อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 144 เจ้าหึงหวง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 144 เจ้าหึงหวง
เมื่อกู้หมิงเข้ามา หยุนหว่านหนิงก็กำลังโมโหคลุ้มคลั่ง
“นี่เป็นอะไรไปอีกหรือ?”
เขาเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้ มองท่าทีของนางที่โกรธจัด จึงเลิกคิ้วแล้วถามว่า “หนิงเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้ลุงช่วยขจัดความแค้นให้เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ท่านลุงก็เห็นว่า โม่เยว่ไม่ได้สนใจพวกข้าสองแม่ลูกอย่างชัดเจน!”
หยุนหว่านหนิงบ่นตำหนิทันที
“ถ้าหากสนใจ เขาก็จะต้องคิดหาวิธีบุกเข้ามาพาพวกข้ากลับไปอย่างแน่นอน!”
แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลับไปโดยตรง ไม่พยายามแม้แต่น้อย และถามนางอีกสองสามคำ……หากถามอีกสองสามคำ นางก็จะไม่เต็มใจกลับไปกับเขาหรือ?
นางเป็นคนที่ง้อง่ายอย่างมาก
ขั้นบันไดทั้งหมดล้วนปูเอาไว้สำหรับเขา เขาไม่ยอมลงบันได คาดไม่ถึงว่าจะจากไปโดยตรงเลยหรือ? !
นี่ไม่ใช่ยิ่งยั่วโมโหนางหรือ? !
โชคดีที่ช่วงเวลานี้ หยวนเป่าตามกู้ป๋อจ้งไปที่ห้องหนังสือ
ไม่เช่นนั้น เกรงว่าหยวนเป่าจะต้องต่อว่านางเป็นแน่
กู้หมิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “หนิงเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้ข้าจงใจลองหยั่งเชิง อ๋องหมิงเอาใจใส่ต่อเจ้าอย่างมาก และเคารพการตัดสินใจของเจ้าอย่างมาก แล้วเจ้ายังจะโกรธอะไรอีกล่ะ?”
“อ๋องหมิงบอกว่า ถ้าหากเจ้าอยากจะอยู่ ก็ให้อยู่ที่ตระกูลกู้ต่อไป หากอยากจะกลับเมื่อไร เขาค่อยมารับพวกเจ้าอีกที”
คำตอบเช่นนี้ไม่ดีหรือ?
กู้หมิงเห็นโม่เยว่สง่าผ่าเผย รอบคอบอ่อนโยน อีกทั้งยังไม่ลืมกำชับสั่งให้เขาดูแลหยุนหว่านหนิงและหยวนเป่าให้ดีอีกด้วย
เช่นนี้ไม่เพียงพอหรือ?
เด็กผู้หญิงคนนี้เขี้ยวเกินไปแล้ว!
เหมือนกับที่หยวนเป่าเคยพูดต่อหน้าเขาเมื่อหลายวันก่อน : ผู้หญิงก็คือสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง บางครั้งก็สมเหตุสมผล บางครั้งไร้สาระขึ้นมาก็เหมือนจะฆ่าคนได้เลยจริงๆ!
เวลานั้น กู้หมิงยังคิดว่า เด็กน้อยอย่างหยวนเป่าไหนเลยจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้
เพียงขณะนี้ได้เห็น…….
หยุนหว่านหนิงก็คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดไม่ใช่หรือ?
มิน่าล่ะหยวนเป่าถึงได้มีความรู้สึกปลงอนิจจังเช่นนี้!
“ท่านลุง ทำไมท่านแค่ออกไปรอบเดียว ก็ช่วยเขาพูดแล้วหรือ?”
หยุนหว่านหนิงนั่งลงอย่างโมโห “ท่านลุงไม่รู้หรอกว่า ภายในใจเขามีเพียงแค่ฉินซื่อเสวีย! เมื่อสี่ปีก่อนข้าถูกฉินซื่อเสวียใส่ร้ายป้ายสี หลายปีมานี้ต้องรับกรรมชั่วเหล่านั้นแทนนาง”
“ต้องถูกทุกคนเคียดแค้น เกลียดชัง”
พูดถึงเรื่องราวในอดีต ภายในใจของหยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก
แต่นางดื้อรั้นไม่ร้องไห้ เพียงแต่อยากจะรีบหาคนสักคน เพื่อระบายความในใจ
“ข้าผ่านความทุกข์ทรมานมาแล้ว! แต่เป็นข้าที่ทำเพื่อจวนอ๋องหมิงมากมาย ช่วยเหลือโม่เยว่หลายครั้งหลายหน! กระทั่งเปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพกับเต๋อเฟยเพื่อเขา”
เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ น้ำเสียงของนางก็แฝงไปด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
“แล้วเขาล่ะ? เขาทำอะไร?”
