อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 133 ดูละคร ปล่อยให้นางอยู่คนเดียว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 133 ดูละคร ปล่อยให้นางอยู่คนเดียว
โม่หุยเฟิงกลับมาเร็วมากจริงๆ
หนังสือรับผิดของเขามาถึงเมืองหลวงก่อนเขาก้าวหนึ่ง หลังจากที่มอบหนังสือรับผิดแล้วเขาก็รีบเดินทางกลับเมืองหลวงทันที ตลอดทางนี้โม่หุยเฟิงไม่ได้เป็นกังวลมากนัก คิดว่าเมื่อโม่จงหรานได้เห็นหนังสือรับผิดของเขาแล้วก็จะเข้าใจถึงความลำบากใจของเขาอย่างแน่นอน
เข้าใจแล้ว ก็จะให้อภัย
อย่างไรเสียในหนังสือรับผิดของเขา ก็เขียนด้วยความรู้สึกเศร้าโศกเป็นที่สุด ท่าทีความรู้สึกที่จริงใจนั่นแม้แต่เขาเองก็ถูกทำให้ซาบซึ้งแล้ว
เสด็จพ่อเป็นคนที่มีความรู้สึกมีเหตุผล จะต้องถูกหนังสือรับผิดของเขาทำให้เกิดความเห็นใจได้แน่!
ด้วยเหตุนี้ โม่หุยเฟิงจึงกลับมาเมืองหลวงด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะออกจากจวนอ๋องหมิง ก็เห็นเขาขี่ม้าผ่านไปจากถนนฉางอัน กำลังมุ่งไปทางพระราชวัง
เขาควบม้าด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมไม่ว่อกแว่ก และในสายตาก็ไม่ได้พบเห็นความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ดูท่า วันนี้ที่เข้าวังเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าโม่จงหรานจะทำอะไรกับข้า
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองไป โจวหยิงหยิงกำลังดึงหนานกงเยว่อยู่พอดี ทั้งสองคนก็อยู่ในฝูงชนมองดูโม่หุยเฟิงควบม้าไปไกลๆ นางหรี่ตาลง เดินผ่านฝูงชนเข้าไป
“พี่สะใภ้ใหญ่พี่สะใภ้รอง”
เห็นหยุนหว่านหนิงมา มีพริบตาหนึ่งที่สีหน้าของทั้งสองคนไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ไม่ช้า โจวหยิงหยิงก็ยิ้มแล้วดึงมือนางมา “หนิงเอ๋อร์ก็มาด้วยเหรอ? พวกเรายังคิดว่า เจ้าไม่ใช่คนที่ชอบดูความสนุกครึกครื้นซะอีกน่ะ ดังนั้นจึงไม่ได้รอเจ้า”
“ใครบอกว่าข้าไม่ชอบดูความสนุกครึกครื้นกันเพคะ?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “ต่อไปนี้มีความสนุกเช่นนี้ให้ดู โปรดพาข้ามาด้วยทันทีเลยได้หรือไม่เพคะ?”
“ได้ได้ได้”
โจวหยิงหยิงคล้องแขนนางข้างหนึ่ง คล้องแขนหนานกงเยว่ข้างหนึ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเรารีบเข้าวังกันเถอะ! ไปสายแล้วกลัวว่าจะไม่มีที่ดูความสนุกดีๆแล้ว”
ตอนนี้โม่หุยเหยียนไม่กี่คนพี่น้อง ล้วนรู้ว่าโม่หุยเฟิงกลับเมืองหลวงแล้ว จะต้องมีเหตุการณ์“ลมฝนกลิ่นคาวเลือด”เป็นแน่
มีเพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่ไม่รู้
ดังนั้นเมื่อได้รู้ว่าโม่หุยเฟิงกลับมาเมืองหลวง คนในวังล้วนคิดหาวิธีการ ไปดูความตื่นเต้นกันใกล้ๆห้องทรงพระอักษรอย่างแน่นอน
เป็นดั่งที่โจวหยิงหยิงกล่าว ไปสายแล้วกลัวว่าจะไม่มีที่ดีๆ
ด้วยเหตุนี้ พี่น้องสะใภ้ทั้งสามจึงควงแขนกันเข้าวังแล้ว
โม่หุยเฟิงได้ไปพบโม่จงหรานที่ห้องทรงพระอักษรแล้ว พวกหยุนหว่านหนิงสามคนเพิ่งจะเข้าวัง ก็เห็นจางหมัวมัวประคองฮองเฮาจ้าว ไปทางห้องทรงพระอักษรด้วยสีหน้าท่าทางอันเร่งรีบเหมือนกัน
เห็นหนานกงเยว่อยู่กับพวกหยุนหว่านหนิง…….
