อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 151 อ๋องหมิงจัดการยาก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 151 อ๋องหมิงจัดการยาก
ครั้นเหล่าขุนนางเห็นว่าโม่จงหรานไม่พอใจ จึงไม่กล้าซุบซิบกันอีก ได้แต่กลั้นลมหายใจรวมสมาธิยืนอยู่กับที่ รอคำตอบของโม่เยว่
โม่เยว่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว
“ทูลเสด็จพ่อ เป็นอย่างที่ใต้เท้าหลิวกล่าวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเขาเอ่ยขึ้น เหล่าขุนนางก็มองหน้ากันตกตะลึง
อ๋องหมิงผู้นี้ช่างอาจหาญเทียมฟ้าโดยแท้!
แม้เขาจะเป็นอ๋องหมิง แต่ก็ทำเช่นนี้กับชินเทียนเจี้ยนไม่ได้กระมัง
ชินเทียนเจี้ยนต่างจากขุนนางในราชสำนัก
ฮ่องเต้องค์ก่อนๆ ล้วนเชื่อเรื่องเทพเทวดา ด้วยเหตุนี้จึงมีชินเทียนเจี้ยน แม้โม่จงหรานให้ความสำคัญกับโม่เยว่ แต่ในราชสำนักก็เชื่อถือหลิวต้าเหวินมากเช่นกัน
หนนี้ค่ายเสินจีกำลังมีเรื่องอยู่พอดิบพอดี อ๋องหมิงทำเช่นนี้มิเท่ากับรนหาที่ตายเองหรือ!
การที่เขาตีหลิวต้าเหวิน เพียงพอจะอธิบายได้ว่าค่ายเสินจีเกิดปัญหาจริง
นี่อ๋องหมิงถูกบีบจนจนตรอกแล้วหรือ
โม่จงหรานไม่สนใจความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ความเดือดดาลบนใบหน้าชัดเจน “ดีนี่เจ้าเจ็ด! กล้านักนะ เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่!”
องค์จักรพรรดิพิโรธ เหล่าขุนนางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
ทว่าโม่เยว่กลับดูไม่ตื่นตระหนกลนลานแม้แต่น้อย
เขาเอ่ยอย่างเป็นลำดับขั้นตอน “เสด็จพ่อ โปรดให้หม่อมฉันอธิบายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามา!”
โม่จงหรานตบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าแรงๆ ท่าทางโกรธมากแล้ว
โม่เยว่หันไปมองหลิวต้าเหวินที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ใต้เท้าหลิวเจ้าบอกว่าเจ้าได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเสวียนซันเซียนเซิง ข้ากลับรู้สึกแปลกใจนัก เจ้าเคยพบเสวียนซันเซียนเซิงจริงหรือ”
ชื่อของเสวียนซันเซียนเซิง เกริกก้องทั่วหนานจวิ้น
เขาคือตำนานของหนานจวิ้น
ได้ยินว่าเสวียนซันเซียนเซิงเก็บตัวอยู่ในป่าเขา เป็นผู้สูงส่งละทิ้งทางโลกขนานแท้
กระทั่งยังมีคนกล่าวขาน ว่าเสวียนซันเซียนเซิงมีความสามารถสูงส่ง สามารถเหินฟ้า ลงน้ำดำดิน เชี่ยวชาญกลศาสตร์ บำเพ็ญเพียรล้ำลึก
แต่กลับไม่มีผู้ใดเคยพบเสวียนซันเซียนเซิงมาก่อน
หลายปีนี้มีคนมากมายที่แอบอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง
และหลิวต้าเหวินผู้นี้ก็เคยแสดงฝีมือเล่นละครปาหี่ต่อหน้าโม่จงหรานอยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้รับหน้าที่สำคัญจากเขา
โม่จงหรานเพียงคิดว่าหลิวต้าเหวินเป็นลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิงจริงๆ
แต่พอได้ยินการถามจากโม่เยว่ ในดวงตาของหลิวต้าเหวินก็มีความกระวนกระวายปราดผ่านดวงตา
ไม่นาน เขาก็ทำเป็นนิ่ง “ท่านอ๋องความหมายว่าอย่างไร หรือสงสัยว่ากระหม่อมพูดโกหก แอบอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง?”
เขายังมีหน้ามาย้อนถามอีก?
