อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 138 ท่านอ๋องไร้ยางอายจริงๆ
“เอ๊ะ!”
หยุนหว่านหนิงตีมือของโม่เยว่ออกไปทันที แววตาที่ดุดันเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นประกายความรักนับหมื่นของมารดาในพริบตา “ลูกชายสุดที่รัก!”
นางเปิดม่านรถม้าขึ้น กระโดดลงไปทันที
“วันนี้เลิกเร็วหรือ? ตาทวดของเจ้าล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงอุ้มหยวนเป่าขึ้นมา
หลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิ หยวนเป่าก็ไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลกู้ไม่กี่วัน ก็อ้วนขึ้นอีกไม่น้อย
ดีที่ตอนนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้น เสื้อผ้าหนาๆที่ขาของเขา ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชั้นเดียวแล้ว
หากสวมเสื้อหนาว เกรงว่าหยุนหว่านหนิงก็คงจะอุ้มเขาไม่ขึ้นแล้ว
“คนรับใช้ของตระกูลกู้มารายงาน บอกว่าวันนี้มีแขกมาเยี่ยม ดังนั้นตาทวดจึงกลับไปก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ และน้าเล็กก็กลับไปที่ตระกูลหยุนเช่นกัน ข้าอยู่คนเดียวน่าเบื่อมากพ่ะย่ะค่ะ!”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรอหยุนหว่านหนิงกลับมาอยู่ที่ประตู
สองมือของหยวนเป่าโอบคอของหยุนหว่านหนิงไว้ เอาหน้าแนบกับใบหน้าของนางด้วยความออดอ้อน “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านจังเลย”
หัวใจของหยุนหว่านหนิงแทบจะละลายแล้ว
นางมองไปที่ท่อนไม้เล็กๆสองสามท่อนบนพื้น กำลังจะเอ่ยถาม เด็กหนุ่มรับใช้ก็ตอบว่า “พระชายา เมื่อครู่ข้าน้อยกำลังนับมดเป็นเพื่อนคุณชายน้อยน่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
นับมด?
ฮือฮือฮือลูกชายช่างน่าสงสารเกินไปหรือไม่?
หยุนหว่านหนิงโอบกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น “ให้รางวัล”
นางหยิบเงินออกมาแท่งหนึ่งจากในช่องว่างแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มรับใช้
เล่นเป็นเพื่อนลูกชายของนาง สมควรได้รับรางวัล!
เด็กหนุ่มรับใช้ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล รีบเอาเงินยัดใส่ไว้ที่หน้าอก แทบอยากจะให้คุณชายน้อยมารอพระชายาที่หน้าประตูทุกๆวันหลังจากนี้ แล้วเขาก็นับมดเป็นเพื่อนเขา…….”
หยุนหว่านหนิงอุ้มหยวนเป่าเข้าไปในประตู
โม่เยว่มองดูท่าทางความสนิทชิดใกล้ของแม่ลูกทั้งคู่ ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน
หยุนเสี่ยวหยวนเจ้าเด็กอัปลักษณ์นี่ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาก็กลับมาด้วย?
ช่วงเวลาระยะนี้ เขาพยายามทุ่มเททุกอย่าง วิธีการอะไรก็ใช้หมดแล้ว แต่เจ้าเด็กอัปลักษณ์นี่ก็ไม่ยอมรับเขาเป็นพ่อ!
จะรู้ได้อย่างไรว่า หยวนเป่าจะตั้งใจทิ้งเขาไว้ลำพัง
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ แต่ก็ฉลาดกว่าเด็กทั่วไป จากปากของแม่นมจางและคนอื่นๆ เขาก็รู้เรื่องที่ท่านแม่ถูกโม่เยว่กักบริเวณไว้สี่ปี
ทั้งยังมีเรื่องที่เต๋อเฟยกับคนอื่นๆที่ทำไม่ดีต่อหยุนหว่านหนิงอีก…….
หยุนเสี่ยวหยวนจงใจ ทำเพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่น่ะ!
เหมือนดั่งที่เขาได้พูดกับหยุนหว่านหนิงก่อนหน้านี้ว่า: ให้พวกเขาอัดอั้นตาย ให้พวกเขากลัดกลุ้มตาย ไม่ยอมรับพวกเขา!
ใครใช้พวกเขามารังแกท่านแม่ล่ะ? !
โม่เยว่ขมวดคิ้วมองดูเงาร่างของสองแม่ลูกหายไปต่อหน้า ตอนนี้ถึงได้ถามหรูอวี้ว่า “หยวนเป่ายังจะชอบของเล่นอะไร? ขนมอะไรอีก? ได้ถามมาชัดเจนแล้วรึยัง?”
