องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 930 จำได้
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 927 จำได้
“อวิ๋นเลี่ย เจ้ายังไม่หายดี เผลอหน่อยเจ้าก็ออกมาเสียแล้ว กลับกับพ่อ” เอ๋าชิงเดินเข้ามาหมายจะพาตัวอวิ๋นเลี่ยกลับไป ทว่าอวิ๋นเลี่ยไม่ยินยอม
“ท่านพ่อ ข้าไม่กลับ ข้าจะสู่ขอ” อวิ๋นเลี่ยไม่ยอมไป ทว่าเอ๋าชิงจะลากตัวไปให้ได้ ฝ่ายหนึ่งจึงดิ้นรนให้หลุดพ้นพันธนาการ ฝ่ายหนึ่งจึงฉุดกระชากลากดึง
เอ๋าชิงเอ่ยว่า “เจ้าสู่ขอเองไม่ได้ ต้องเป็นพ่อไปสู่ขอ”
อวิ๋นเลี่ยมองเอ๋าชิง “ท่านพ่อ วันนี้ข้าทำให้ท่านอุปราชเคืองใจ เขาไม่ชอบอวิ๋นเลี่ยแน่”
เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ จิตใจก็จะกระสับกระส่ายไปด้วย เฟิ่งหลิงอวิ๋นลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปหาอวิ๋นเลี่ย พลางจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วตรวจชีพจร พบว่ายังไม่หายดี ซ้ำร้ายยังรุนแรงกว่าเก่า ครั้นมองไปยังใบหน้าอวิ๋นเลี่ยก็รู้ว่าเขาร้อนรนใจดั่งถูกไฟแผดเผาแล้ว
“ให้ท่านจัดโอสถให้เขาดื่ม แต่ยังไม่ได้ดื่มหรือ?” เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกหงุดหงิด มองเอ๋าชิงด้วยแววตาตำหนิติเตียน
เอ๋าชิงกล่าว “อวิ๋นเลี่ยเป็นคนซื่อสัตย์ ถวิลหาแต่อวิ๋นจวิ้นจู่ เขาไม่ยอมดื่มโอสถ”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหันหน้าไปมองผู้ที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ คาดว่าคงหลับแล้ว
“ถึงเจ้าไม่ดื่มไม่กิน รนหาที่ตายก็ไม่เกิดประโยชน์ สองพ่อลูกคู่นี้ไม่มีจิตใจเวทนา เสี่ยวอวิ๋นถูกปลูกฝังว่าจะไม่แต่งงานตั้งแต่เด็ก ข้าเลยอยากบอกเจ้าว่า ถึงเจ้าจะตายอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าควรกลับไป บุรุษผู้นั้นชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง หากเจ้าแข็งแกร่งไม่พอจะปกป้องบุตรสาวเขาได้เยี่ยงไร? เขาจะวางใจมองบุตรสาวให้เจ้าหรือ?”
อวิ๋นเลี่ยมองไปทางมุ้งอีกฝั่ง “ข้าจะแข็งแกร่งให้จงได้”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกขบขันเล็กน้อย “เจ้าแข็งแกร่งแน่ แต่เขาอาจจะไม่พอใจกับความแข็งแกร่งของเจ้าก็ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงร่างกายที่ย่ำแย่ของเจ้าตอนนี้เลย เจ้าจะให้เขาเชื่อได้อย่างไร?”
“ข้าแค่ช้ำภายในเท่านั้น ไม่เป็นกระไรหรอก”
“ถูก เจ้าไม่เป็นไรแน่ และเจ้าก็ไม่ตายแน่ แต่หากเทียบกับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เกรงว่าเจ้าจะไล่ไม่ทันกระมัง”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด ทั้งยังรู้สึกสงสารอวิ๋นเลี่ยจับจากอีกด้วย
อวิ๋นเลี่ยไม่ยอมไป “ข้ายังเด็ก หากข้าเริ่มฟื้นฟูร่างกายตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงสามปี จากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลือฝึกฝนวิชาไล่ตามเขา เขามีวันชราภาพ ข้าย่อมไล่ตามเขาทันแน่”
“แต่ตอนนั้นเจ้าต้องรับมือพวกพี่ชายของเสี่ยวอวิ๋นอีกนะ เสี่ยวอวิ๋นมีพี่สาวหนึ่งคน พี่ชายหกคน เจ้าไหวรึ?”
