร ท่านถอยไปดีกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
หนานกงอวิ๋นเยียนไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว อวิ๋นเลี่ยเดินไปยืนตรงหน้านาง “ถ้านางทำร้ายท่าน ข้าจะทำลายนางให้เป็นเถ้าถ่านเลยทีเดียวเชียว!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นยกถ้วยชาขึ้นจิบและฟังคำพูดของอวิ๋นเลี่ย
หนานกงอวิ๋นเยียนหยิบแส้ขึ้นมาและเดินอ้อมอวิ๋นเลี่ยไปหามู่เหอ
ทุกคนคิดว่ามู่เหอจะชนะและพากันตะโกนลั่น
มู่เหอมองแส้ที่อยู่ในมือของหนานกงอวิ๋นเยียนและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เจ้าจะใช้อาวุธอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ห้ามใช้แส้”
หนานกงอวิ๋นเยียนไม่พอใจ “เจ้าโกงนี่!”
“แล้วไงล่ะ หรือว่าอวิ๋นจวิ้นจู่ใช้อย่างอื่นไม่เป็นนอกจากแส้เปลี้ยๆ นี่” มู่เหอมีสีหน้าลำพองใจ
เฟยอิงกล่าวว่า “จวิ้นจู่ ทำไม…”
“เฟยอิง เจ้าเอาแส้ไป ส่งดาบมาให้ข้า” หนานกงอวิ๋นเยียนไม่สนใจ
เฟยอิงเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรับแส้มาและส่งดาบให้
หนานกงอวิ๋นเยียนมอง “เข้ามาสิ”
มู่เหอเองก็ใช้ดาบและพุ่งเข้าหาหนานกงอวิ๋นเยียน
คนที่อยู่ด้านล่างเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพน้อยของเราจะต้องชนะอย่างแน่นอน ได้ยินว่ายังมีตราแม่ทัพของกองทหารสองแสนนายด้วย”
“ไม่ใช่ตราแม่ทัพ เป็นตราประทับต่างหาก ดูเหมือนนางจะเป็นความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ ไม่อย่างนั้นคนอย่างหนานกงเย่น่ะหรือจะให้ท้ายบุตรสาวเช่นนี้ ถึงขนาดมอบตราประทับสองแสนนี้ให้นาง อนิจจา… น่าเสียดาย อุตส่าห์ฉลาดมาทั้งชีวิตแต่มาเลอะเลือนเอาเสียได้”
“ก็ว่างั้น!”
ทุกคนพากันยิ้ม แม้แต่เฟิ่งหลิงอวิ๋นก็ยิ้มเหมือนกัน ทว่ารอยยิ้มของนางนั้นเรียบเฉยมาก