โม่เยว่ยิ้มเย็น “ข้ามีความคิดเช่นนั้นจริงๆ”
หลิวต้าเหวินหน้าแข็งทื่อ
จากนั้นก็มองโม่จงหรานด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ฝ่าบาท อาจารย์ของกระหม่อมคือเสวียนซันเซียนเซิง พระองค์ก็ทรงทราบนี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องใส่ความกระหม่อม!”
โม่จงหรานขมวดคิ้วเงียบ โม่เยว่พลันยิ้ม “ใส่ความ?”
“ใต้เท้าหลิว ในเมื่อเจ้าได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเสวียนซันเซียนเซิง ข้าใช่ว่าจะไม่รู้ความสามารถของเสวียนซันเซียนเซิง…ความเจ้าเล่ห์เพียงเล็กน้อยของเจ้านี่ ถึงกลับกล้าแอบอ้างว่าเป็นศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิงเชียวหรือ!”
ตะลึงงันถ้วนทั่ว!
หลิวต้าเหวินแอบอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง?!
หลิวต้าเหวินลนลานแล้ว
เขาไม่รู้ว่าโม่เยว่แค่หลอกเขา หรือว่ารู้อะไรมาจริงๆ
แต่เวลานี้เขาไม่กล้าเผยพิรุธ มิเช่นนั้นจะรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ไม่ได้!
“ฝ่าบาท ท่านอ๋องปรักปรำกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
เขากล้าแต่ขอความช่วยเหลือจากโม่จงหราน
“จะปรักปรำหรือไม่ ข้าจะพิสูจน์ความจริงเดี๋ยวนี้แหละ”
รอยยิ้มของโม่เยว่ยังคงอยู่ เพียงแต่ดูน่ากลัวบางส่วน “ทุกคนต่างรู้กันดีในความเก่งกาจของเสวียนซันเซียนเซิง ในเมื่อเจ้าบอกว่าได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเสวียนซันเซียนเซิง เช่นนั้นก็ย่อมต้องเชี่ยวชาญพวกเรื่องกลศาสตร์และ กว้าเซี่ยง(*หลักการทำนายโดยใช้กว้าด้วย”
“ความอัปมงคลในค่ายเสินจีของข้าในครั้งนี้ ก็ปรากฏอยู่ในกว้าเซี่ยงของเจ้า”
หลิวต้าเหวินไม่เข้าใจในความหมายของเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าต่อคำไปเรื่อย
กลับเป็นโม่จงหราน เขามองโม่เยว่ราวกับมีความคิด
“เช่นนั้น กว้าเซี่ยงของเจ้าไม่ได้บอก หรือเตือนอะไรล่วงหน้าเลยหรือ เรื่องที่เมื่อคืนข้าสั่งให้คนไปซ้อมคน”
โม่เยว่ถามอีก
สีหน้าหลิวต้าเหวินแข็งทื่อ เก็บซ่อนความลนลานในดวงตาไม่อยู่แล้ว
“ท่านอ๋องพูดขันแล้ว แม้กว้าเซี่ยงจะบอก ข้าก็ต้อง…ทำนายก่อนจึงจะรู้”
เขาพูดติดๆ ขัดๆ แก้ต่างให้ตัวเอง “หากไม่ได้ทำนาย ก็มองไม่เห็นกว้าเซี่ยง!”
การอธิบายนี้พอสมกับเหตุผล
แม้แต่โม่เยว่ก็เห็นด้วย เขาพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง เจ้าทำนายให้ดี ดูสิว่าต่อจากนี้ข้าจะทำอะไรกับเจ้า”
เหล่าขุนนางมองกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าโม่เยว่คิดจะทำอะไรกันแน่
โม่จงหรานเท้าคาง คล้ายกับคลายความโกรธลงแล้ว เริ่มดูเรื่องสนุก
หลิวต้าเหวินตื่นตระหนก!
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าอ๋องหมิงจะจัดการยากเช่นนี้!
ปกติอ๋องหมิงผู้หยิ่งทะนงจะไม่สนใจเรื่องภายนอก จดจ่ออยู่แต่กับค่ายเสินจีไม่ใช่หรือ
เมื่อคืนเขาหารือกับอ๋องหยิง วันนี้จึงเข้าวังมาฟ้องฮ่องเต้แต่เช้า พอมาถึงก็ชิงลงมือก่อน มุ่งมั่นพูดเรื่องที่เมื่อคืนโม่เยว่ลักพาตัวและซ้อมเขา
ไหนเลยจะรู้ อ๋องหมิงพูดเพียงไม่กี่คำก็คลี่คลายวิกฤตนี้แล้ว
แล้วยังถึงกับโต้กลับมาทางเขาอีก?
