องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 928 อวิ๋นเลี่ยบาดเจ็บสาหัส
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 928 อวิ๋นเลี่ยบาดเจ็บสาหัส
“เขาสู้ข้าไม่ได้ ข้าจู่โจมจนเขากระอักเลือด เขาลุกขึ้นด้วยสภาพที่ย่ำแย่และกล่าวกับข้าว่า เขาไม่เต็มใจ หากไม่ได้อยู่ด้วยกันกับอวิ๋นอวิ๋น ไม่ได้แต่งอวิ๋นอวิ๋นเป็นภรรยา เขาจะทำให้โลหิตหลั่งทั่วใต้หล้า จะให้ข้าตายต่างแดน เขายังบอกว่า ความแค้นที่แย่งชิงเมียจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ต้องมีสักวันที่เขาจะนำบุรุษทั่วใต้หล้ามาเหยียบย่ำพระราชวังแห่งแคว้นต้าเหลียง”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกสับสน “แล้วต่อมาเล่า?”
“เขาลั่นวาจาเช่นนั้น เสด็จแม่จะปล่อยเขาได้อย่างไร เขาไม่ใช่เด็กอมมือที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ง เสด็จแม่สั่งคนเฆี่ยนเขา จากนั้นก็โยนออกนอกพระราชวัง เขาลากสังขารกลับจวนอ๋อง ตอนข้าไปเยี่ยมก็ไม่เห็นพูดกระไร แต่ต่อมาไม่นานก็ตายด้วยโรคภัย”
“……” เฟิ่งหลิงอวิ๋นนิ่งเงียบ
ครั้งนี้เจอคู่บาดหมางกับอีกหนแล้ว
เฟิ่งหลิงอวิ๋นลุกขึ้น “แสดงว่าท่านอ๋องต้องการสนับสนุนเขาให้เติบโต?”
“เขามาเกิดใหม่ เห็นทีคงจะเป็นโชคชะตา ชาติก่อนข้าขัดขวางชีวิตคู่ของเขา ตอนนี้เขามาแล้ว หากข้าขัดขวางอีก เขาต้องเกลียดชังข้าเข้ากระดูกเป็นแน่ หากสาปแช่งข้า เช่นนั้นไม่ถือว่าข้าซวยหรอกหรือ?
จะเป็นโชคหรือภัยต่อข้าก็ต้องดูความสามารถของเขา ข้ายุ่งไม่ได้
แต่บุตรสาวของข้าต้องแต่งกับคนที่ข้าพอใจ หากเขาไม่มีความสามารถ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของข้า ทางที่ดีควรมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา ทำให้เขาตรอมใจตาย เช่นนั้นข้าก็ไม่ติดค้างเขาแล้ว”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกเลื่อมใส ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายเสียจริง
หนานกงเย่ลุกขึ้นไปดูบุตรสาวที่เตียง จากนั้นก็ดึงเฟิ่งหลิงอวิ๋นมานอนด้วย
เช้าวันถัดมา เฟิ่งหลิงอวิ๋นเห็นเอ๋าชิงยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นอีกฝ่าย เฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงนึกถึงเรื่องอวิ๋นเลี่ยขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปหาอีกฝ่าย
“อาการอวิ๋นเลี่ยดีขึ้นหรือยัง?”