ในดวงตาของฮองเฮาจ้าวก็มีความไม่พอใจแวบผ่านก่อนเล็กน้อย
แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ จากนั้นก็พยักหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มต่อทันที “เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่! ในวันปกติก็ควรจะสนิทสนมกับพวกนาง”
“ข้าเข้าไปก่อนแล้ว”
หลังจากที่นางจากไป หยุนหว่านหนิงสบตากับโจวหยิงหยิงแวบหนึ่ง ทั้งสองคนมองไปทางหนานกงเยว่
โจวหยิงหยิงเป็นคนตรงไปตรงมา เอ่ยถามขึ้นตรงๆว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เสด็จแม่กินยาผิดรึเปล่าเพคะ?”
“อย่าพูดเหลวไหล หากถูกได้ยินเข้าเจ้าก็จะโดนสั่งสอนอีก”
หนานกงเยว่เตือนเบาๆ
โจวหยิงหยิงบุ้ยปาก ไม่เห็นด้วย
ฮองเฮาจ้าวเพิ่งจะเดินผ่านไป ฉินซื่อเสวียก็มาด้วยแล้ว
นางยังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังแท้งลูก บนหน้าผากสวมผ้าปิดหน้าผาก สวมใส่เสื้อผ้าหนามาก บำรุงมาหลายวันแล้ว แต่สีหน้าก็ยังคงย่ำแย่อย่างผิดปกติ
เห็นพวกหยุนหว่านหนิงสามคน จิตใจของฉินซื่อเสวียก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
นางรู้ว่า พวกนางทั้งสามคนจะต้องมาดูความสนุกเป็นแน่!
แต่สิ่งที่ทำให้คนสงสัยคือ……หนานกงเยว่และโจวหยิงหยิง ทำไมถึงได้อยู่กับหยุนหว่านหนิงได้?
พวกนางสามคน มีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผู้หญิงสามคนละครฉากหนึ่ง
พวกนางรวมตัวอยู่ด้วยกัน จะต้องพูดจาว่าร้ายนางเป็นแน่สินะ? !
ฉินซื่อเสวียเกลียดหยุนหว่านหนิงเข้ากระดูกดำอยู่นานแล้ว
“พระชายาหยิง”
เห็นฉินซื่อเสวียเดินเข้ามาใกล้ หยุนหว่านหนิงกลับริเริ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าสุขภาพร่างกายของพระชายาหยิงดีขึ้นมาบ้างแล้วหรือไม่เพคะ? เดิมทีคิดจะไปเยี่ยม แต่ทำอะไรไม่ได้เสด็จแม่มีคำสั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเข้าออกจวนอ๋องหยิงได้”
“ดังนั้น…….”
“ขอบใจมากที่เป็นห่วง ข้าสบายดีมาก”
ฉินซื่อเสวียแสร้งยิ้ม
นางมองไปทางโจวหยิงหยิงและหนานกงเยว่ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง บังเอิญจังเลยเพคะ”
“บังเอิญ? นี่พวกเราตั้งใจมา”
โจวหยิงหยิงเหล่มองนางแวบหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่โจวหยิงหยิงพูด…….ลับหลังฉินซื่อเสวีย ว่านางเป็นคนไร้เหตุผล โจวหยิงหยิงจึงไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อนางเลยแม้แต่น้อย
ในปกตินางก็รู้สึกว่าฉินซื่อเสวียเสแสร้งมาก
เมื่อได้เห็นวันนี้ ก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ
ผู้หญิงคนนี้ พูดจาว่าร้ายนางลับหลังมากมายขนาดนั้น ตอนนี้ทำไมถึงยังได้เผชิญหน้ากับนางด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มได้อีก? !
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ดีของโจวหยิงหยิง ฉินซื่อเสวียก็มั่นใจยิ่งขึ้นว่า หยุนหว่านหนิงจะต้องยุแยงความสัมพันธ์ของพวกนางเป็นแน่!
“พี่สะใภ้รอง นี่พวกท่านต้องการจะไปที่ไหนเพคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซื่อเสวียมีความฝืนมากขึ้น
“ดูเรื่องสนุกน่ะสิ!”
โจวหยิงหยิงคิดตรงปากไว “อ๋องหยิงของพวกเจ้ากลับเมืองหลวงแล้ว ไปที่ห้องทรงพระอักษรเมื่อครู่นี้! ดังนั้นพวกเราจึงกำลังรีบตามเข้าไป ดูซิว่าเสด็จพ่อจะจัดการกับเขาอย่างไร”
ใบหน้าเล็กๆของฉินซื่อเสวียซีดทันที
หากไม่ใช่เพราะจื่อซูประคองนางไว้ เกรงว่านางก็คงจะโกรธจนเป็นลมล้มลงพื้นไปโดยตรงแล้ว
นางกำผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือไว้แน่น “พี่สะใภ้รองชอบล้อเล่นจริงๆ”
คำนี้ คล้ายกับจะเค้นออกมาจากซอกฟัน!
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย”
โจวหยิงหยิงยิ้มเยาะมองดูนางแวบหนึ่ง “เจ้าน่าจะรู้ ความผิดอันใหญ่หลวงที่อ๋องหยิงทำ พูดมาทั้งหมด ก็ล้วนเป็นเพราะเจ้าน่ะ!”
