อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 107 สงสัยหยุนหว่านหนิง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 107 สงสัยหยุนหว่านหนิง
เต๋อเฟยเดาไม่ถูก หยุนหว่านหนิงหมายความว่ายังไงกันแน่ ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรไปเรื่อย
เพียงเห็นแววตาฮองเฮาจ้าวหม่นลง แต่ไม่ช้าก็เผยรอยยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “มีคำพูดนี้ของพระชายาหมิง ข้าก็วางใจแล้ว เจ้าดูแลเต๋อเฟยให้ดีนะ”
นางมองดูหยุนหว่านหนิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง
“ในเมื่อจะปรนนิบัติดูแล ก็จะเหลวไหลไม่ได้ ต้องให้เต๋อเฟยหายเร็ว”
พูดเสร็จ ฮองเฮาจ้าวก็ลุกขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เต๋อเฟยพักรักษาตัวให้ดี พรุ่งนี้ข้าค่อยมาเยี่ยมเจ้า”
ฮองเฮาจ้าวกลับไปแล้ว
นางเพิ่งกลับไป เต๋อเฟยก็คว้าเอาหมอนข้างมือโยนออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ไร้เหตุผลสิ้นดี”
หากหยุนหว่านหนิงหลบไม่ทัน หมอนก็คงโยนถูกหน้าของนางแล้ว
เต๋อเฟยโกรธจนสีหน้าขาวซีด ฟุบอยู่บนเตียงพร้อมพูดขึ้นอย่างหายใจแรงว่า “หลายปีมานี้ ข้าอดทนหลีกเลี่ยงมาตลอด นางกลับเห็นว่าข้าอ่อนแอ น่ารังแก”
“กล้ามายั่วยุให้ข้าไปแย่งชิงกับจิ้งกุ้ยเหริน”
ใครไม่รู้บ้าง โม่จงหรานไม่ชอบให้สนมวังหลังแย่งชิงกันที่สุด?
นางเป็นถึงเต๋อเฟย กลับไปแย่งชิงกับกุ้ยเฟยคนหนึ่ง คู่ควรตรงไหน?
“หากข้าเป็นคนขี้อิจฉา หลายปีมานี้จะอยู่อย่างสงบข้างกายฮ่องเต้ได้อย่างไร?”
ถึงนางจะเป็นคนตรง แต่ก็ใช่ว่าไม่มีหัวคิด
รู้ว่าโม่จงหรานเป็นกษัตริย์ เป็นของนางคนเดียวไม่ได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้โม่จงหรานโปรดสนมคนอื่น เต๋อเฟยก็ปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจของตนที่เกลียดเแค้น ให้กลายเป็นสงบจิตใจ จนตอนนี้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว
เพราะนางรู้จักหักห้ามตนเอง จึงที่คนโปรดของโม่จงหรานมานานหลายปี
“เหนียงเหนียงอย่าโมโห”
เห็นเต๋อเฟยโกรธโมโหจนไอ หลี่หมัวมัวรีบมาลูบหลังให้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงมีนิสัยยังไง หลายปีมานี้เหนียงเหนียงรู้ดีที่สุด”
“ในเมื่อรู้ดีว่าฮองเฮาตั้งใจยั่วยุ อยากทำให้เหนียงเหนียงโกรธ….”
“ตอนนี้เหนียงเหนียงกำลังป่วยหนัก จึงไม่ควรโกรธโมโหเพราะเรื่องนี้”
หยุนหว่านหนิงก็ค่อนข้างแปลกใจ
ปกติเห็นเต๋อเฟยเป็นคนวู่วาม ยังคิดว่านางเป็นคนโมโหร้าย กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีความคิดแบบนี้?
“เจ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม?”
เห็นนางยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง เต๋อเฟยก็พูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังไม่รีบตรวจมาดูอาการให้ข้า ข้าโกรธโมโหจนส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือเปล่า?”
พูดเสร็จ นางก็ยื่นมือออกมาอย่างโมโห ขมวดคิ้วกวาดสายตามองดูหยุนหว่านหนิงแวบหนึ่ง
ในเมื่อนางรับปากจะอยู่ดูแลรักษา…..
