อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 123 ไม่นับเขาเป็นพ่อ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 123 ไม่นับเขาเป็นพ่อ
“ได้ ข้าจะไปจวนอ๋องโจวกับเจ้า”
โม่เยว่มองนางอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองยังไม่ทันออกประตู เสียงของหยวนเป่าก็ดังมาจากด้านหลัง “หยุดนะ! พวกท่านหยุดเดี๋ยวนี้!”
หยุนหว่านหนิงหันไปดู ก็เห็นหยวนเป่าเจ้าก้อนแป้งตัวกลมดิก ‘กลิ้ง’ มาทางพวกเขา
“หยุดนะ! ใครก็ห้ามไปทั้งนั้น!”
หยวนเป่าวิ่งกระหืดกระหอบมา ดึงมือของทั้งสองไว้ “พวกท่านมากับข้า ข้ามีเรื่องจะพูด”
เขาทำหน้าขึงขัง ดวงหน้าเล็กๆ จริงจังอย่างยากจะพบเห็น
เมื่อเห็นดังนั้นหยุนหว่านหนิงก็อดสบตากับโม่เยว่ไม่ได้ “เจ้าลูกชาย มีอะไรหรือ”
“ห้ามพูด!”
หยวนเป่ามองนางทีหนึ่ง ไม่พูดไม่จา เอาแต่จูงพวกเขาไปยัง…สุมทุมพุ่มไม้ในสวน
“จะให้คนรับใช้เห็นไม่ได้ พวกท่านจะได้ไม่ขายหน้า มีผู้ใหญ่อย่างพวกท่านที่ไหนกัน ให้ข้าสบายใจหน่อยได้หรือไม่ ท่านตาทวดให้การบ้านข้ามากมาย ข้าไม่มีเวลาจะคุมพวกท่านหรอกนะ!”
หยวนเป่าเอามือกอดอก สั่งสอนทั้งสองด้วยท่าทางที่เหมือนผู้ใหญ่
หยุนหว่านหนิง “?”
โม่เยว่ “?”
เจ้าเด็กนี่ไปฟังเรื่องอะไรมาอีก
หยุนหว่านหนิงยื่นมือ แตะที่หน้าผากของหยวนเป่า “ไม่มีไข้นี่ พูดเพ้ออะไร”
ไหนเลยจะรู้ว่าหยวนเป่าจะปัดมือของนาง “ไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้าเลย! บอกมาเสียดีๆ ทำไมพวกท่านต้องทะเลาะกันด้วย”
ทะเลาะ?
อ้อ หยุนหว่านหนิงเข้าใจแล้ว
ที่แท้ที่เจ้าเด็กนี่รีบร้อนวิ่งมาหาพวกเขา ก็เพราะเรื่องนี้น่ะหรือ
เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ตอนที่อยู่ตรงปากประตู ทะเลาะกันจริงๆ นั่นแหละ…สีหน้าหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่พลันไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย นางกระแอมกระไอสามหนด้วยความละอายใจ “เออคือ เจ้าลูกชาย…”
“ทำไมต้องตีกัน!”
หยวนเป่าทำหน้าขึงขังถาม ไม่เปิดโอกาสให้นางพูด
ตีกัน?!
ข่าวลือนี้จะเลยเถิดไปหน่อยแล้ว!
พวกเขาไม่ได้ลงไม้ลงมือกันสักหน่อย!
หยวนเป่าดึงมือของหยุนหว่านหนิง มองข้อมือที่แดงเป็นปื้น เขาเป่าลมกับนางด้วยความปวดใจ จากนั้นก็ทำหน้าตึงถลึงตากับโม่เยว่แบบโมโหพลุ่งพล่าน “ท่านคือคนโกหก!”
“ยังจะพูดอีก ว่าขอเพียงข้านับท่านเป็นพ่อแล้ว ท่านจะดีต่อข้ากับท่านแม่!”
“ข้ายังไม่ทันจะรับปาก ท่านก็ลงมือลงไม้กับท่านแม่ของข้าแล้ว! ท่านแม่เคยบอกว่าผู้ชายที่ใช้กำลังกับครอบครัวจะเอาไว้ไม่ได้! ฉะนั้นข้าไม่สามารถนับท่านเป็นพ่อได้!”
โม่เยว่ “…”
เขาเหงื่อตกท่วมตัว
ครั้นเห็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ตรงหน้าโกรธจนน้ำตาไหลแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ใช่ หยวนเป่า เจ้าฟังข้าอธิบาย…”
“ท่านไม่ต้องอธิบาย! อธิบายก็คือการกลบเกลื่อน! กลบเกลื่อนก็คือปิดบังข้อเท็จจริงที่เป็นความจริง!”