เอ๋าชิงส่ายหัว “ไม่ดีพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่หลับทั้งคืน หมอหลวงกำลังตรวจอาการเขาอยู่ เชิญรัชทายาทไปดูหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหันไปมองสองพ่อลูกผู้ไร้จิตใจที่พึ่งตื่นมา ก่อนจะหันหน้าตามไป
เมื่อถึงห้องนอนของเอ๋าชิง เฟิ่งหลิงอวิ๋นก็ไปดูอวิ๋นเลี่ย ข้างกายอวิ๋นเลี่ยมีสิบกว่าคน ลำพังหมอหลวงก็หกเจ็ดคนแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติพัดวีเขา เขาเห็นเฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงกล่าวว่า “รัชทายาท”
“ให้ข้าดูหน่อย” เฟิ่งหลิงอวิ๋นนั่งลงตรวจอาการของอวิ๋นเลี่ย เขากล่าวว่า “ถอยไปเถอะ”
เมื่อทุกคนถอยกันไปหมดแล้ว เฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงกล่าวว่า “ข้าจะชี้นำให้เจ้า หากเจ้าหาเขาพบ ร่างกายเจ้าอาจจะฟื้นฟูได้”
อวิ๋นเลี่ยมีชีวิตชีวาทันควัน “เชิญรัชทายาทรับสั่ง”
“หนานกงเย่มีบุตรชายหกคน บุตรบุญธรรมอีกหนึ่งคน บุตรชายคนที่ห้าของเขาชื่อเจ้าห้า มีพรสวรรค์ล้ำเลิศและมีพลังเทพด้วย ข้าจะเขียนจดหมายให้เจ้าหนึ่งฉบับ หากเจ้าได้เจอเขาภายในสามวัน การฟื้นฟูร่างกายเจ้าก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อเจอหน้าเขาก็มอบจดหมายของข้าให้เขา เขาจะช่วยเจ้าเอง แต่หากไม่เจอเขา เจ้าก็ต้องตายอยู่ด้านนอก
เจ้าจะไปหรือไม่ก็ตัดสินเองเถอะ ข้าจะเขียนจดหมายให้เจ้า”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นลุกขึ้นไปอีกทาง จากนั้นก็หยิบพู่กันกระดาษมาเขียนหนึ่งคำ ก่อนจะมอบให้อวิ๋นเลี่ย อีกฝ่ายดูปราดหนึ่งแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่มีกระไรเลยนี่”
“เจ้าไปถึง เขาก็จะรู้เองว่าข้าให้เจ้าไป เขาอยากเขียนถึงเขา แต่นึกได้ว่าไม่เขียนจะดีกว่า ข้าจึงไม่ได้เขียน”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวจบก็มองไปยังเอ๋าชิง “ข้ารู้ว่าอวิ๋นเลี่ยสำคัญต่อท่านมาก หนานกงเย่ก็ไม่อยากให้เขาตาย หากท่านยังเชื่อใจข้าก็พาเขาไปที่แคว้นต้าเหลียงเถอะ เวลานี้เจ้าห้าคงรับรู้เจตนาของข้าแล้ว”
“ท่านอ๋องก็ควรกลับไปได้แล้ว”
“อืม”
เดิมทีหนานกงเย่ก็ไม่คิดจะอยู่นาน เขาแค่แวะมาดูเท่านั้น
เหตุใดการคิดถึงพวกนางมากจนเกินไป หนานกงเย่จึงห้ามใจตัวเองไม่ได้
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเดินไปหาหนานกงเย่ “ใกล้จะทำสงครามกันแล้ว ยามนี้ทั้งสามแคว้นล้วนเดินทางไปถึงแล้ว หากพวกเขาไม่บรรลุเป้าหมายคงไม่เลิกราแน่ โชคดีที่เฟยอิงอยู่ที่นี่ ข้าจึงปลอดภัย ท่านอ๋องฉวยโอกาสนี้สยบพวกเขาเถอะ”
“ข้าจะใช้เวลามากสุดแค่สามปี ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ท่านอ๋องวางใจเถอะเพคะ ท่านอ๋องไม่เป็นอันใด พวกข้าก็จะไม่เป็นอันใด” เฟิ่งหลิงอวิ๋นซุกอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่ หนานกงเย่โอบกอดพวกนางข้างละคน
เมื่อผละออกจากอ้อมแขน หนานกงเย่มองไปยังเฟิ่งหลิงอวิ๋น “ข้ากลับก่อน อวิ๋นอวิ๋นรักษาตัวด้วยและดูแลเสี่ยวอวิ๋นดี ๆ ”
“อืม”
หนานกงเย่ลูบจับในหน้าฉีเฟยอวิ๋น ก่อนจะหันหน้าจากไป เขาเดินไปถึงประตู เฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ถึงจะเกิดเรื่องกับข้า แต่ก็ต้องทำศึกต่อไป มิฉะนั้นทุกอย่างจะสูญเปล่า”