จู่ๆ หยุนหว่านหนิงก็ร้องไห้ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมาเหมือนกับไข่มุก “สุดท้ายภายในใจของเขาก็มีเพียงฉินซื่อเสวีย แล้วข้านับว่าเป็นอะไร?”
“หยวนเป่านับว่าเป็นอะไร?”
“ข้าสู้สุดชีวิตให้กำเนิดลูกเพื่อเขา เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เพียงลำพัง ภายในใจในสายตาของเขา มีเพียงผู้หญิงคนนั้นที่วางแผนคิดร้ายต่อข้า ข้าไม่ยอมหรอก!”
เห็นนางร้องไห้ กู้หมิงก็ยังรู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้อย
ช่วงเวลานี้ เขาเห็นว่าหยุนหว่านหนิงเหมือนกับเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฆ่าไม่ตายคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหน นางก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างใจเย็น
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่ร้องไห้ต่อหน้าเขา!
กู้หมิงรู้สึกเจ็บปวดใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วส่งให้ “เช็ดน้ำตาเสียก่อนเถิด ร้องไห้แล้วก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น”
หยุนหว่านหนิงปิดปากเช็ดน้ำตา แต่ดวงตาทั้งคู่ยังคงแดงก่ำ
ภายในใจของนางมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจ “ครั้งนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมรับผิดกับข้า ไม่มาง้อข้าดีๆ ข้า ข้าก็…..ข้าก็จะไม่กลับไป!”
“ข้าโมโหตัวเองอย่างมาก ปล่อยให้เขาไม่มีภรรยา! เป็นพ่อหม้ายไป!”
กู้หมิงถูกคำพูดนี้ของนางทำให้หัวเราะ
หลังจากนั้น ก็มองนางอย่างจริงจังอีกครั้ง “พูดเรื่องไร้สาระให้น้อยหน่อย!”
“เจ้าโมโหตัวเอง เขาก็ยังสามารถแต่งงานได้อีก แต่หยวนเป่าล่ะ? ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อจริงๆ!”
“หลายปีมานี้เขาถูกคนด่าว่า’ไอ้ลูกนอกสมรส’ ไม่ได้รับความรักจากพ่อ บัดนี้ข้าเห็นว่าอ๋องหมิงแสดงความรักต่อเขาจากใจจริง ถึงแม้จะไม่ได้รู้จัก แต่ก็ยอมรับว่าหยวนเป่าเป็นบุตรชายของเขา”
กู้หมิงเตือนนางด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า “เจ้าตัดใจปล่อยหยวนเป่าไป ในอนาคตกระทั่งแม่ก็จะไม่มีเช่นนั้นหรือ?”
“ต่อไปห้ามพูดคำพูดที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้อีก!”
“เข้าใจแล้ว ท่านลุง”
หยุนหว่านหนิงรับปากอย่างรู้สึกน้อยใจ
“เจ้าวางใจได้ ถ้าหากอ๋องหมิงรังแกเจ้า ข้ากับท่านตาของเจ้าจะไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน”
เห็นสีหน้าน้อยใจของนาง กู้หมิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
เขาผ่อนน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง ทันใดก็กล่าวว่า “หนิงเอ๋อร์ อันที่จริงก็คือเจ้ารู้สึกหึงหวง”
“หึงหวง? !”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึง!
ตลกแล้ว!
นางเป็นใครกัน?
ทำไมจะต้องหึงหวงโม่เยว่ด้วย? !
นึกถึงเมื่อคืนแล้ว ก็เพราะประโยคนี้จึงโกรธโม่เยว่ บัดนี้ได้ยินกู้หมิงพูดเช่นนี้อีก นางจึงดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที “ท่านลุง นี่ท่านกำลังพูดล้อเล่นกับข้าอยู่หรือ?”
“ข้ารู้สึกอะไรไม่รู้สึก มารู้สึกหึงหวงหรือ? อีกทั้งยังหึงหวงผู้ชายสารเลวคนนั้นอีก?”
“เจ้าจะยอมรับหรือไม่ ภายในใจของตนเองก็รู้ชัดเจนดี”
กู้หมิงส่ายหน้า “เจ้าพักผ่อนเถิด ทางด้านอ๋องหมิงข้ากับท่านตาของเจ้าจะออกหน้าเอง”
“คิดออกเมื่อไร ก็กลับไปกับเขาก็แล้วกัน”
เขาเข็นรถเข็นออกไป
เมื่อประตูห้องถูกปิด หยุนหว่านหนิงก็มองแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ในอากาศมีฝุ่นละอองลอยอยู่ แต่ก็ไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้
นางลองวางมือหลายครั้งหลายหน
แม้แต่ฝุ่นละอองยังคว้าเอาไว้ไม่ได้ จะไปนับประสาอะไรกับคว้าหัวใจของโม่เยว่เอาไว้?