รู้ว่าระยะนี้นายท่านของตัวเองถูกบังคับให้ยอมจำนนต่อหน้าของคุณชายน้อย
ช่วยไม่ได้ นายท่านของตัวเองเป็นคนที่ “รังแกคนที่อ่อนแอว่ายอมให้คนที่แข็งกว่า”
มีความโกรธในใจก็ไม่สามารถระบายกับคุณชายน้อยได้ ทำได้เพียงระบายมาที่ตัวของพวกเขาเท่านั้น
หรูอวี้หดคอด้วยความระวัง “คุณชายน้อยบอกว่า อยากได้ประทัด……”
“ประทัด?”
โม่เยว่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้ต้องการประทัดไปทำอะไร? ตรุษจีนก็ผ่านไปแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นประทัดอันตรายเพียงใดกัน?”
“ไปซื้อเดี๋ยวนี้”
เขาโบกมือทันที สั่งการไปโดยไม่ลังเล
หรูอวี้: “……นายท่าน เมื่อครู่ท่านไม่ได้บอกว่า เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นประทัดอันตรายเพียงใดกันรึขอรับ!”
“ลูกชายของข้าต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าก็จะสอยลงมาให้เขา! นับประสาอะไรกับประทัดอันเล็กๆ? ข้าเล่นเป็นเพื่อนเขาก็ได้แล้ว! หากว่าระเบิดทำให้มือของหยวนเป่าบาดเจ็บ ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามาให้เขาเตะแทนลูกบอล!”
หรูอวี้น้ำตาไหลอาบแก้ม: “………”
นายท่านของตัวเอง มีศักยภาพแอบแฝงเป็นฮ่องเต้บ้าอำนาจได้จริงๆ!
เขาเล่นประทัดเป็นเพื่อนคุณชายน้อยหากว่ามือได้รับบาดเจ็บ ก็จะเด็ดหัวเขามาให้คุณชายน้อยเตะแทนลูกบอล?
นี่เป็นหลักการอะไร? !
ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!
คุณชายน้อยยังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นพ่อเลย ทุกปากทุกคำกลับเรียกว่า “ลูกชายของข้า” เรียกซะจนคล่องแคล่วสนิทชิดเชื้อได้เพียงนี้
ท่านอ๋องไร้ยางอายจริงๆ!
ก่อนหน้านี้ยังคิดอย่างสนิทใจว่า คุณชายน้อยเป็น“ลูกชู้”ของคนใช้ผู้นั้น กัดฟันพูดด้วยความโมโหทุกวันว่าพระชายาสวมเขาให้เขา ต้องการจะทำให้พระชายาและคุณชายน้อยตายให้ได้
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าใคร ที่เข้าไปประจบประแจงพระชายาและคุณชายน้อยตาปริบๆ
ใบหน้านี้ของท่านอ๋อง ถูกตัวเองตีจนเจ็บมากสินะ?
หรูอวี้ไม่กล้าโกรธไม่กล้าพูดจา
หลังจากที่บ่นว่าในใจแล้ว จึงได้ก้มหน้าไปซื้อประทัดด้วยความเซื่องซึม
เมื่อครู่เขาลืมพูดไปว่า คุณชายน้อยบอกว่าเขาต้องการซื้อประทัด ไม่ได้เพื่อเอาไว้เล่น แต่อยากได้มา……..ระเบิดเรือนทิงจู่ของท่านอ๋อง!
ใครใช้ให้เขาชอบรังแกท่านแม่บ่อยๆ
“นายท่าน……”
หรูอวี้คิดเรื่องนี้ได้ เพิ่งจะหันกลับไปก็เห็นโม่เยว่เข้าห้องโถงใหญ่ไปแล้ว
เห้อ ไปซื้อประทัดก่อนละกัน
โม่เยว่เข้าไปในห้องโถงใหญ่ เห็นเพียงแค่แม่ลูกทั้งสองกำลังหัวเราะพูดคุยกัน
เห็นเขาข้ามา หยุนหว่านหนิงทำเป็นเพียงมองไม่เห็น
นางยังโกรธเรื่องในรถม้าเมื่อครู่อยู่!
ใครใช้ให้โม่เยว่ปิดปากนางไม่ให้นางพูดจา?
ตั้งนานขนาดนี้แล้ว ใครใช้ให้ในใจของเขายังมีฉินซื่อเสวียแสงจันทร์ยามกลางวัน(คนรักที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้)อีก? !
นางสิถึงจะเป็นพระชายาหมิงที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เป็นภรรยาที่แท้จริงของเขา แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีความรักต่อกันก็เถอะ แต่ความปรารถนาที่จะครอบครองอันน่าแปลก ทำให้หยุนหว่านหนิงอารมณ์เสีย เมื่อคิดว่าโม่เยว่ยังชอบฉินซื่อเสวียอยู่ก็ทำให้โมโหขึ้นมา!
