องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 955 เขาไม่ไปและพยายามที่จะต่อสู้
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 955 เขาไม่ไปและพยายามที่จะต่อสู้
“เจ้าเลี้ยงเขามาจนโต ก็เพื่อที่ต้องการให้ลูกของเจ้าสังหารเป็นตัวอย่างหรือ?”หนานกงเย่ยืนอยู่ด้านนอกห้องไป๋เฉา มือทั้งสองข้างไขว้หลัง กล่าวถามอย่างเรียบเฉย?
หนานกงเหยี่ยนมองไปทางหนานกงเย่ที่เหมือนอายุยี่สิบขวบด้วยความไม่พอใจ กล่าวตรัสขึ้นว่า“เรื่องของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องยุ่ง”
หนานกงเหยี่ยนเวลานี้ ได้อายุห้าสิบแล้ว เขาดูแลสุขภาพอย่างดี แม้ว่าจะยังเยาว์วัย แต่ผมของเขากลับหงอกโพลนแล้ว
เมื่อเทียบกับหนานกงเย่แล้ว ห่างกันอยู่มากทีเดียว
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจ กำลังมอง คนคนหนึ่งที่ขี่ม้าผ่านจากตรงหน้าไปอย่างสง่างาม
พอเห็นคน หนานกงเย่ถึงกับเงียบอึมครึม
หนานกงเฮ่าเทียนหันไปมองพวกหนานกงเย่ แล้วหมุนตัวไปที่ประตูเมือง
ถึงประตูเมืองแล้วหมุนตัวลงจากรถม้า ขึ้นไปด้านบนศาลาบนประตูเมือง อีกด้านเป็นหนานกงเฮ่าเหวินลงจากรถม้า แล้วเดินไปหาพวกฉีเฟยอวิ๋น เห็นหนานกงเหยี่ยนจึงรีบคุกเข่าลงกล่าวว่า“ถวายบังคม….”
“ลุกขึ้น เดี๋ยวคนเห็น”
หนานกงเหยี่ยนรีบตรัสรับสั่ง
หนานกงเฮ่าเหวินลุกขึ้นกล่าวว่า“ความหมายของฝ่าบาทคือซือถูฟ่างเป็นนายทหารที่มีความสามารถสมัยแรก หากสามารถจัดการควบคุมได้ดีที่สุด ก็ต้องการให้เขากลับมาทำเพื่อชาติบ้านเมือง
แต่เฮ่าเทียนบอกว่าคนที่ไม่ใช่เผ่าเราจะมีใจต่างกัน เมื่อเขากบฏหนึ่งครั้งแล้ว เขาต้องกบฏหลายครั้ง เขาสนับสนุนให้สังหารซือถูฟ่าง และแขวนร่างของซือถูฟ่างไว้ที่ประตูเมืองหลวงเพื่อทำให้สี่ทิศตกใจอกสั่นขวัญหาย
วันนี้ฮองเฮาตั้งครรภ์ ไม่อยากสังหารคน ซือถูฟ่างเป็นพี่ชายของฮองเฮา ฝ่าบาทเลยมีความลังเลใจ”
หนานกงเหยี่ยนมองหนานกงเย่ แล้วตรัสขึ้นว่า“เจ้ามองว่าอย่างไร?”
“กระหม่อมอายุเพียงนี้แล้ว ถามกระหม่อมเพื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หนานกงเย่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
อวิ๋นหลัวฉวนเลยกล่าวขึ้นว่า“ฮองเฮาใจดีมีจิตใจเมตตากรุณามากจนเกินไป มิฉะนั้นคงไม่ถูกซือถูฟ่างหลอก ซือถูฟ่างนี้เป็นหลานชายลูกชายคนโตของจวินเจิ้งหนาน เมื่อสองสามปีก่อนตอนที่ราชครูจวินยังมีชีวิตอยู่ ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่า ว่าเขามีใจไม่จงรักภักดี ขอให้ฮองเฮาจงระวังคนผู้นี้ไว้
ฮองเฮาเคยกล่าวเรื่องนี้กับข้าความหมายของฝ่าบาทคือในเมื่อมีโอกาสนี้ มิสู้กับเลี้ยงเขาไว้ ทำให้เขาผงาดขึ้นมา ให้เหล่าลูกๆได้ฝึกเรียนรู้
ไม่อยากนั้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะไม่ขยันฝักใฝ่ความก้าวหน้าเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเหยี่ยน เขาเหมาะที่จะเป็นจักรพรรดิมากกว่าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้จริงๆ
“วันนี้มือซ้ายมือขวาของเทียนเอ๋อร์ไม่อยู่ เขาตัวคนเดียว นอกในเมืองหลวงก็ไม่มีคน จงชินทั้งสี่ที่ล้วนไม่ได้รับจดหมาย ซือถูฟ่างคิดได้ตั้งนานแล้วว่าจะรับมือกับเทียนเอ๋อร์อย่างไร ไม่รู้ว่าจะสู้ชนะหรือไม่ จะทนได้กี่วัน?”