หลี่หมัวมัวพูดถูก ร่างกายสำคัญที่สุด
ขอเพียงร่างกายดีขึ้นมา ต่อไปจะได้รับมือกับฮองเฮาจ้าวต่อ
หยุนหว่านหนิงค่อยได้สติกลับมา รีบตรวจชีพจรให้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง สภาพจิตที่แย่จึงนำไปสู่ความเจ็บปวดทางร่างกาย ดังนั้นจึงทำให้ล้มป่วย”
“หลี่หมัวมัว เอาใบสั่งยาที่โรงหมอหลวงเขียนให้เสด็จแม่มาให้ข้าดูที”
ในเมื่อพูดว่าจะดูแลรักษาเต๋อเฟย นางก็ต้องตั้งใจถึงจะถูก
หลี่หมัวมัวมองดูเต๋อเฟยแวบหนึ่ง แล้วก็ไปเอามา
“เจ้าจะไม่ทำร้ายข้าใช่ไหม?”
เต๋อเฟยมองดูหยุนหว่านหนิงอย่างหวาดระแวง พร้อมพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้ที่ข้าล้มป่วย ก็เป็นเพราะเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงควรดูแลข้า”
“เสด็จแม่วางใจ เรื่องนี้ลูกสะใภ้จะรับผิดชอบเอง”
หยุนหว่านหนิงพูดตอบด้วยเสียเบา
นางว่าง่ายขนาดนี้?
เต๋อเฟยมองดูนางอย่างสงสัย มักรู้สึกว่านางคิดจะทำอะไรบางอย่าง ในใจคิดอะไรไม่ซื่อ…..
“ดีที่สุดเจ้าอย่าคิดไม่ดี ไม่อย่างนั้นฮ่องเต้กับเยว่เอ๋อร์ ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
นางข่มขู่หยุนหว่านหนิง
เผชิญกับการที่นางข่มขู่ หยุนหว่านหนิงไม่โกรธ กลับยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ท่านอย่าเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษสิ”
“ลูกสะใภ้งานยุ่งมาก ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะดูแล ก็จะไม่มีทางหาเรื่องให้ตนเอง ยังไงก็จะรักษาท่านให้ดี”
นางเห็นว่านางว่างมากจริงหรือ
“เจ้ามีงานยุ่งอะไร? ยุ่งกับการคิดบัญชีซื่อเสวียหรือ?”
เต๋อเฟยเหลือบมองดูนางแวบหนึ่ง
ลมหายใจขุ่นเคืองของหยุนหว่านหนิงติดอยู่ตรงลำคอ เดิมอยากที่จะระบายออกมา แต่เห็นสีหน้าที่ขาวซีดของเต๋อเฟย…
ช่างเถอะ ช่างเถอะ
นางเป็นคนป่วย นางเป็นคนป่วย
หยุนหว่านหนิงพูดอยู่ในใจหลายรอบ แล้วค่อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนอารมณ์ขุ่นเคืองนี้ลงไป
“เสด็จแม่ ท่านวางใจ หากฉินซื่อเสวียตั้งใจเป็นพระชายาหยิงของนางไป ไม่ต้องมาคิดทำร้ายข้ากับท่านอ๋อง ลูกสะใภ้ก็ใช่ว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล ไม่ไปหาเรื่องนางก่อนแน่”
“เจ้าใจกว้างได้ถึงขนาดนี้หรือ?”
เต๋อเฟยยังคงสงสัย
หยุนหว่านหนิง “……”
“เจ้าไม่พูด แสดงว่ารู้สึกผิด?”
