อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 104 ได้ดีพร้อมลูก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 104 ได้ดีพร้อมลูก
ไม่รอให้หยุนหว่านหนิงพูดตอบ เต๋อเฟยก่นด่าโครมๆว่า “เจ้าหลอกลวงข้า?”
“นี่เป็นลูกใครกันแน่? ไหนบอกว่าเด็กคนนั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ ลูกก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกชายของเยว่เอ๋อร์?”
“หยุนหว่านหนิง เจ้าอยากตายใช่ไหม?”
ด้วยความโกรธ เต๋อเฟยไม่ได้ควบคุมเสียง ทำให้เด็กบนเตียงตกใจตื่น
ภายใต้ความมืด เด็กน้อยร้องเรียกขึ้นมาอย่างหวาดกลัวว่า “แม่?”
“เอ้อ แม่อยู่นี่”
หยุนหว่านหนิงรีบเข้าไปใกล้ โอบกอดเด็กน้อยที่ตกใจตื่นไว้แนบอก พร้อมพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “แม่อยู่นี่ ลูกนอนหลับให้สบาย ไม่มีอะไรแล้ว”
แต่หลังจากที่ตกใจตื่น เด็กน้อยก็นอนไม่หลับแล้ว
หยุนหว่านหนิงจำต้องสั่งหรูเยียนจุดไฟ
ภายในห้องสว่างไสว สีหน้าเต๋อเฟยเขียวปัด จ้องมองดูหยุนหว่านหนิงโอบกอดเด็กน้อยไว้อย่างดุดัน
“หยุนหว่านหนิง คืนนี้เจ้าจะอธิบายให้ข้าฟังยังไง?”
นางกัดฟันอย่างโกรธโมโห
ดึกดึนค่ำคืนแบบนี้ นางตั้งใจออกจากวังมาหาหลานชายสุดที่รักของนาง
ที่ไหนได้ เด็กคนนี้ไม่เหมือนตามที่โม่เฟยเฟยบอกเลยว่าหน้าตาเหมือนโม่เยว่ ใบหน้าของเขาไม่เหมือนโม่เยว่เลยสักนิด
ตอนนี้จุดไฟสว่างแล้ว เต๋อเฟยยิ่งมองเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นชัดเจนขึ้น
เด็กคนนี้ซบกอดหยุนหว่านหนิงไว้แน่น ราวกับตกใจอย่างมาก
มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว สายตาที่มองดูเต๋อเฟย….เกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับมองเห็นถึงสิ่งที่น่ากลัว
รูปร่างหน้าตาไม่เพียงไม่เหมือนโม่เยว่ ยังไม่เหมือนหยุนหว่านหนิงด้วยซ้ำ
ยังมีลักษณะท่าทีนั้น สายตาที่หวาดกลัว….ดูยังไงก็ไม่เหมือนเด็กที่เติบโตอยู่ในจวนอ๋อง
“ตกลงนี่เกิดอะไรขึ้น?”
นางถามขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง
อาจเป็นเพราะเสียงดังไป สีหน้าน่ากลัว เด็กในอ้อมอกหยุนหว่านหนิง หลังจากสั่นเทาสักพักก็ร้องไห้ออกมา
มีความกล้าเพียงแค่นี้
สีหน้าเต๋อเฟยไม่พอใจ
“เสด็จแม่ ข้าบอกเจ้าแล้ว เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกท่านอ๋อง”
หยุนหว่านหนิงกอดปลอบเด็กไปด้วย ขมวดคิ้วพูดไปด้วยว่า “ท่านไม่เชื่อเอง ดึกขนาดนี้แล้วทำให้เด็กร้องไห้ตกใจ”
ประโยคสุดท้าย แฝงไปด้วยความตำหนิ
เต๋อเฟยโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าตำหนิข้า?”
“ลูกไม่กล้า”
ถึงจะพูดเช่นนี้ สายตาหยุนหว่านหนิงที่มองดูนางเต็มไปด้วยความตำหนิ ไม่เห็นถึงความไม่กล้าเลย
เต๋อเฟยโกรธจนแทบเป็นลม
“เจ้า เจ้า…..หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีฮ่องเต้คอยปกป้อง แล้วเจ้าจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เจ้าถึงขั้นกล้าพูดกับข้าแบบนี้?”