หนานกงเฮ่าเหวินกังวลใจอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นนับ กล่าวว่า“แย่แล้ว!”
“เป็นอะไรหรือ?”
หนานกงเย่หันมองฉีเฟยอวิ๋น เหล่าหนานกงเหยี่ยนก็มองที่ฉีเฟยอวิ๋นเช่นกัน ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“เทียนเอ๋อร์มีเคราะห์ แต่เมืองหลวง เมืองเหลียงไม่มี”
หนานกงเย่เหลือบมอง จากนั้นกล่าวว่า“ให้นกพิราบส่งจดหมายให้ท่านลุงห้าของเจ้า ให้เขารีบกลับมาโดยเร็ว ภายในสามวันนี้จะต้องกลับมา”
“ขอรับ”
เฮ่าเหวินไปจัดการ ฉีเฟยอวิ๋นเลยคิดคำนวนอีกครั้งหนึ่ง
“ครั้งนี้ผู้ใดมาก็ไม่มีประโยชน์ โชคชะตาชีวิตของเทียนเอ๋อร์มีเคราะห์ ปีนี้เทียนเอ๋อร์ยี่สิบหกปีแล้ว เคราะห์นี้ยากยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดขวางได้”
พอหนานกงเย่ได้ยินว่าขวางไม่ได้ เขาพลิกตัวไปมาทั้งคืน จนฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับ
“ท่านจะเอาอย่างไร?”ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น สวมชุดคลุม เธอสวมใส่สีแดง ด้านนอกคลุมสีแดงด้วย มีหน้าเธอหมดความอดทนมาก
รูปร่างเธอสวยสง่า ขาวผุดผ่องบริสุทธิ์ หากเป็นปกติ หนานกงเย่คงโผเข้าหาแล้ว แต่ทว่าวันนี้กลับไม่ชำเลืองชายตามอง
“ข้ากังวลจนนอนไม่หลับ เจ้าไม่กังวลใจแม้แต่น้อยเลยหรือ?หากข้าตายอยู่ด้านนอก เจ้าก็จะอย่างนี้หรือ?”
“ท่านอ๋อง โชคชะตากำหนดไว้แล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หม่อมฉันก็เศร้าใจ เช่นนั้นแล้วทำอะไรได้?”
“ข้าจะไปสู้รบครั้งนี้ ให้เทียนเอ๋อรอกลับมา”หนานกงเย่ลุกขึ้นลงจากเตียง ฉีเฟยอวิ๋นตามเขาออกไปด้วย
“ท่านอ๋องไปก็ไม่มีประโยชน์ เทียนเอ๋อร์มีเคราะห์ และพอดีกับซือถูฟ่างผู้นั้นเป็นดาวมฤตยู เพียงแค่ซือถูฟ่างอยู่ เขาก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้”
“เช่นนั้นข้าก็จะไปสังหารซือถูฟ่าง”
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องเป็นคนนอก ท่านลืมที่สัญญากับหม่อมฉัน ชาตินี้จะไม่ก้าวก่ายชะตาชีวิตคน ที่ผ่านมาท่านอ๋องสังหารคนมากมาย ไม่สามารถไปสังหารใครได้อีกแล้วเพคะ”
“ข้าไม่สนใจ ผู้ใดขวางข้า ข้าก็จะสังหารคนผู้นั้น เขาจะสังหารหลานชายของข้า ข้าจะยอมได้ที่ไหนกัน?”หนานกงเย่กล่าวตะคอก
ด้านนอหอร้อยสมุนไพรมีอวิ๋นหลัวฉวนกับหนานกงเหยี่ยนอยู่
ได้ยินหนานกงเย่พูด พวกเขาต่างมองมาที่หนานกงเย่
เฮ่าเหวินก็เป็นกังวลมาก อีกด้านมีองค์หญิงใหญ่กับอามู่ยืนอยู่
องค์หญิงใหญ่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา และพยายามอดกลั้นเหลือเกิน
“เสด็จลุง”องค์หญิงใหญ่ประคองตัว กลายปีที่ผ่านมาไร้หนทางที่จะเปลี่ยนแปลง นางเรียกอย่างนี้มาโดยตลอด
หนานกงเย่มองเด็กผู้หญิงราวกับอัญมณีที่อยู่บนอุ้งมือเสมอมา และรักองค์หญิงใหญ่มาก เมื่อเห็นนางร้องไห้ทำให้เขาไม่พอใจ กล่าวว่า “ร้องไห้ทำไม สงครามยังไม่เริ่มไม่ใช่หรือ อีกครู่ข้าจะไปเปลี่ยนกับเขา และพาเขาออกไปจากที่นี่ก่อน”
หนานกงเย่เดินไปทางประตูเมือง หนานกงเหยี่ยนตรัสด้วยความโมโหว่า“เลอะเทอะ นี่มันเวลาไหนเมื่อไหร่กันแล้ว เจ้าต้องการให้พื้นพิภพวุ่นวายหรือ เจ้าไปแล้ว วันข้างหน้าจะทำอย่างไร?”