เต๋อเฟยถามต่อ
หยุนหว่านหนิงอยากเอาเข็มด้าย เย็บปากที่พูดไม่หยุดของนางไว้
พูดกับเต๋อเฟยนั้นเหนื่อยมาก เหมือนสีซอให้ควายฟัง นางไม่พูดอะไรจะดีกว่า
ดีที่เวลานี้ หลี่หมัวมัวเอายากลับมาแล้ว
หยุนหว่านหนิงเปิดดู ยาพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นยาแก้ร้อนใน แต่ไม่มียาชนิดขับความเย็น และส่วนผสมของยาก็ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล ตรงกันข้ามจะยิ่งทำให้ร้อนในรุนแรงขึ้น
หากเต๋อเฟยดื่มยานี้ทุกวัน จะยิ่งอยู่อาการก็ยิ่งรุนแรง
ดังนั้น นางหยิบสมุนไพรหลายชนิดออกมา แล้วเขียนใบสั่งยาให้หลี่หมัวมัวใหม่ สั่งนางไปยังโรงหมอหลวง เอายาพวกนี้กลับมา
หลังจากเต๋อเฟยอนุญาตหลี่หมัวมัวแล้ว ก็ถือใบสั่งยาแล้วก็เดินออกไป
เห็นหยุนหว่านหนิงพิจารณาดูยาสมุนไพรพวกนั้นอย่างครุ่นคิด เต๋อเฟยก็อดไม่ได้ที่จะถามนางขึ้นว่า “หยุนหว่านหนิง ข้ามีความสงสัยในใจอยากที่จะถามมาตลอด”
“เสด็จแม่เชิญถาม”
“เจ้าถูกเยว่เอ๋อร์กักบริเวณอยู่ในเรือนชิงหยิ่งสี่ปีไม่ใช่หรือ? ฝีมือการรักษานี้เจ้าไปเรียนมาจากใคร?”
เต๋อเฟยขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้เคยพูด ฝีมือการรักษาของเจ้าน่าจะอยู่เนื้อกว่าหมอหลวง ข้าสงสัยอย่างมาก เมื่อสี่ปีก่อนทำไมเจ้าถึงไม่มีฝีมือการรักษา?”
พวกหมอหลวงพวกนั้น ต่อให้เรียนจนชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น
แต่หยุนหว่านหนิง เวลาสั้นๆเพียงแค่สี่ปี ก็สามารถเรียนรู้ฝีมือการรักษาได้ถึงขนาดนี้?
“ถึงข้าจะเกลียดเจ้า แต่เจ้าเมื่อสี่ปีก่อนกับสี่ปีหลัง ทำให้ข้าค่อนข้างแปลกใจยิ่งนัก”
เต๋อเฟยมองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคือหยุนหว่านหนิงจริงๆหรือ? ไม่ได้ถูกคนแอบอ้าง?”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นว่า “แอบอ้าง?”
“เสด็จแม่ ใครไม่รู้บ้างว่าพระชายาหมิง เป็นที่เกลียดชังของผู้คนที่สุด? ต่อให้ยอดฝีมืออยากจะแอบอ้าง ก็คงไม่มีทางแอบอ้างคนที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ เป็นที่รังเกียจของทุกคนอย่างข้ามั้ง?”
“ความจริงก็ถูก”
เต๋อเฟยพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งานฝีมือการรักษาของเจ้า จะอธิบายยังไง?”
“ข้าเฉลียวฉลาดมีพรสวรรค์ไม่ได้หรือ?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างน่าขำ
เต๋อเฟยพูดขึ้ว่า “…..เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เมื่อก่อนเจ้าโง่ยิ่งกว่าหมูตัวหนึ่ง?”
หากไม่โง่ ทำไมถึงวางแผนคิดทำร้ายโม่เฟยเฟย โม่เยว่ แล้วก็ฉินซื่อเสวีย?
คนพวกนี้ ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
กล้าวางแผนทำร้ายคนในราชวงศ์ ถือเป็นการท้าทายอำนาจผู้ยิ่งใหญ่
คืนที่แต่งงานกับโม่เยว่ ยังคบชู้กับบ่าวใช้…..แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่ให้เรียกว่าอะไร
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ จะพูดคุยก็พูดดีดี หากยังพูดโจมตีข้าตลอด ข้าจะไม่สนใจท่านแล้วนะ”
ตอนนี้เต๋อเฟยรู้แล้วนางเป็นยังไง
พูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ นางก็เคยชินแล้ว
นางกำลังอ้าปากพูด ก็เห็นหลี่หมัวมัวเดินเข้ามาอย่างโกรธโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง พระชายา ข้าน้อยโกรธมากเลย”
หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองดู เห็นสีหน้าของนางบูดเบี้ยว ในมือยังถือใบสั่งยาใบนั้นไว้ จึงเลิกคิ้วพร้อมถามขึ้นว่า “หลี่หมัวมัว นี่เกิดอะไรขึ้น?”