องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 952 ไม่อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 952 ไม่อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท
หนานกงอวี้เหรินถามว่า: “มีถ้ำหรือกระท่อมร้างหรือไม่ พาข้าไปหน่อย”
ในฐานะองค์รัชทายาทเพิ่งมาถึงในหมู่บ้านก็ได้รับบาดเจ็บช่างน่าอายยิ่งนัก
จวินเมิ่งชำเลืองมองไปสถานที่ไม่ไกลนัก: “มีกระท่อมร้างเดิมทีมีขอทานอาศัยอยู่ เจ้าไปที่นั่นได้ ข้าไปส่งเจ้าเอง!”
“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?” หนานกงอวี้เหรินสงสัย คนผู้นี้โง่เขลาใช่หรือไม่?
บุรุษผู้หนึ่ง นางเป็นหญิงผู้หนึ่งซึ่งไม่คุ้นเคยกันเช่นนี้ไม่กลัวถูกทำมิดีมิร้ายหรือ
จวินเมิ่งกล่าวว่า: “ในเมื่อเจ้ายื่นมือช่วยเหลือเหตุใดข้าถึงต้องกลัวเจ้าด้วย หากเจ้าเป็นดังเช่นพวกเขาแล้วเหตุใดจึงต้องเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือด้วย?”
หนานกงอวี้เหรินยิ้ม: “ใช่สินะ งั้นเจ้าพาข้าไปสิ”
ทั้งสองจากไปด้วยกัน จวินเมิ่งไม่ได้เห็นชัดเจนว่าหนานกงอวี้เหรินหน้าตาเป็นเช่นไร แต่เขายังเด็กนักซึ่งนางนั้นรู้อยู่แล้ว
สำหรับจวินเมิ่งภายใต้แสงจันทราก็พอเห็นอยู่บ้างแต่บอกว่างดงามเท่าใดนั้นหนานกงอวี้เหรินไม่ได้เห็นชัดเจนนัก
ทั้งสองคนเดินไปถึงยังด้านนอกกระท่อมร้างแล้วจวินเมิ่งหยุดลงแล้วกล่าวว่า: “เจ้าเข้าไปสิ ในเรือนสกปรกเจ้าเก็บกวาดด้วย”
“เจ้าพาข้าเข้าไป”
กล่าวจบหนานกงอวี้เหรินก็เดินเข้าไป จวินเมิ่งลังเลอยู่ด้านหลังครู่หนึ่งแล้วจึงได้ตามเข้าไป
ในเรือนจุดโคมไฟขึ้น จวินเมิ่งไปเก็บกวาดแต่หนานกงอวี้เหรินกลับง่วงนอนเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงบนพื้นแล้วพิงอยู่พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่ถือโคมไฟอยู่ตรงหน้า
ในเวลานี้หนานกงอวี้เหรินจึงได้สังเกตเห็นความงดงามของหญิงสาว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจหญิงผู้หนึ่ง
“เจ้าชื่ออะไร?”
หนานกงอวี้เหรินถาม จวินเมิ่งจึงกล่าวว่า: “จวินเมิ่ง”
“จวินที่หมายถึงจักรพรรดิหรือ?”
“อืม”
“ตระกูลนี้มีไม่มากนัก” หนานกงอวี้เหรินนึกถึงราชครูจวินที่เสด็จแม่กล่าวถึง
ราชครูจวินเพื่อเมืองต้าเหลียงของพวกเขาแล้วยอมเสียสละชีวิตตนเอง
ผู้คนภายนอกไม่รู้จึงได้เข้าใจท่านราชครูผิดมาโดยตลอด แต่เขารู้ว่านั่นเป็นแค่เพียงกลอุบายหนึ่งเท่านั้น
หนานกงอวี้เหรินปลดเสื้อผ้าบนกายของเขาร่างกายที่สะอาดสะอ้านและแข็งแรงก็เผยให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย จวินเมิ่งเห็นเขาก็ตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นใบหน้าก็แดงขึ้นทันที
หนานกงอวี้เหรินกล่าวว่า: “เจ้าแต่งงานหรือยัง?”
จวินเมิ่งส่ายศีรษะ: “ยัง”
“เจ้ามานี่ช่วยข้าพันแผลหน่อย รอให้ข้าหายดีแล้วจะสู่ขอเจ้า”
“……”
จวินเมิ่งตะลึง: “ไม่ควร”
“เหตุใดถึงไม่ควร?”
“การแต่งงานเป็นคำสั่งของพ่อแม่ซึ่งมีแม่สื่อกล่าวคำชักจูง ข้าไม่สามารถหมั้นหมายเป็นการส่วนตัวได้”
“แล้วเจ้าเห็นข้าเต็มใจหรือ?” หนานกงอวี้เหรินต้องการหยอกล้อจวินเมิ่งแต่จวินเมิ่งมองหนานกงอวี้เหรินอย่างหดหู่ใจ เป็นเติงถูจื่อสินะ
หนานกงอวี้เหรินกล่าวว่า: “ช่วยข้าดูหน่อยเถอะพร้อมทั้งดูว่าข้ามีหน้าตาเช่นไรด้วย”
จวินเมิ่งอยากจะกลับไปเร็วหน่อย หยิบโคมไฟแล้วเดินไปนั่งย่อลงยังตรงหน้าหนานกงอวี้เหรินและเห็นชัดแล้วว่าเขามีหน้าตาเช่นไร
จวินเมิ่งตะลึงครู่หนึ่ง เหตุใดเขาถึงเป็นบุรุษหน้าตางดงาม!
จวินเมิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกและเตรียมตัวลุกขึ้นหนานกงอวี้เหรินดึงจวินเมิ่งทีหนึ่งจากนั้นพลิกตัวแล้วกดคนลงใต้ร่าง
จวินเมิ่งกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ หนานกงอวี้เหรินปิดปากของจวินเมิ่งทันที: “ตอนนี้กลัวแล้วใช่ไหม?”
จวินเมิ่งจ้องไปยังหนานกงอวี้เหรินอย่างเย็นชา: “คิดว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจดีมีเมตตา คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ เจ้าทำเช่นนี้ข้าก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แล้ว ข้าทำได้เพียงแค่ตาย……”
จวินเมิ่งนำมีดขึ้นมา คิดที่จะตายอยู่ตรงหน้าหนานกงอวี้เหริน
หนานกงอวี้เหรินตกใจจนหน้าซีด จากนั้นลุกออกจากจวินเมิ่งและแย่งมีดไป
จวินเมิ่งผลักหนานกงอวี้เหรินออกไปแล้วหันหลังวิ่งหนีไป
หนานกงอวี้เหรินมองดูคนจากไปแล้วจึงได้นอนลง
เขาไม่สนใจบาดแผลบนร่างกายและนอนหลับไปเลยโดยตรง
จวินเมิ่งเกรงว่าผู้คนจะเป็นห่วง เมื่อกลับถึงยังในเรือนก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพักผ่อน
แต่นางไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าก็นำของกินไปที่กระท่อมร้าง
มองดูอยู่ตรงหน้าประตู หนานกงอวี้เหรินยังคงนอนอยู่ด้านใน
จวินเมิ่งวางอาหารลงก็เดินกลับไป
หนานกงอวี้เหรินลืมตามองดูตรงหน้าประตูพร้อมกับเผยอมุมปากขึ้นโดยที่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแล้วก็นอนต่อ
ตกกลางคืนจวินเมิ่งก็มาอีก อาหารบนพื้นไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
จวินเมิ่งเพิ่งผลักประตูเข้าไป ค้นหาอยู่ตั้งนานไม่มีผู้ใดจึงคิดว่าจากไปแล้วและหันหลังเตรียมกลับไปหนานกงอวี้เหรินก็อุ้มนางจากด้านหลัง จวินเมิ่งร้องออกมาเสียงหนึ่งด้วยความตกใจ คราวนี้หนานกงอวี้เหรินไม่ได้ปล่อยคน
อุ้มคนไปยังกำแพง: “เจ้าอย่าได้ตะโกนไม่เช่นนั้นจะตะโกนจนคนมาแล้วข้าจะบอกว่าเจ้ายั่วยวนข้า ถึงเวลานั้นเจ้าจะเดือดร้อน”
จวินเมิ่งเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ จ้องตาเขม็งโดยจะร้องไห้: “ข้าเห็นว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บเพราะข้าจึงไม่สบายใจ เจ้ากลับทำร้ายข้าเช่นนี้ ถึงข้าจะตายข้าก็จะ……”
“ไร้สาระ เรื่องเล็กน้อยก็จะเป็นจะตาย ข้าก็ไม่ได้ทำอันใดเจ้า ที่ว่าชายหนุ่มโตแล้วแต่งงานหญิงสาวโตแล้วออกเรือน ข้าดูแล้วเจ้าก็ไม่ใช่หญิงสาวที่เคยแต่งงาน เจ้ากับข้าอายุเหมาะสมกันเหตุใดถึงไม่อนุญาต?”
จวินเมิ่งถูกถามจนงุนงงราวกับว่าเป็นนางที่มีเหตุผลไม่เพียงพอ
หนานกงอวี้เหรินกล่าวตามขึ้นทันทีว่า: “ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านั้นต้องการทำร้ายเจ้า หากว่าพาตัวเจ้าไปและขืนใจเจ้า เจ้าไร้ซึ่งความบริสุทธิ์แล้วเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ? หากเจ้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนในครอบครัวเจ้าจะเศร้าเสียใจเท่าใด?
ตอนนี้ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ข้าไม่ได้ลักลอบและปล้นชิง ในเรือนไม่มีภรรยาแล้วแต่งงานกับเจ้าไม่ได้หรือ?
เจ้าออกเรือนกับข้า ตอบแทนข้าด้วยกายใจแล้วไม่ดีตรงไหน? ”
จวินเมิ่งมองไปยังหนานกงอวี้เหรินโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด ช่างสามารถกล่าวโน้มน้าวได้ดีจริงๆ!