อวิ๋นเลี่ยอึ้งไม่พูดจาครึ่งค่อนวัน เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกว่าอวิ๋นเลี่ยไม่คุ้มค่าเสียเลย เพราะยามนี้เสี่ยวอวิ๋นไม่มีใจต่ออวิ๋นเลี่ยเลยสักนิด
ยามนี้ดูอย่างไร เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่อินังขังขอบอวิ๋นเลี่ยเลย
“หรือว่าอวิ๋นจวิ้นจู่จะไม่แต่งงานตลอดชาติเลย?” อวิ๋นเลี่ยรู้สึกโกรธเคือง
เฟิ่งหลิงอวิ๋นครุ่นคิดชั่วครู่ “อาจจะแต่งงาน แต่ถึงจะไม่แต่งงาน รอบกายนางย่อมมีคนเข้ามามากมายแน่ ยามนี้เจ้าสูญเสียกำลังแล้ว นางเป็นคนเชื่อฟังบิดาขนาดนั้น หากบิดานางบอกว่าคนนี้ดี นางก็จะเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ถ้าหากบิดานางบอกว่าผู้นั้นไม่ดี เช่นนั้นนางก็จะบอกว่าไม่ดี นี่เป็นเรื่องปกติ”
“แสดงว่า สามีของอวิ๋นจวิ้นจู่ ถึงนางจะไม่ชอบ แต่ขอเพียงท่านอุปราชชอบ นางก็จะแต่งงานด้วย?” ดวงตาทั้งคู่ของอวิ๋นเลี่ยสะท้อนความเกลียดชิง เขาขบฟันแน่น
เฟิ่งหลิงอวิ๋นทำใจบอกเขาไม่ลงว่า ความจริงก็คือเช่นนี้
“ใช่กระมัง”
“ข้าไม่เต็มใจ หากเป็นเช่นนี้จริง หากข้าแต่งงานกับอวิ๋นจวิ้นจู่ไม่ได้ ภายภาคหน้าข้าจะให้เขาหลั่งโลหิตอาบภูเขา ให้เขาตายต่างแดน”
ใบหน้าซีดเผือดของอวิ๋นเลี่ยแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
หนานกงเย่แหวกม่านมองอวิ๋นเลี่ย “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ที่กระโดดลงจากหัวเตียง ดูจากแววตาประหลาดใจของเขา คล้ายกับว่าจดจำได้แล้ว
อวิ๋นเลี่ยขบฟัน “ความแค้นที่พรากเมียไม่อาจร่วมโลกได้ หากท่านดื้อรั้นจะพรากพวกเราจากกัน ข้าจะไม่ละเว้นท่าน ท่านมีบุตรชายหกคนแล้วอย่างไร แต่ข้ามีบุรุษทั่วใต้หล้าได้ ข้าจะให้ท่านตายโดยไร้ที่ฝังศพ”
“เช่นนั้นเจ้าก็มีชีวิตต่อไปดี ๆ ก่อนเถอะ” หนานกงเย่หันกลับไปอย่างดูแคลน กล่าวว่า “เอ๋าชิง พาเขาไป หาไม่แล้วอย่าได้โทษที่ข้าไม่เกรงใจ”
เอ๋าชิงรีบลากตัวอวิ๋นเลี่ยจากไป อวิ๋นเลี่ยผลักเอ๋าชิงออก “หนานกงเย่……”
หนานกงเย่หันไปมองด้วยแววตาเลื่อนลอย “ข้าให้โอกาสเจ้าหนึ่งหน หากเข้าฟื้นฟูร่างกายได้ภายในสามวัน ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ สำหรับเรื่องที่เจ้าจะทำให้เสี่ยวอวิ๋นชื่นชอบได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว หากเจ้าอายุสิบปีหนาวแล้วเสี่ยวอวิ๋นยังไม่ชอบเจ้า ข้าจะปลิดชีพเจ้าทิ้ง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
อวิ๋นเลี่ยรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด ความเกรี้ยวกราดเมื่อครู่มลายหายไป แทนที่ด้วยความสับสนมึนงง
เอ๋าชิงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หลุบตาลงแล้วใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าถาม “ท่านสังหารอวิ๋นเลี่ยที่เป็นบุตรบุญธรรมของข้าไม่ได้ หากเข้าสังหารเขา ข้าก็ไม่ปล่อยท่านแน่”
หนานกงเย่ไม่แยแสเลยสักนิด เงยหน้ามองเอ๋าชิง “จะปล่อยข้าหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของอนาคต ไม่แน่ว่า เจ้าก็ต้องตายด้วย”
“……”
พวกเฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่ได้ส่งเสียงพูด อวิ๋นเลี่ยกลับมาใจเย็นพลันพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายอมรับเงื่อนไขฟื้นฟูร่างกายภายในสามวัน และเวลาก่อนสิบหกปีก็เพียงพอแล้ว หากอวิ๋นจวิ้นจู่ไม่ชอบข้า ข้ามีชีวิตต่อไปก็ไร้ความหมาย”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ ทั้งยังรู้สึกเจ้าของถ้อยคำเจือความดื้อด้านไว้ในทีด้วย
หนานกงเย่คลี่ยิ้มเจือจาง “แล้วเจ้าอยากทำอันใด?”