นางก็ไม่เคยคิดเลยว่า จะต้องคว้าหัวใจของเขาเอาไว้
ฉะนั้น เขามีสิทธิ์อะไรให้นางไปหึงหวงเขา?
เขาไม่คู่ควร!
ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เวลานี้สมองก็รู้สึกเลอะเลือน
หยุนหว่านหนิงขึ้นไปบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวแล้วหลับไป
……
โม่เยว่กลับไปอย่างผิดหวัง
โม่เฟยเฟยยังรออยู่ในจวนอ๋อง เมื่อเห็นว่าเขากลับมาตัวคนเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองแล้วกล่าวถามว่า “พี่เจ็ด ท่านไม่ได้รับพี่สะใภ้และหยวนเป่ากลับมาด้วยหรือ?”
“นางไม่ยอมกลับมา”
ไม่ว่าจะเต็มใจยอมรับหรือไม่ ตัวโม่เยว่เองก็รู้สึกได้ว่า มีกลิ่นอายแห่งความห่อเหี่ยวแพร่กระจายออกมารอบๆ ตัวเขา
เขาเดินผ่านโม่เฟยเฟยไป และเข้าไปนั่งที่ห้องโถง
รู้ว่าเวลานี้เขาอารมณ์ไม่ดี โม่เฟยเฟยจึงไม่กล้าพูดตามอำเภอใจ
นางเพียงแค่พูดเพื่อคลายกังวลเขาสองสามคำ จึงกลับพระราชวังไปรายงานโม่จงหรานและเต๋อเฟย
พอโม่เฟยเฟยออกไป หรู้อวี้กับหรูโม่ก็เข้ามารายงาน บอกว่าพลิกเมืองจิงก็ไม่สามารถหาพระชายาและคุณชายน้อยพบ
“ไม่ต้องหาแล้ว ข้ารู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
โม่เยว่ขมวดคิ้ว มองใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยชา แววตามืดมนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“นายท่านรู้แล้วหรือ?”
หรูอวี้แสดงสีหน้าประหลาดใจ “เช่นนั้นทำไมไม่จับพระชายากลับมาหรือ?”
หรูโม่ชกเขาไปหนึ่งที
หรูอวี้จึงรีบแก้คำพูดว่า “ข้าน้อยหมายความว่า เพราะเหตุใดนายท่านถึงไม่พาพระชายาและคุณชายน้อยกลับมาด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อรู้ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน ก็ยังให้พวกเขาลำบากไปค้นหาทั้งเมืองจิงอีก นี่ไม่ใช่มีเจตนาให้ทุกคนรู้ว่า พระชายาหมิงหนีออกจากเรือนหรอกหรือ?
ศักดิ์ศรีของนายท่านของตนเอง ศักดิ์ศรีของจวนอ๋องหมิงอยู่ที่ไหนหรือ?
ไม่ว่าอย่างไรคนอื่นก็มองเป็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ?
โม่เยว่ชำเลืองมองเขา กำลังจะพูดอะไร ใครจะรู้ว่าเวลานี้………
ได้ยินเสียง”ตึกตักๆ”ดังมาจากหลังบ้าน!
เวลานี้จวนอ๋องเงียบสงัด
คนรับใช้ภายในจวนต่างก็รู้ว่า พระชายาของตนเองหนีออกไปแล้ว อีกทั้งยังพาเลือดเนื้อของท่านอ๋องหนีไปด้วย——คุณชายน้อยหยวนเป่า
ท่านอ๋องของตนเองก็เหมือนกับระเบิดเวลา ที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
บรรดาคนรับใช้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม กระทั่งขยับก็ไม่กล้าส่งเสียง เกรงว่าหากไม่ระมัดระวัง จะทำให้สิงโตตัวนี้โมโหเดือดดาล
ฉะนั้นเสียงที่ดังตึกตักๆ จึงเสียงดังกังวานเป็นพิเศษ!
หรูอวี้ปากเปราะ “นี่คือเสียงประทัดหรือ? คล้ายกับว่าดังมาจากเรือนทิงจู่!”
โม่เยว่แสดงสีหน้าเคร่งขรึม ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังหลังเรือนทันที
เมื่อเข้าไปฟังที่เรือนทิงจู่ ก็เห็นเจ้าก้อนแป้งผู้อ้วนตุ๊ต๊ะที่กำลังหนีออกจาก”สถานที่เกิดเหตุ’อย่างรวดเร็ว…..
บทที่ 143 โม่เยว่ถูกท่านรองกู้กลั่นแกล้ง