“เสด็จแม่ ลูกห่วงใยท่าน เมื่อกี้ก็พูดเตือนแล้ว ท่านไม่ฟังเอง จะมาดูเด็กให้ได้”
หยุนหว่านหนิงกอดเด็กน้อย ขมวดคิ้วมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้กลับพูดว่าในสายตาลูกไม่มีท่าน?”
“คำพูดนี้ไม่ว่าต่อหน้าเสด็จพ่อ หรือต่อหน้าท่านอ๋อง ลูกก็ไม่ผิด”
มองดูนางโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เต๋อเฟยยิ่งโกรธจนตัวสั่น
“เจ้า….เจ้า…..”
มองดูเหมือนนางจะโกรธจนแทบเป็นลม หลี่หมัวมัวกับเซี่ยอี่วรีบประคองนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เต๋อเฟยเหนียงเหนียงอย่าโกรธ ร่างกายสำคัญกว่า”
เซี่ยอี่วพูดปลอบเต๋อเฟย
หลี่หมัวมัวรีบพูดกับหยุนหว่านหนิงว่า “พระชายา ท่านพูดน้อยหน่อยเถอะ”
“ข้าไม่อยากพูดมาก”
หยุนหว่านหนิงก้มหน้า กล่อมเด็กน้อยให้หลับด้วยเสียงนุ่มนวล
เต๋อเฟยถูกทิ้งเพิกเฉยอยู่ด้านข้าง โกรธโมโหอยู่สักพักค่อยกัดฟันพูดออกมาว่า “ข้าจะคอยดู ครั้งนี้เยว่เอ๋อร์ที่เข้าข้างเจ้ายังไง”
“พวกเรากลับ”
พาเซี่ยอี่วกับหลี่หมัวมัว ผลักประตูออกไป
ก่อนไป หลี่หมัวมัวมองดูหยุนหว่านหนิง พร้อมถอนหายใจแรง
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับไปแล้ว หยุนหว่านหนิงมองดูเด็กน้อยตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอด จึงพูดสั่งหรูเยียนว่า “ไปตามจางหมัวมัวมากล่อมหลานชายของนางนอน”
ใช่ว่านางไม่อยากกล่อมเด็กน้อยนอน
เพราะนางยิ่งกล่อม เด็กคนนี้ก็ยิ่งสั่นรุนแรง ยิ่งไม่กล้านอน….
คิดว่าเมื่อกี้ คงถูกเต๋อเฟยทำให้ตกใจ
เมื่อจางหมัวมัวมา เด็กน้อยค่อยร้องไห้ พร้อมไปซบอกนาง
ที่แท้ เด็กคนนี้ก็เป็นหลานชายของจางหมัวมัว
เมื่อคืนหลังจากโม่เฟยเฟยกลับไป หยุนหว่านหนิงก็เดารู้ว่า วันนี้เต๋อเฟยจะต้องมายังจวนอ๋องหมิงแน่
จึงส่งหยวนเป่าไปยังตระกูลกู้แต่เช้าแล้ว พร้อมสั่งจางหมัวมัวให้พาหลานชายของนางมาที่จวนอ๋อง ให้เต๋อเฟยเข้าใจผิด คิดว่าเด็กคนนี้เป็นหยวนเป่า
หลานชายจางหมัวมัวชื่อโก่วตั้น
จางหมัวมัวกล่อม ไม่นานโก่วตั้นก็นอนลงแล้ว
หยุนหว่านหนิงค่อยโล่งอก
“พระชายา ข้าน้อยมีเรื่องอยากพูด”
เห็นนางขมวดคิ้ว จางหมัวมัวลังเล พร้อมพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายหยวนเป่า พวกข้าน้อยมองก็รู้ ยังไงก็เป็นลูกท่านอ๋อง”
“ทำไมพระชายาถึงไม่ยอมพูดความจริงกับท่านอ๋องกับเต๋อเฟยล่ะ?”