หนานกงเย่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาแค่มองเฟิ่งหลิงอวิ๋นปราดหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายจากไป
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเดินเร็วหลายก้าว ก่อนจะวิ่งตามออกไป แต่ก็ไม่เห็นเขาแล้ว
เฟยอิงกล่าว “ออกไปตอนนี้ยังทันอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองเฟยอิงปราดหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัว “ไปไม่ได้ ข้าให้เขาเป็นห่วงข้าไม่ได้ เขาจะสร้างใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเดียว หากไม่ใช่เวลาสิบปีคงเป็นไปไม่ได้ เขากลับมาเมื่อยามแก่เฒ่าแล้ว หากข้าไป เขาต้องอาลัยอาวรณ์ข้า ข้าถ่วงเวลาเขาไม่ได้”
เฟยอิงมองเฟิ่งหลิงอวิ๋นปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เฟิ่งหลิงอวิ๋นยืนหนึ่งชั่วยามกว่าจึงจะหมุนกายกลับเข้าไป เมื่อกลับไปถึงก็เห็นหนานกงอวิ๋นเยี่ยนกำลังร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ร้องไห้จนดวงตาบวมโต
เฟิ่งหลิงอวิ๋นนึงฉุกคิดได้ว่า ยังมีบุตรสาวอยู่ข้างกายหนึ่งคน
เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่ได้ปลอบประโลม หย่อนกายนั่งมองหนานกงอวิ๋นเยียนสะอื้นไห้ ผ่านไปสักพัก หนานกงอวิ๋นเยียนเงยหน้ามองเฟิ่งหลิงอวิ๋น “ไยท่านแม่จึงไม่ร้องไห้?”
“ถึงจะร้องไห้ท่านพ่อเจ้าก็ต้องไปอยู่ดี และการร้องไห้ก็ไม่เป็นมงคลต่อการศึก” หนานกงอวิ๋นเยียนรีบกลับไปนอนโดยพลัน
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวกับนาง “เจ้านอนร้องไห้จะกลายเป็นคนโง่ง่าย ท่านพ่อเจ้าเห็นความสำคัญเจ้าขนาดนี้ แต่ไม่เคยบอกเจ้าเรื่องนี้หรอกหรือ?”
หนานกงอวิ๋นเยียนตกใจหนักมาก ลุกขึ้นจ้องเฟิ่งหลิงอวิ๋น
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกตลกขบขัน ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก หลอกง่ายอยู่
อวิ๋นเลี่ยเดินทางไปยังแคว้นต้าเหลียงด้วยความยากลำบาก เอ๋าชิงนั่งกอดอวิ๋นเลี่ยในรถม้า
“ท่านพ่อ ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ข้ารับรู้ว่าร่างกายข้ายิ่งลงทุกที คงอยู่ไม่ถึงตอนผ่านชายแดนแล้ว ท่านพ่อ ข้าไม่ดีเอง ทำอะไรบุ่มบ่ามถึงได้เป็นเยี่ยงนี้
หลังข้าตาย ท่านพ่อไม่ต้องเป็นศัตรูกับหนานกงเย่นะ ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นศัตรูกับเขา”
“อย่าพูดเหลวไหล อวิ๋นเลี่ยไม่เป็นอันใดหรอก” เอ๋าชิงกอดอวิ๋นเลี่ยไว้ เขาไม่มีบุตรในสายเลือด อวิ๋นเลี่ยคือบุตรที่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่เขาก็เห็นอวิ๋นเลี่ยเป็นลูกในไส้ตัวเอง
หนานกงเย่ยกตนข่มท่านเกินไป เขาไม่ปล่อยหนานกงเย่แน่
อวิ๋นเลี่ยส่ายหัว “พวกเราต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าจะไปถึงแคว้นต้าเหลียง แต่ตอนนี้พึ่งจะเดินทางแค่สองวัน ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าเดินทางไปถึงแคว้นต้าเหลียงไม่ได้แล้ว ยิ่งไม่ได้พูดถึงตามหาคนนั้นเจอเลย อีกอย่างพวกเราก็ไม่รู้จักกันด้วย
ท่านพ่อ ข้าไปแล้วท่านต้องดูแลตัวเองดี ๆ อวิ๋นเลี่ยเป็นลูกอกตัญญู”
“ไปถึงแน่ นางไม่เคยหลอกใคร”
น้ำตาเอ๋าชิงไหลริน พลางกอดอวิ๋นเลี่ยไว้แนบแน่น
…….