องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 933 เส้นทางของเอ๋าชิง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 930 เส้นทางของเอ๋าชิง
“ก็แค่ปฏิเสธเท่านั้นเอง เสนาบดีเอ๋าเป็นเสนาบดีมานานหลายปี คงไม่เชื่อหรอกนะว่าคำเพียงไม่กี่คำจะชักชวนให้คนลาออกจากราชการได้”
เอ๋าชิงชะงัก เนิ่นนานกว่าจะถามขึ้นมาว่า “เช่นนั้นความหมายขององค์รัชทายาทก็คือ พวกเขาจะมาอีกงั้นหรือ”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นชายตามองเอ๋าชิง “ยิ่งกว่าจะมา ถ้าข้าเดาไม่ผิด ครั้งแรกที่พวกเขามาด้วยกันและถูกแคว้นเฟิ่งปฏิเสธ พวกเขาแสร้งว่าจากไปพร้อมกัน แต่ทั้งหมดนั่นเป็นภาพลวงตา เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนอื่นๆ จากไปแล้ว พวกเขาจะเตรียมดำเนินการ เริ่มต้นด้วยการดึงขุนนางบางคนของแคว้นเฟิ่งไปเป็นพวก ให้ขุนนางเหล่านั้นบีบบังคับให้ยกเลิกการหมั้นหมายของข้าและหนานกงเย่ พวกเขาคิดว่าเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้นจะทำลายเกียรติแคว้นเฟิ่งของข้าได้
นอกจากนี้พวกเขาอาจจะดึงเสนาบดีเอ๋าไปเป็นพวก เพราะเสนาบดีเอ๋าเป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดในแคว้นเฟิ่ง มีอำนาจยิ่งกว่าองค์รัชทายาทอย่างข้า
หลังจากการถอนหมั้น นั่นแหละจึงจะถึงเวลาที่พวกเขาต้องแก่งแย่งแข่งขัน
ในฐานะเสนาบดี เสนาบดีเอ๋าไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลยหรือ
ในเวลานี้น่ะ ไม่ว่าใครได้จับมือกับแคว้นเฟิ่งก็ย่อมต้องกำจัดหนานกงเย่อยู่แล้ว มีเหตุผลอะไรจึงจะจากไปง่ายๆ”
เอ๋าชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้วล่ะ ดังนั้นเวลานี้จึงมีเรื่องมากมายต้องรับมือกับคนเหล่านั้น
“ท่านเสนาบดีเข้าใจก็ดีแล้ว”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นหันไปมองหนานกงอวิ๋นเยียนที่ยังนอนอยู่บนเตียงเพราะความทุกข์ใจ ทว่าไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ อีกไม่กี่วันนางก็คงหายดี
เอ๋าชิงเอ่ยว่า “ข้าจะไปเตรียมตัว”
“ครั้งแรกปฏิเสธไปแล้ว แต่ครั้งที่สองจะปฏิเสธทันทีไม่ได้ ท่านต้องคิดใคร่ครวญเรื่องการต้อนรับขับสู้กับพวกเขา ยื้อเวลาออกไปอีกครึ่งเดือน ตอนนี้หนานกงเย่เคลื่อนทัพแล้ว แต่ต้องใช้เวลา ท่านควรจะรู้ไว้”
เอ๋าชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านต้องการร่วมมือกับหนานกงเย่?”
“เอ๋าชิง สิ่งต่างๆ ในโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านหรือข้า ท่านอาจคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยรอบคอบ ถึงอย่างไรหนานกงเย่ก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง เขาคนเดียวจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้อย่างไร
แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเขาเพียงคนเดียว แต่กลับได้รับสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย
เขามีคุณลักษณะของจักรพรรดิ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่เหนือจักรพรรดิได้ ทว่าเขายังขาดคุณลักษณะภายนอกของจักรพรรดิ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเพราะผู้หญิง
แต่จักรพรรดิก็คือจักรพรรดิ ต่อให้ไม่มีภาพลักษณ์ภายนอกก็ยังเป็นจักรพรรดิ แล้วเพราะเหตุใดเล่า
เพื่อผู้มีความสามารถซึ่งปรากฏตัวขึ้นมารอบๆ กายของเขาอย่างไม่ขาดสาย เพื่อปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเขา
ข้างกายของเขามีลูกๆ หลายคนที่ต่อสู้กับโลกทั้งใบเพื่อเขาได้ นอกจากนี้ข้ายินดีที่จะเปลี่ยนสถานการณ์เพื่อเขา
เขารู้ดีว่าเมืองต้าเหลียงไม่อาจสงบสุขตลอดไป เขาอยากจะทำให้เมืองต้าเหลียงสงบร่มเย็นไปอีกนานเป็นพันๆ ปีหลังจากเขาตาย เขาอายุยังน้อย ถึงจะใช้เวลาสิบปีเพื่อสู้รบก็ยังมีเวลาอีกยี่สิบปีให้ใช้ เขาเชื่อว่ายี่สิบปีนั้น ความสงบสุขจะเกิดขึ้น
ใช้เวลาสิบปีเพื่อแลกกับความสะดวกสบายอีกหลายร้อยปีบนโลก โลกที่ไม่มีสงครามอีกต่อไป นั่นคือแผนการของเขา
และอุบายที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือข้า ถ้าไม่ทำลายแคว้นอื่น จะให้ข้าแต่งงานกลับไปทำไม
เป้าหมายสูงสุดของเขาคือการแต่งงานกับข้า!