หากไม่ระวังพลั้งพลาดเพียงนิดเดียว ก็เป็นเรื่องที่หัวจะหลุดจากบ่าได้เลย!
ใบหน้าใต้เท้าหลิวมีเหงื่อชุ่มโชก ไม่กล้าเช็ด ได้แต่เอ่ยแบบติดๆ ขัดๆ “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะให้กระหม่อมทำนาย กระหม่อมจึงไม่ได้พกกว้าไว้กับตัว”
“อย่างนั้นหรือ”
โม่เยว่เลิกคิ้ว “เจ้าคือชินเทียนเจี้ยน นอกจากสังเกตลักษณะท้องฟ้าในตอนกลางคืนแล้ว กว้าก็คือเครื่องมือทำมาหากินของเจ้ามิใช่หรือ”
“แต่ไม่ได้พกติดตัวก็ไม่เป็นไร! ข้ามีกว้าให้เจ้า”
กล่าวจบเขาก็ล้วงกว้าออกมาจากอก!
หลิวต้าเหวินตาค้าง!
ดูท่า หากวันนี้อ๋องหมิงเอาเขาตายไม่ได้ก็จะไม่ยอมรามือ!
โม่เยว่ยื่นกว้าไป “ทำไม ใต้เท้าหลิวไม่กล้าทำนายต่อหน้าเสด็จพ่อหรือ”
เขาอ้างโม่จงหรานอย่างไม่แสดงสีหน้า
ใต้เท้าหลิวตัวสั่น ได้แต่รับกว้าไป เขาคิดไปคิดมา ทำท่าว่าจะเริ่มทำนาย เมื่อเห็นกว้าหล่นลงพื้น ใต้เท้าหลิวก็ก้มหน้าวิเคราะห์กว้าเซี่ยงอย่าง ‘จริงจัง’
เวลาผ่านไปทุกที
เขาไม่อาจทำนายกว้าเซี่ยง กลับกันเม็ดเหงื่อบนหน้าผากกลับไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับหยาดฝน
ไม่นานก็ไหลรวมเป็นกองอยู่ข้างเท้า
โม่จงหรานรอจนหงุดหงิด เหล่าขุนนางก็ชะเง้อชะแง้
มีเพียงโม่เยว่ที่ยังสองมือไพล่หลัง มองหลิวต้าเหวินแบบคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
เมื่อนั้นเองก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง “ใต้เท้าหลิว ทำนายไม่ได้หรือ”
โม่เยว่มองด้วยหางตา เห็นโม่ฮั่นอี่ว์กอดอก ทำหน้าเสียดสี
โม่หุยเหยียนกวาดมองเขาอย่างแนบเนียนทีหนึ่ง ไม่เอ่ยวาจาอย่างต่างรู้อยู่แก่ใจ ท่าทางไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยว ไม่ประสงค์เกลือกกลั้ว
“เสด็จพ่อ ข้าว่าหลิวต้าเหวินผู้นี้คือจอมลวงโลกพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาโอรสของโม่จงหราน มีเพียงโม่ฮั่นอี่ว์…ที่ไม่รักการเรียนแต่เล็ก
ดังนั้นจึงมีความกล้าอย่างไร้สติปัญญา
ยามนี้ใครก็ไม่กล้าส่งเสียง แต่เขาไม่เพียงส่งเสียง ทั้งยังถากถางหลิวต้าเหวินโดยตรงอีก!
ดวงตาโม่จงหรานมีประกายน้อยๆ “หลิวต้าเหวิน ทำนายกว้าเซี่ยงได้แล้วหรือ”
เขาจำได้ว่าคืนนั้นตอนที่หลิวต้าเหวินทำนายกว้าเซี่ยงต่อหน้าเขา ด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งจิบถ้วยชาเขาก็ทำนายความหมายที่ปรากฏได้แล้ว
ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว!
หลิวต้าเหวินหวาดกลัว รีบคุมสติเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมทำนายกว้าเซี่ยงได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”