ปากน้อยๆ ของหยวนเป่านี้ ได้รับการถ่ายทอดความสามารถในการเจรจาพาทีจากหยุนหว่านหนิงโดยแท้ เพียงคำพูดสั้นๆ กลับทำจนโม่เยว่ใบ้รับประทานพูดไม่ออก
หยุนหว่านหนิงวางแผนว่าจะช่วยเขาอธิบาย “เจ้าลูกชาย…”
“ท่านเงียบเลย!”
หยวนเป่าถลึงตามองนางด้วยความโมโหทีหนึ่ง “ใครก็ห้ามช่วยเขาพูด!”
“ตอนนี้ร่ำลือไปทั่วจวนแล้ว บอกว่าพวกท่านทะเลาะกัน ยังตบตีกันแบบเอาเป็นเอาตาย! คนรับใช้ของเรือนชิงหยิ่งกำลังเก็บข้าวของวางแผนหนีเอาชีวิตรอด! บอกว่าเขาใส่อารมณ์กับท่าน พอท่านกลับไปก็ต้องระบายอารมณ์กับพวกเขาแน่!”
หยุนหว่านหนิง “…”
เป็นผู้หญิงปากมากรักการนินทาพวกไหนอีกเนี่ย!
“หรูอวี้เป็นคนบอก!”
ไม่รอให้นางถาม หยวนเป่าก็บอกว่า ‘ผู้หญิงปากมาก’ คือใครแล้ว “พวกเขาให้ข้ารีบมา หากช้าอีกนิดเดียวท่านแม่ของข้าก็จะถูกตีตายแล้ว!”
กล่าวจบ หยวนเป่าก็ “จ้า” ร้องไห้โฮ
หยุนหว่านหนิงตัวแข็งทื่อยืนอยู่กับที่
“หรูอวี้เจ้าคนบัดซบน่าตาย!”
โม่เยว่โมโหพลุ่งพล่านออกจากสุมทุมพุ่มไม้ ดูจากท่าทางของเขาคือจะไปคิดบัญชีกับหรูอวี้
หยุนหว่านหนิงปลอบประโลมอยู่นาน จึงปลอบหยวนเป่าให้สงบได้
“ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่นับเขาเป็นพ่อ!”
หยวนเป่าสูดลมหายใจ ดวงหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ถ้าเขายังลงมือกับท่าน ข้าจะพาท่านไปบ้านท่านตาทวด! พวกเราไม่ต้องการเขาแล้ว!”
เสียงเด็กน้อยมีความหนักแน่นเต็มเปี่ยม
วาจาเด็กน้อยไม่ควรถือสา บริสุทธิ์ทั้งน่ารัก
หยุนหว่านหนิงจะร้องไห้ก็ไม่ใช่ จะหัวเราะก็ไม่ใช่
นางปาดน้ำตาบนใบหน้าหยวนเป่าด้วยความเอ็นดู “เขาไม่ได้ลงมือกับข้า! ข้ายังหยิกเขาเจ็บด้วยแน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว หยวนเป่าจึงวางใจเล็กน้อย
สมัยนี้ จะเป็นเด็กน้อยที่ไร้ทุกข์ไร้กังวลช่างลำบากเหลือเกิน!
ใครให้เขามีพ่อแม่ที่ทำให้คนต้องเป็นห่วงตลอดเวลาเล่า!
หยวนเป่าปิดหน้าถอนใจ
หลังจากหยุนหว่านหนิงส่งเขากลับเรือนชิงหยิ่งแล้ว พอออกมาก็เห็นโม่เยว่ถือดาบอยู่ในมือ… “เจ้าทำอะไรน่ะ ถือดาบวิ่งไปทั่วจวน จะฆ่าคนหรือ”
“สามวันนี้ หรูอวี้ต้องไม่กล้ากลับมาแน่ ถ้าเขากล้ากลับมา ข้าจะสับเขา!”
เห็นท่าทางยักษ์ร้ายของโม่เยว่แล้ว หยุนหว่านหนิงก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
ท่าทางของเขาแบบนี้ หรูอวี้ต้องไม่กล้ากลับมาแน่
“ไปจวนอ๋องโจวก่อนเถอะ”
เอาไว้นางกลับมาแล้ว ก็ต้องจัดการกับคนรับใช้ในเรือนชิงหยิ่งให้ดีแล้ว
‘ใจทหารหย่อนยาน!’