“ฉะนั้นวันนี้ เสด็จพ่อจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่!”
ร่างกายของฉินซื่อเสวียสั่นเทาทันที
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะหยุนหว่านหนิง!
ล้วนเป็นเพราะนังสารเลวคนนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้นางแท้งลูกเท่านั้น ยังจะทำให้ถูกเสด็จพ่อดุด่า ถูกเสด็จแม่ลงโทษตำหนิ ทั้งยังโดนท่านอ๋องส่งจดหมายกลับมาว่ากล่าวนางด้วยความโกรธเคืองอีกรอบ!
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะป้ายคำสั่งของค่ายห้ากองพล!
หากไม่ใช่เพราะหยุนหว่านหนิงบังคับให้นางไปขโมยป้ายคำสั่ง จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? !
โจวหยิงหยิงพูดถูก วันนี้ท่านอ๋องกลับเมืองหลวง เสด็จพ่อจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน…….
ท่านอ๋องลำบาก เกรงว่านางก็คงจะลำบากยิ่งกว่า!
หลังจากกลับจวน โม่หุยเฟิงจะฆ่านางอย่างแน่นอน!
ฉินซื่อเสวียแยกจากไปด้วยจิตใจที่ตื่นตระหนก สีหน้าหวาดกลัว “พี่สะใภ้รอง เสด็จพ่อมีคำสั่งออกมาล่วงหน้าว่า สตรีในวังหลังห้ามเข้าออกห้องทรงพระอักษรตามใจชอบ……..”
“แม้แต่ข้า ก็ต้องรออยู่ด้านนอกน่ะเพคะ”
ความหมายโดยนัย ก็คือวันนี้กำหนดไว้แล้วว่าพวกนางวิ่งมาโดยเปล่าประโยชน์ ให้พวกนางรีบกลับไป
โจวหยิงหยิงหัวเราะขึ้นทันทีโดยไม่คาดคิด “เจ้าอยากจะรออยู่ด้านนอกก็เรื่องของเจ้า”
“ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่เข้าไปไม่ได้เช่นกันก็จริง แต่พวกเราก็สามารถรออยู่ด้านนอกได้เหมือนกันนี่นา! อีกอย่าง เสด็จพ่อก็ทรงอนุญาตให้หนิงเอ๋อร์เข้าออกห้องทรงพระอักษรได้ตามใจชอบตั้งนานแล้ว”
พูดพลาง นางก็มองไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “หนิงเอ๋อร์เข้าไปดูละคร แล้วออกมาบอกพวกเราก็ได้”
หยุนหว่านหนิง: “…….”
โจวหยิงหยิงคนนี้ ดึงความโกรธแค้นเข้ามาได้ง่ายจริงๆ!
ตัวนางเองไม่พอใจฉินซื่อเสวีย แต่กลับดึงนางเข้ามาด้วยแล้ว!
ทว่าระหว่างนางและฉินซื่อเสวีย ก็มีบัญชีให้สะสางจริงๆ ต่อกรกับนางพร้อมกับโจวหยิงหยิง ก็ไม่ได้เป็นอะไร
ด้วยเหตุนี้หยุนหว่านหนิงจึงหัวเราะเบาๆ “พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ เสด็จแม่ก็เข้าไปในห้องทรงพระอักษรแล้วนี่เพคะ”
ฮองเฮาจ้าวเข้าไป จะต้องเข้าไปปกป้องโม่หุยเฟิงเป็นแน่!
ฉินซื่อเสวียโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ในไม่ช้าจิตใจของนางก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ปาดเหงื่อให้ตัวเอง ให้โม่หุยเฟิงยกหนึ่ง
ถูกพวกนางสามคนทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่สำคัญ ในใจของนางพวกหยุนหว่านหนิงทั้งสามคน ได้ถูกแบ่งแยกไว้ว่าเป็น “ศัตรู” แล้ว
นางไม่รู้ว่า หยุนหว่านหนิงได้แอบ “ขุด” คนรอบตัวของนางไปทีละคนอย่างเงียบๆแล้ว หนานกงเยว่ทั้งสามคนเป็นเช่นนี้ โม่เฟยๆเป็นเช่นนี้ เต๋อเฟยก็เช่นกัน……..
อนาคต สุดท้ายแล้วฉินซื่อเสวียก็ต้องโดดเดี่ยวตัวคนเดียว เผชิญหน้ากับคำวิจารณ์ทุกอย่าง!
ขณะกำลังคิด ทั้งสามสี่คนก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูห้องทรงพระอักษรแล้ว
เวลานี้ ประตูตำหนักของห้องทรงพระอักษรถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน
เห็นเพียงฮองเฮาจ้าวออกมาด้วยความสะบักสะบอมเล็กน้อย……ดูท่าทางนั่น เห็นได้ชัดว่าถูกโม่จงหรานไล่ออกมาแล้ว!