บนใบหน้าเล็กๆของหยวนเป่า ก็ถูกปกคลุมด้วยความเย่อหยิ่งชั้นหนึ่ง แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเห็นเขา
“ท่านแม่ พวกเรากลับเรือนชิงหยิ่งกันเถอะ!”
หยวนเป่าไถลลงจากเก้าอี้ จูงมือหยุนหว่านหนิงแล้วเดินจากไป “วันนี้ตาทวดสอนให้ข้าเขียนบทความ ข้าเขียนบทความได้หนึ่งบท ท่านแม่ท่านดูสิพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้”
สองแม่ลูกลุกขึ้นแล้วออกไป
โม่เยว่เพิ่งจะเดินเข้ามา ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก : “…….”
ลมเหนือที่พัดโชยนั่น พัดโชยจนเขาเหน็บหนาวไปทั้งใจ
เขาเป็นคนล่องหนหรือไง?
สองแม่ลูกนี่ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้มองตรงมาที่เขา? !
เขาไม่ตายใจ ขมวดคิ้วแล้วเดินตามไปอีก
เขาสังเกตได้ว่า ตั้งแต่ที่หยุนหว่านหนิงถูกยกเลิกการกักบริเวณเป็นต้นมา จำนวนครั้งการขมวดคิ้วของเขาก็มีมากเป็นพิเศษ ตอนนี้ระหว่างคิ้วของเขามีรอยย่นจางๆแล้ว นั่นก็เป็นเพราะการขมวดคิ้วบีบออกมา
เข้าไปที่เรือนชิงหยิ่ง ก็ยังเป็นฉากของแม่ผู้มีเมตตาและลูกกตัญญูภาพหนึ่ง
โม่เยว่รู้สึกไม่สบอารมณ์
เห็นเขาเข้ามา ทั้งสองแม่และลูกก็หันหลังไม่สนใจเขา
เขาทนไม่ได้อีกต่อไป คว้าข้อมือของหยุนหว่านหนิง “หยุนหว่านหนิง! ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า!”
มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ว่ายังไงการสะบัดหน้าใส่เขาเช่นนี้ มีกี่ความหมายกัน?
“ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน! ท่านอ๋องมีอะไรอยากจะคุย ก็ไปคุยกับพระชายาหยิงก็ได้แล้วเพคะ! ยังไงซะไม่ว่าข้าจะทำอย่างไร ก็สำคัญสู้คนที่อยู่ในใจของท่านไม่ได้แม้สักนิ้วมือเดียว!”
หยุนหว่านหนิงสะบัดมือของเขาออก
คำพูดนี้ ทำไมฟังแล้วถึงรู้สึกปวดใจอยู่เล็กน้อย
โม่เยว่ยังสังเกตไม่ได้ กลับเป็นหยวนเป่าที่เท้าคาง แววตากลอกไปมาอยู่บนหน้าของคนสองคนด้วยความสนใจ
“ท่านแม่ มีอะไรก็พูดให้กระจ่างสิพ่ะย่ะค่ะ อย่าอัดอั้นไว้ในใจ”
หยวนเป่าเหลือมองโม่เยว่แวบหนึ่ง “หากว่าท่านกล้ารังแกท่านแม่ของข้า ข้าก็จะระเบิดเรือนทิงจู่ของท่าน!”
เขาเอามือไขว้หลังเดินออกไป เว้นที่ว่างไว้ให้ทั้งสองคน
โม่เยว่: “…….”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่เจ้าเด็กนี่อยากจะได้ประทัดอย่างชัดเจนแล้ว เพราะว่าต้องการจะระเบิดเรือนทิงจู่ของเขา!
ความกล้าหาญชาญชัยของเจ้าเด็กอัปลักษณ์นี่ ท่าทางของเด็กน้อยไม่ประสีประสาที่กล้าคิดทำโดยไม่กลัวอะไรเช่นนี้ ไปเรียนมาจากผู้ใดกัน? !
คิดทบทวนไปมา ก็เหมือนว่าจะเรียนรู้มาจากเขา…….
โม่เยว่เก็บความคิดในใจไว้ เหลือบมองใบหน้าที่เย็นชาของหยุนหว่านหนิง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดีๆที่หาได้ยากว่า “หยุนหว่านหนิง ข้าไปทำอะไรให้เจ้าโมโหกันแน่?”
ถึงได้ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้? !
“ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ข้าโมโห และข้าก็ไม่กล้าเล่นตัวต่อหน้าท่านอ๋องเพคะ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าเป็นใครล่ะ? ข้าเป็นหยุนหว่านหนิง ไม่ใช่ฉินซื่อเสวียสักหน่อย! จะกล้างอนต่อหน้าท่านอ๋องได้อย่างไรล่ะเพคะ?”
ขณะเดียวกับบรรยากาศที่งงงวยนี้ โม่เยว่ก็ได้กลิ่นของ…….ความหึงหวง? !