ไม่นานทั้งสองคนก็ถึงจวนอ๋องโจว
ประตูใหญ่จวนอ๋องโจวปิดสนิท ห่วงหน้าประตูมีสนิมขึ้น เห็นได้ว่าไม่มีคนมานานแรมปี บัดนี้เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่นอกประตูจวนอ๋องโจวกลับเย็นยะเยือก ใบไม้ที่ร่วงตรงมุมกำแพงล้วนยังไม่ได้ทำความสะอาด
เห็นได้ว่าเงียบเหงาไร้แขกมาเยือน
หยุนหว่านหนิงเกิดความรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย
หรูโม่เดินไปเคาะประตู อยู่นานกว่าจะมีเสียงสูงวัยดังมา “ใครน่ะ”
ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ชายอายุอานามร่วมหกสิบปรากฏอยู่หลังประตู
ครู่หนึ่ง เขาจึงพอรู้จักผู้ที่อยู่ตรงหน้าว่าคือโม่เยว่ ตกตะลึง “อ๋อง อ๋องหมิง?!”
“ลุงเฉิน”
โม่เยว่พยักหน้าอย่างเกรงใจ “ลำบากเจ้าที่ยังจำข้าได้”
ลุงเฉินท่านนี้ คือพ่อบ้านของจวนอ๋องโจว
ได้ยินว่าเป็นลูกของบ่าวไพร่ในตระกูลเฉิน ปีนั้นเข้าวังกับเฉินกุ้ยเฟยเป็นขันที ภายหลังเฉินกุ้ยเฟยเสียชีวิต เขาจึงอยู่ข้างกายโม่เหว่ยตลอด
“มิกล้า มิกล้า”
ลุงเฉินรีบเบี่ยงตัว “เชิญท่านอ๋อง”
โม่เยว่พาหยุนหว่านหนิงเข้าจวนอ๋องโจว ลุงเฉินมองรอบๆ ก่อนจะปิดประตู
ด้านนอกเงียบสงัด ด้านในก็เช่นกัน
จวนอ๋องโจวเงียบเชียบ
แม้จะเป็นเวลากลางวัน ก็ไม่ได้ยินเสียงคนสนทนา เงียบกริบทุกที่
มุมกำแพงด้านล่างมีตะไคร่ขึ้นเต็มไปหมด ต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยเกาะอยู่ทั่วกำแพง
จวนนี้ประหนึ่งไร้ผู้อยู่อาศัย
แม้แต่อากาศ หยุนหว่านหนิงยังได้กลิ่น ‘วิเวก’ อันปราศจากคนถามถึง
เมื่อลุงเฉินเห็นพวกเขายืนอยู่ในลานบ้านก็ยิ้ม “ขอท่านอ๋องและพระชายาอย่าได้รังเกียจ จวนอ๋องโจวของพวกเราไม่มีคนมาเยือนหลายปีแล้ว อ๋องหมิงและพระชายายังเป็นกลุ่มแรกขอรับ”
กล่าวจบ เขาก็รินน้ำชาให้พวกเขาด้วยตนเอง
เมื่อเห็นว่าเขายังทำเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ หยุนหว่านหนิงก็อดถามขึ้นไม่ได้ “จวนอ๋องโจวไม่มีคนรับใช้หรือ”
“มีสาวใช้สองคนขอรับ คนหนึ่งทำความสะอาด อีกคนทำอาหาร”
นอกจากนี้ก็ไม่มีคนรับใช้ปรนนิบัติแล้ว
ลุงเฉินอธิบาย “ท่านอ๋องของพวกเรารักความสงบ ดังนั้นหลายปีก่อนจึงขับคนรับใช้ทั้งหมดออกไป เหลือคนไว้ใช้สอยก็พอแล้ว เคยชินแล้วด้วย”
ได้ยินดังนั้น หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็นิ่งงัน
ตอนนี้เอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงไอดังมาเป็นระยะ
เสียงไอถี่มากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ไอราวกับจะไอเอาปอดออกมาแล้ว
สีหน้าลุงเฉินพลันเปลี่ยน รีบลุกขึ้นแล้วออกไป
เมื่อเห็นสถานการณ์ หยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ก็รีบลุกขึ้นจะออกไปด้วย
แต่พอถึงปากประตู เงาร่างบอบบางมิอาจต้านลมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา “วันนี้กลับแปลกพิเศษ มีแขกมาเยือนด้วย?”
ผู้ที่มาก็คืออ๋องโจว โม่เหว่ย
เขาค่อยๆ เข้าประตูมาด้วยการประคับประคองของลุงเฉินสายตาจ้องโม่เยว่เขม็ง…