การได้แต่งงานกับข้าก็เหมือนได้โลกทั้งใบ และก่อนจะแต่งงานกับข้าจะต้องมีโลกเสียก่อน นี่มันสอดคล้องกับความคิดของเขาแบบพอดิบพอดี อันที่จริงเขาต้องการรวมสี่แผ่นดินเข้าด้วยกันมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว แต่ข้าเป็นคนขัดขวางเขาไว้ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่เดือดไม่ร้อน โลกในปัจจุบันอาจจะตกอยู่ในความทุกข์ยากเพราะข้า เขาจึงตัดสินใจลงมือก่อน”
“หรือก็คือ… การต่อสู้เป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง?” เอ๋าชิงรู้สึกว่าเขาพูดอะไรไร้สาระ แต่สายลับรายงานมาแล้ว แม้ว่าการดำเนินการของต้าเหลียงจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ก็มีการวางกองกำลังทหารไว้ทุกทิศทางแล้ว
เอ๋าชิงนึกไม่ถึงว่าช่วงเวลาสิบปีจะทำให้เมืองต้าเหลียงกลายเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด และตอนนั้นที่จักรพรรดินีแพ้สงครามก็ได้รับการช่วยเหลือจากหนานกงเย่ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ต้น และทำให้เอ๋าชิงรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมมานานแล้ว
แต่เขาก็ยังรู้ด้วยว่าการจัดเตรียมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กล่าวคือ ทั้งหมดนั่นคือเจตจำนงของสวรรค์
“ถ้าเสนาบดีเอ๋าไม่อยากจะสู้รบก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็แค่หนีไปให้ไกล ความสามารถของเสนาบดีเอ๋าน่าจะเป็นการทำให้ไม่มีใครหาตัวท่านเจอ แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ต้องต่อสู้นั่นก็คือการยอมสวามิภักดิ์ หากแคว้นเฟิ่งของข้ายอมจำนน เพื่อเห็นแก่ข้าที่เป็นภรรยาของเขา เขาจะไม่ต่อสู้ ทว่าถึงอย่างไรแคว้นเฟิ่งก็เป็นแคว้นแคว้นหนึ่ง คนของแคว้นเฟิ่งและเสนาบดีคงไม่ยอมจำนน ต่อให้เขาเข้ายึดแคว้นเฟิ่งให้ยอมจำนนได้แล้ว การปราบปรามก็จะยังมีอยู่
แต่ไหนแต่ไรราชวงศ์ล้วนมีการผันเปลี่ยนและหลงเหลือแค่เพียงเถ้าถ่าน เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนจำนวนหนึ่งต้องสละชีวิต แม้แต่แคว้นเฟิ่งที่สถาปนาขึ้นมาได้ก็ยังมีวันล่มสลาย
เอ๋าชิงถาม “แล้วท่านมีแผนดีๆ หรือไม่”
“เรื่องต่อสู้นั้นคงต้องทำอยู่แล้ว แทนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ สู้เปิดฉากสงครามดีกว่า หากสงครามเกิดขึ้น ถ้าข้าถูกจับเป็นเฉลยอาจทำให้มีปัญหาน้อยลง อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ก็เผชิญหน้าไปตรงๆ เลยดีกว่า เพียงแต่ว่าการตายครั้งนี้ยังอีกยาวนาน ต้องให้ชาวเมืองรู้ว่าต่อให้แคว้นเฟิ่งถูกทำลาย แต่แคว้นเฟิ่งจะยังคงอยู่ เพียงแต่แตกต่างไปจากอดีตเท่านั้น
เสนาบดีเอ๋า ท่านเติบโตมาในแคว้นเฟิ่ง ท่านน่าจะรู้เรื่องความอยุติธรรมต่างๆ ในแคว้นเฟิ่งดี
มันเป็นความจริงที่สตรีในเมืองต้าเหลียงไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง แต่แล้วอย่างไรเล่า ผู้ชายออกไปหาเลี้ยงชีพข้างนอก เมื่อกลับเรือนก็ปฏิบัติกับภรรยาอย่างให้เกียรติ แต่ที่นี่ ผู้ชายไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปกว่าหมูกว่าหมา
หลายปีมานี้แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังมีคนในราชสำนักที่ดูถูกท่านมิใช่หรือ