หนานกงเย่ลุกขึ้น กล่าวว่า“เจ้าห้าเหมือนกับกระหม่อม ไม่มีทางที่คนจะรู้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“แม้จะเป็นอย่างนี้ แม่ทัพปกป้องบ้านเมืองหลบหนี เจ้าต้องการทำร้ายผู้ใด?”
“ฝ่าบาท!”อามู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกชายของเขา แต่เมื่อเทียบกับพื้นพิภพนี้ ลูกชายแล้วอย่างไร?
หนานกงเย่กล่าวด้วยความโมโหว่า“เมื่อสมัยนั้น เจ้ากับเขาให้ข้ากลายดาบนำไปใช้ วันนี้นั่นคือหลายชายของข้า พวกท่านยังคิดจะเอาเขาเห็นเขาเป็นดาบ พวกท่านสงบนิ่งสงบใจได้หรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน คนจำนวนมากล้วนเงียบกันหมด
หนานกงเหยี่ยนเงียบอยู่นาน เวลานี้จึงกล่าวว่า“เขาก็เป็นหลานของข้า”
“…..”หนานกงเย่หมุนตัวเดินไป ฉีเฟยอวิ๋นเลยตามไปด้วย เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินหนานกงเย่ตะคอกว่า“ถอยออกไป!”
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดฝีเท้าลง ไม่กล้าเข้าใกล้ทำได้แค่มองหนานกงเย่ได้ไปตรงประตูเมือง
ฉีเฟยอวิ๋นมองคนจำนวนมาก กล่าวว่า“เมื่อสมัยนั้นเขาต้องการเก็บปืนใหญ่ไว้ เป็นข้าที่ต้องการให้เขาทำให้มันจมดิ่งลงแม่น้ำ และวันนี้มารู้สึกเสียใจภายหลังอย่างคาดไม่ถึง”
องค์หญิงใหญ่เช็ดซับน้ำตา หมอบร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอดของอามู่
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางประตูเมือง และเริ่มมีคงามกังวลขึ้น
หนานกงเย่ไปแล้วก็อาจจะไร้ประโยชน์
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “พักผ่อนเถิด เขาอยากไปก็ไป ก็อย่าเป็นเพราะเขาแล้วไม่ใช้ชีวิตต่อไป”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปก่อน แต่ทว่ากลับไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน
คนที่อยู่ด้านนอกหอร้อยสมุนไพรแยกกันแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ลุกไปทางประตูเมือง เฮ่าเหวินยืนอยู่ด้านล่าง มองฉีเฟยอวิ๋นแล้วรีบเรียกว่า“เสด็จย่า”
“เจ้ากลับไปก่อนเถิด ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไร”
เฮ่าเหวินถึงได้กลับไป ฉีเฟยอวิ๋นราวกับบินขึ้นมาด้านบน คนด้านลนต่างรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ไม่กี่วันมานี้ได้เจอคนนี้ นางอยู่กับท่านแม่ทัพ
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจ หันเดินไปทางด้านหน้า เห็นหนานกงเย่ยืนอยู่ทางด้านนั้น เขาอยู่คนเดียว ไม่เห็นหนานกงเฮ่าเทียนเลย
เดินมาถึงตรงหน้าของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขึ้นว่า“เทียนเอ๋อร์ล่ะเพคะ?”
“เขาไม่ไป พยายามจะสู้”