“ให้ข้าดูอวิ๋นจวิ้นจู่ก่อน แล้วข้าจะไปทันที” อวิ๋นเลี่ยมองไปยังหนานกงเย่
เฟิ่งหลิงอวิ๋นรู้สึกว่าไม่มีสมหวังกับข้อเรียกร้องนี้ เพราะหนานกงเย่ไม่ใช่คนประเภทนั้น
ทว่าวินาทีต่อมา พลังภายในอันแกร่งกล้าของหนานกงเย่แสดงฤทธิ์เดช มุ้งเตียงปลิวไหว ก่อนจะเกิดช่องว่างเล็กน้อยขึ้น ซึ่งระหว่างช่องว่างเผยใบหน้าที่กำลังนอนฝันหวานอยู่ ทว่าใบหน้านั้นก็จางหายในชั่วพริบตา
หนานกงเย่มองไปยังอวิ๋นเลี่ย อีกฝ่ายตะลึงไปได้สักพัก ก่อนจะหมุนกายเดินออกไปด้านนอก เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองหนานกงเย่ปราดหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหา
“จำได้หรือ?”
หนานกงเย่เปิดมุ้งแล้วนั่งลง มองไปยังหนานกงอวิ๋นเยียนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง “ข้าจะลืมเขาได้อย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขา “เป็นอะไรเหรอเพคะ?”
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น “ก็นานมากแล้ว”
หลังจากปล่อยมุ้งลง หนานกงเย่ก็ไปนั่ง เฟิ่งหลิงอวิ่นรินน้ำชาให้เขา แล้วนั่งลงด้วย
หนานกงเย่กล่าวว่า “ข้าออกจากวังตอนอายุสิบหนาว เจอหนานกงเซวียนอวิ๋นที่จวนท่านอ๋องห้า อายุเขารุ่นราวคราวเดียวกับข้า พวกเราไม่รู้จักกัน ไม่รู้ฐานะของอีกฝ่าย ข้าที่ไม่เคยเห็นเขามาก่อน และเขาที่ไม่เคยข้ามาก่อน แต่เขากับข้าเจอกันครั้งแรกก็ดั่งเป็นมิตรสหายกันมานาน
เพียงแต่เขากับข้าชอบคนเดียวกัน ข้าถามว่าใคร เขาบอกว่าฉีเฟยอวิ๋นแห่งจวนแม่ทัพ”
หนานกงเย่หยุดพูดชั่วครู่ เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองเขา “อะไรนะ?”
หนานกงเย่ยิ้ม “ข้าได้ยินจึงบอกเขาว่า เป็นสตรีที่ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีอะไร เขาไม่พอใจ รีบเดินจากไปทันที
ต่อมาเจอกันที่พระราชวัง เขาเข้าวังมา พวกเราจึงรู้ฐานะของอีกฝ่าย
นับจากตอนนั้นจึงเป็นคู่อริที่เข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ
มีข่าวกระฉ่อนของอวิ๋นอวิ๋นในเมืองหลวง ซึ่งข้าไม่ใส่ใจ แต่ได้ยินว่า เขาไปสู่ขอที่จวนแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อวิ๋นอวิ๋นบอกเขาว่า หากเขาชนะข้า อวิ๋นอวิ๋นก็จะแต่งงานกับเขา เขาจึงมาท้าประลองกับข้าโดยที่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยากสู่ขออวิ๋นอวิ๋น เขามาสู้กับข้า ข้าย่อมอ่อนข้อไม่ได้ พวกเราจึงสู้กันขึ้นมา”