จวินเมิ่งมองหนานกงอวี้เหรินอยู่ครู่หนึ่ง: “เจ้าต้องการแต่งงานกับข้าเช่นนั้นเจ้าจะแต่งงานกับหญิงอื่นเป็นอนุภรรยาหรือไม่?”
“……” หนานกงอวี้เหรินคิดอยู่เป็นเวลานาน: “ไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ของข้าจะบังคับให้ข้าแต่งงานหรือไม่ แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าไม่ใช่สามีที่มีภรรยาหลายคน ข้าคิดว่าข้าก็ไม่เป็นเช่นเดียวกัน หากว่าพวกเขาบังคับข้าข้าก็จะบอกพวกเขาเอง”
จวินเมิ่งคิดแล้วคิดอีก: “งั้นพรุ่งนี้เจ้าไปสู่ขอที่เรือนข้าได้ ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ช่างเถอะ ข้ายังจะต้องกลับไปอีก ข้า……”
“อยู่พูดคุยเป็นเพื่อนข้า ข้ายังไม่ได้ทานข้าวเจ้าไม่ได้มาส่งข้าวเหรอ พรุ่งนี้ข้าจะไปสู่ขอก็จะต้องถามให้แน่ชัดว่าจะต้องนำสิ่งใดไป”
จวินเมิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าก็ควรจะพูดคุยกัน
“ครอบครัวของข้าจัดการงานแต่งงานหนึ่งให้ข้า อีกฝ่ายฐานะไม่ธรรมดาข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่เข้าตาท่านปู่ผู้เฒ่าของข้า ก่อนหน้านี้ในตระกูลมีคนมากมายมาแต่ก็ไม่เข้าตาทั้งนั้น”
“นั่นเป็นเพราะไม่เห็นข้า เห็นแล้วก็จะเข้าตา พรุ่งนี้ข้าจะไปเลย” หนานกงอวี้เหรินกล่าวจบก็จูงจวินเมิ่งนั่งลง จวินเมิ่งรีบย้ายไปยังฝั่งหนึ่งในทันทีพร้อมกับซ่อนมือทั้งสองเอาไว้ในแขนเสื้อ
หนานกงอวี้เหรินไม่บังคับจึงนั่งลงฝั่งหนึ่งแล้วถามว่า: “ข้าไม่คิดว่าในสถานที่เช่นนี้ยังมีคนเช่นเจ้า ดูเจ้ามีความรู้และมีเหตุผล พ่อแม่ของเจ้าให้เจ้าอ่านตำราหรือ?”
“อ่านมาบ้าง แต่ไม่ใช่ท่านพ่อท่านแม่สอนข้าเป็นท่านปู่ท่านย่าผู้เฒ่า”
“งั้นเจ้าลองพูดเกี่ยวกับเรื่องราวในใต้หล้านี้”
“ข้าไม่รู้เรื่องใต้หล้า สตรีไร้พรสวรรค์เป็นบุญ เพียงแค่สนใจภายในเรือนก็พอ”
“……”
ทั้งสองคนคุยกันนานหนึ่งชั่วยามกว่าๆ จวินเมิ่งลุกขึ้นเตรียมจากไปหนานกงอวี้เหรินก็กล่าวว่า: “ไม่งั้นคืนนี้เจ้าอยู่กับข้า พรุ่งนี้ข้าตามเจ้าไปสู่ขอก็พอ”
“พรุ่งนี้เจ้าจะไปสู่ขอหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่วันนี้ข้าไม่ควรอยู่”
จวินเมิ่งหันหลังจากไป จากนั้นมองย้อนกลับไปยังกระท่อมร้างแล้วก็กลับไป
นางไม่ได้บอกแม้แต่ว่าอาศัยอยู่ที่ใดและคิดว่าเขาก็ไม่ได้ถามแล้วจะไปสู่ขออย่างไร
แต่ว่าท่าทางเจ้าชู้ราวเติงถูล่างจื่อเช่นนั้นของเขาท่านปู่ผู้เฒ่าก็คงจะไม่ชอบ แล้วจะสู่ขอได้อย่างไร
จวินเมิ่งนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นมาในตอนเช้าก็ไปคุกเข่าอยู่แล้ว
นางไม่ต้องการอภิเษกกับองค์รัชทายาท แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด!
คุกเข่าอยู่ตรงพื้นโดยที่จวินเมิ่งนั้นร้องไห้อยู่ตลอด สีหน้าของราชครูจวินกลับไม่ได้ย่ำแย่นัก ขณะที่ถามยังคงสุภาพยำเกรง แต่ไม่ว่าเขาจะถามเช่นไรจวินเมิ่งก็ไม่ได้บอกเหตุผล บอกเพียงแต่ว่าไม่ต้องการอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทขอให้ท่านปู่ผู้เฒ่าส่งเสริมด้วย
หมายเหตุ
เติงถูจื่อหรือเติงถูล่างจื่อ ใช้เรียกแทนผู้ที่มักมากในกาม ในอดีตเป็นคนผู้หนึ่งที่มีภรรยา
หน้าตาอัปลักษณ์แต่มีลูกด้วยกันหลายคน จึงถูกกล่าวว่าเป็นผู้
ที่มักมากในกาม