นางคิดว่า หากเต๋อเฟยกับโม่เยว่รู้ว่า หยวนเป่าเป็นคุณชายน้อยของจวนอ๋องหมิง…..
หยุนหว่านหนิงก็จะได้ดีพร้อมลูก สถานะก็ดีสูงส่งขึ้นไม่ใช่หรือ?
“ใครบอกว่าหยวนเป่าเป็นลูกโม่เยว่”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้…..”
จางหมัวมัวลำบากใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ หยวนเป่ารูปร่างหน้าตาเหมือนท่านอ๋อง เห็นได้ชัดว่าพระชายาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ พวกนางเป็นบ่าวก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เมื่อก่อนจางหมัวมัวยังคิดว่าหยุนหว่านหนิงน่าข่มเหง เป็นแค่คนไม่สำคัญ ยังเป็นพระชายาที่ถูกกักบริเวณ
นี่แตกต่างอะไรกับคนไร้ค่า?
แต่ตอนนี้ดูแล้ว พระชายาดูแลทุกอย่างในจวนอ๋อง แม้แต่ท่านอ๋องก็ถูกนางดูแลเป็นอย่างดี
เห็นได้ชัดว่าดูแลสามีได้อย่างมีหลักการ…..
“พระชายา เต๋อเฟยไม่ชอบท่าน หากได้เจอคุณชายหยวนเป่า เหนียงเหนียงจะต้องดีใจ และก็ดีกับพระชายาแน่”
จางหมัวมัวพูดโน้มน้าวว่า “เป็นการได้ดีพร้อมลูก….”
“ข้าไม่จำเป็นต้องให้ใครดีกับข้า”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย พร้อมลุกเดินออกไป
……
เต๋อเฟยรอนานแล้ว ก็ไม่ให้โม่เยว่กลับมา
ดูเวลาก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว หนังตาของนางหย่อนลง อดทนไม่ไหวแล้ว เพราะเหงื่อไหลแล้วโดนลม ตอนนี้จึงรู้สึกเวียนหัวตาลาย
ดังนั้นจึงให้หลี่หมัวมัวกับเซี่ยอี่ว พานางกลับตำหนักหย่งโซ่ว
เมื่อเข้ามาในตำหนัก เห็นโม่เฟยเฟยยังไม่หลับ นางก็พูดตำหนิขึ้นมาทันทีว่า “เจ้านังลูกคนนี้ คืนวันนี้เจ้างแม่ของเจ้าว่างมากใช่ไหม?”
“เสด็จแม่ ข้าทำอะไร?”
โม่เฟยเฟยมุดออกมาจากใต้ผ้าห่ม
เสด็จแม่ไม่ได้ยิ้มหน้าบานกลับมาเหมือนอย่างที่คิดไว้ กลับสีหน้าขุ่นเคือง เดินเหินก็โซเซ
“เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไร?”
โม่เฟยเฟยลงจากเตียงมาอย่างตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านออกจากวังไปหาหลานชายสุดที่รักไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงโกรธโมโห? ไม่ได้เจอหยวนเป่าหรือ?”
“เจอแล้ว”
เต๋อเฟยนั่งลงด้านข้างอย่างโกรธเคือง
ดื่มชาร้อนไปหลายแก้ว แล้วค่อยถลึงตาใส่นาง พร้อมพูดถึงว่า “เฟยเฟย สายตาเจ้าไม่ดีเลย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกนอกคอกของคนใช้”
“ดูท่าทางเหมือนพวกขโมย ยังขี้ขลาดหวาดกลัว ข้าพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ตกใจร้องไห้แล้ว”
“ไม่เหมือนพี่ชายเจ็ดของเจ้าเลย ไม่เหมือนแม้แต่หยุนหว่านหนิงด้วยซ้ำ”
เห็นเต๋อเฟยกัดฟันก่นด่า โม่เฟยเฟยรู้สึกสงสัย
พวกนางเห็นเด็กคนคนเดียวกันหรือเปล่า?