ถ้าจะให้พูดก็คือ สตรีในแคว้นเฟิ่งรู้สึกว่าคนที่เกิดมาเป็นผู้ชายคือคนที่ต่ำต้อย
เสนาบดีเอ๋าไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้งั้นหรือ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นเลี่ยถ้าอวิ๋นจวิ้นจู่ไม่ได้อยู่ที่นี่
อวิ๋นเลี่ยเฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์ เป็นเด็กแบบที่พบเจอได้ยาก เสนาบดีเอ๋าทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสอนสั่งเด็กคนนี้ แต่ถ้าอวิ๋นเลี่ยไม่ได้พบกับอวิ๋นจวิ้นจู่ จุดจบของเขาก็คงไม่ต่างจากชายอื่น ถูกกักขังไว้ในบ้าน ทุกๆ วันทำได้แค่คอยเอาอกเอาใจพวกผู้หญิง ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ต้องแบ่งปันภรรยาร่วมกับผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่ง
ในอนาคตหากมีลูกสักคนก็ยังไม่แน่ใจว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ยังจะมีเกียรติเหลือให้พูดถึงบ้างหรือเปล่า”
เอ๋าชิงหันไปอีกทาง ความกลัดกลุ้มค่อยๆ สุมขึ้นมาในอก
“แคว้นเฟิ่งเป็นเช่นนี้นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแคว้น ผู้ชายหลายคนก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ตอนนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา ต่อไปพวกเขาจะไม่ต้องรับชะตากรรมเหล่านั้นด้วยความคับแค้นใจหรือ? องค์รัชทายาททำเพื่ออุปราชแห่งเมืองต้าเหลียง แต่เอ๋าชิงทำเพื่อใคร? ที่ข้าทำก็เพื่ออวิ๋นเลี่ย แต่อวิ๋นเลี่ยจากไปแล้ว!”
เอ๋าชิงหันไปมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่เห็นด้วย “เพื่อตัวท่านเอง มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ ถ้าท่านสร้างความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงให้เกิดแคว้นเฟิ่งสำเร็จ”
เอ๋าชิงส่ายหน้า “แล้วข้าจะต่างอะไรจากคนขายชาติ ชาวแคว้นเฟิ่งมีแต่จะประณามข้า”
“ตรงกันข้าม ถ้าเป็นข้าที่ทรยศแคว้นเฟิ่ง ข้าจะถูกประณามขับไล่ แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นท่าน ท่านจะไม่ถูกประณาม เพราะท่านเป็นผู้ชาย เป็นเรื่องปกติที่พวกผู้ชายทรยศแคว้นเฟิ่ง คนพวกนั้นกับท่านเป็นผู้ชายเหมือนกัน อยากทรยศแคว้นเฟิ่งเหมือนกัน นั่นเพราะแคว้นเฟิ่งไม่เห็นพวกท่านเป็นมนุษย์ กดขี่ข่มเหงพวกท่านมานานเกินไป มีเพียงแค่ต้องทรยศเท่านั้นจึงจะทำให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
วันหนึ่งเมื่อพวกท่านได้รับศักดิ์ศรีเท่าเทียม พวกท่านจึงจะรู้สึกว่าพวกท่านมีชีวิตที่มีค่าเมื่ออยู่ที่นี่ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่”
เอ๋าชิงมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น “แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยรู้เลยว่าท่านเป็นคนแบบนี้ วันนี้ข้าเพิ่งจะรู้ และมันทำให้ข้าตกใจมาก”
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านจะตกใจ ใครๆ ก็บอกว่าหลายปีมานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านข้าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ตอนนี้เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว”