อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 152 เจ้าเจ็ด บังอาจ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 152 เจ้าเจ็ด บังอาจ
“อ้อ? ว่ามา”
โม่จงหรานเก็บมือ นั่งตัวตรง
“กว้า กว้าเซี่ยงนี้บ่งบอกว่า วันนี้อ๋องหมิงจะไม่ละเว้นกระหม่อมไปง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ”
หลิวต้าเหวินรีบเก็บกว้า ร้องขอความเป็นธรรมกับโม่จงหรานด้วยความน้อยใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมจงรักภักดีต่อพระองค์ หลายปีนี้ขจัดทุกข์ขจัดภัยให้ฝ่าบาทอย่างสุดความสามารถ!”
“แม้กระหม่อมไม่มีผลงาน แต่ก็ทุ่มเทกายใจ!”
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่โม่เยว่ซ้อมเขาเมื่อคืนอีก ทั้งยังเริ่มเรียกร้องความเห็นใจ
“กระหม่อมยังจำได้ ปีนั้นที่หนานจวิ้นเกิดอุทกภัยกะทันหัน กระหม่อม…”
“พอที!”
การเรียกร้องความเห็นใจของเขายังไม่ทันจบ ก็ถูกโม่เยว่ตวาดหยุด
คำพูดที่ถึงปากของหลิวต้าเหวินหยุดชะงัก มองโม่เยว่อย่างตะลึงงัน เห็นเขายิ้มเย็นเดินมาใกล้ “นี่ใต้เท้าหลิวคิดจะทำอะไร”
“เมื่อกี้กว้าเซี่ยงของเจ้า บ่งบอกว่าข้าจะไม่ละเว้นเจ้าไปง่ายๆ?”
“ผิด ข้าจะไม่ไว้เจ้าต่างหาก!”
โม่เยว่เตะเข้าหน้าอกของเขาแรงๆ ทีหนึ่ง หลิวต้าเหวินกระแทกกับมุมผนังราวกับว่าวสายขาดทันที
ขุนนางทั้งหมดตะลึง!
มองโม่เยว่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมองโม่จงหราน
อ๋องหมิงอาจหาญจริงแท้!
ถึงกับกล้าลงมือกับใต้เท้าหลิวต่อหน้าพระพักตร์!
ไม่…ลงเท้า!
แม้แต่โม่จงหรานยังเปลี่ยนสีหน้านิดๆ
แต่ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าเหนือหัว ปกติจะไม่แสดงสีหน้า นอกเสียจากจะอดกลั้นไม่ไหว
“เจ้าเจ็ด บังอาจ!”
โม่จงหรานลุกขึ้นยืน แววตาดุดัน “ไม่ว่าหลิวต้าเหวินจะทำอะไรผิด ข้าจะจัดการเอง! เจ้าถึงกับกล้าใช้กำลังต่อหน้าข้าหรือ!”
ท่าทาง เขาโมโหโม่เยว่แล้ว!
ทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวนแทนเขา
“ในสายตาเจ้ายังมีข้าที่เป็นพ่ออยู่หรือไม่!”
โม่จงหรานเดือดพลุตบโต๊ะ ตวาดเสียงกร้าว
ทว่ายามนี้เอง กลับมีร่างเงาหนึ่งแวบผ่านประตูตำหนัก ขณะผ่านประตู คนที่อยู่ด้านนอกได้ยินเขาเดือดดาล ยังตั้งใจชะโงกหน้าเข้ามาดูทีหนึ่ง
ไม่สนว่าโม่จงหรานกำลังเลือดขึ้นหน้า ทำมือทำไม้ว่า “ใจเย็นๆ” กับเขา
จากนั้น เงาร่างนั้นก็หายไปราวกับเงาผีสาง
โม่จงหรานอดกลั้นความโกรธอย่างหนัก นั่งบัลลังก์มังกร “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอธิบายสักครั้ง”
เดิมทุกคนต่างคิดว่าวันนี้ฮ่องเต้ต้องลงอาญาอ๋องหมิงแน่แล้ว
แต่กลับเห็นเขากลั้นอารมณ์โกรธ จึงอดประหลาดใจไม่ได้
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
โม่เยว่ยังไม่รู้ว่าเมื่อครู่มีคนผ่านหน้าประตู เพียงแต่อธิบายด้วยท่าทางจริงจัง “เสด็จพ่อ หม่อมฉันตรวจสอบชัดเจนแล้ว หลิวต้าเหวินผู้นี้…มิใช่ลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิงพ่ะย่ะค่ะ”
ตื่นตะลึงทั่วหน้าอีกครั้ง
ความตะลึงที่อ๋องหมิงนำมาให้พวกเขาในวันนี้ มากมายเหลือเกิน!
หลิวต้าเหวินถูกเตะถึงมุมห้อง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาถูกเตะเข้าที่ทรวงอกหลายครั้งแล้ว…
เขาเจ็บหน้าอกสุดจะทน แม้แต่จะหายใจก็ยังลำบาก
เขากุมหน้าอก กระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เมื่อได้ยินถ้อยคำของโม่เยว่ ความหวาดกลัวก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา แต่กลับเอ่ยคำแก้ต่างไม่ออกสักคำ
โม่จงหรานก็อึ้งเหมือนกัน แต่ยังมองเขาด้วยสายตาตึงเครียด ฟังว่าเขาจะพูดอะไรอีก
ทว่าโม่เยว่กำลังจะเอ่ยปาก หลิวต้าเหวินก็กลั้นความทรมาน เอ่ยปากอย่างทุ่มสุดชีวิต “ฝ่าบาท! กระหม่อมถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ! เสวียนซันเซียนเซิงคืออาจารย์ของกระหม่อมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
คนผู้นี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา?
โม่เยว่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เพียงแต่ตอบโม่จงหรานอย่างเคารพนอบน้อม “เสด็จพ่อ หม่อมฉันได้หลักฐานมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เสวียนซันเซียนเซิงตัวจริง…จะลงเขาในอีกไม่ช้า เจาะจงมาเมืองหลวงโดยเฉพาะ”
ครั้นได้ยินดังนั้น คนจำนวนมากก็สูดลมเย็น
ต่างได้ยินว่าเสวียนซันเซียนเซิงคือผู้สูงส่งละทิ้งทางโลก เก็บตัวหลายปีไม่เคยปรากฏตัว
แต่ครั้งนี้กลับจะลงเขามาเมืองหลวง?!
หรือว่าอ๋องหมิงจะหาเสวียนซันเซียนเซิงพบแล้ว?
เสวียนซันเซียนเซิงลงเขา มาเป็นพยานให้อ๋องหมิง เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของหลิวต้าเหวินโดยเฉพาะ?!
หลิวต้าเหวินอึ้งงัน
โม่จงหรานก็อึ้งเช่นกัน “จริงหรือ!”
“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เยว่พยักหน้า “เสวียนซันเซียนเซิงบอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนจำนวนมากแอบอ้างว่าเป็นศิษย์ของเขา แต่หลิวต้าเหวินนั้นคือความอัปยศที่สุด ถึงกับเข้าราชสำนัก กลายเป็นชินเทียนเจี้ยนที่เสด็จพ่อเชื่อพระทัยมากที่สุด”
“เสวียนซันเซียนเซิงยังบอกอีก ว่าเป็นภัยพิบัติต่อราชสำนัก ต้องกำจัดทันที! ”
หลิวต้าเหวินสีหน้าซีดขาว อ่อนเปลี้ยกองอยู่กับพื้น
ในเมื่อโม่เยว่ตรวจสอบชัดแล้วว่าเขาไม่ใช่ศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง…หนำซ้ำยังหาเสวียนซันเซียนเซิงพบ มีความมั่นใจเต็มประดา
เช่นนั้นเขาจะพูดอย่างไร ล้วนเป็นการแก้ต่าง
ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าจะตายอนาถกว่าเดิม
เห็นหลิวต้าเหวินหน้าห้อยคอตกหมดอาลัยตายอยาก โม่จงหรานจึงขมวดคิ้วมุ่น “หลิวต้าเหวิน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”
“กระหม่อม ไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ”
สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าแก้ตัว
ขุนนางทั้งหลายต่างตกใจมองหลิวต้าเหวิน ไม่มีผู้ใดออกมาพูดแทนเขา
“พูดเช่นนี้ คือเจ้ายอมรับแล้วว่าแอบอ้างเป็นศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง จงใจหลอกข้า?!”
หากฟังอย่างละเอียด น้ำเสียงของโม่จงหรานพกพาความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบางส่วน “เจ้ารู้หรือไม่ นี่เจ้าต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง ประหารเก้าชั่วโคตรนะ!”
เขาตบโต๊ะแรงๆ ใต้เท้าหลิวตกใจจนสั่นพั่บๆ
“กระหม่อมทราบความผิดพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวต้าเหวินรับการพิพากษาแบบคอตก
ประหารเก้าชั่วโคตรแล้วอย่างไร
กลัวแต่เขาพูดมากจะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ถึงตอนนั้นจะไม่ใช่แค่ประหารเก้าชั่วโคตรแล้ว น่ากลัวว่าก่อนที่พวกเขาทั้งตระกูลจะพบกับความตาย ยังต้องรับความทรมานอมนุษย์อีก
กลัวแต่อยู่ไม่สู้ตาย!
ตอนนี้หลิวต้าเหวินหมดสิ้นความหวังแล้ว ทว่าบนโลกใบนี้กลับไม่มียาเสียใจภายหลัง
หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นก็ไม่ควรทำเพราะความโลภ ถูกคนหลอกใช้แล้ว!
เขาก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดสักคำ
โม่จงหรานย่อมโกรธจนยากจะอดกลั้น โบกมือสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ลากตัวเขาออกไป “ขังในคุกหลวงก่อน! พรุ่งนี้ค่อยประหาร!”
“ส่วนคนตระกูลหลิว นอกจากคนแก่และผู้หญิง นอกนั้นจับไปขังไว้ให้หมด!”
หลิวต้าเหวินถูกลากตัวออกไปทั้งอย่างนั้น
วันนี้เกิดเรื่องกะทันหันในประชุมเช้า ครั้นเลิกประชุม ขุนนางทั้งหลายจึงจับกลุ่มเป็นสอง เป็นสามออกจากวังหลวง วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
หยุนเจิ้นซงลังเล เมื่อออกจากวังก็ตรงดิ่งไปยังจวนอ๋องหยิง
…
ณ ห้องทรงพระอักษร หยุนหว่านหนิงกำลังตรวจชีพจรของโม่จงหราน
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเคยบอกแล้ว ว่าพระองค์จะกริ้วมากไม่ได้ไม่ใช่หรือเพคะ”
นางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ “หากยังไม่ทรงฟังหม่อมฉันอีก จะต้องฝังเข็มให้พระองค์จริงๆ แล้วนะเพคะ”
โม่จงหรานสีหน้าเศร้าหมอง “หว่านหนิง เจ้าว่าข้าแก่แล้วใช่หรือไม่”
แก่แล้ว?
อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้ทำไม
สะท้อนใจความหนุ่ม?
“เสด็จพ่อ ยังไม่ถึงห้าสิบชันษาเลยนะเพคะ! ตอนนี้พระวรกายยังแข็งแรงอยู่!”
ท่าทีของนางเป็นการประจบด้วยความจริงใจ “หากทรงมีพระชนมายุมาก ยังจะให้พระองค์ทุกข์ใจกับเรื่องพวกนี้หรือเพคะ จะมิใช่พวกเราที่เป็นลูกชายลูกสะใภ้ไม่เอาไหนไม่กตัญญูหรือ”
“เสด็จพ่อเป็นโอรสแห่งสวรรค์ โอรสแห่งสวรรค์ย่อมน่าเกรงขามเสมอ!”
การประจบนี้กลับทำให้โม่จงหรานสบายใจ
“ยังเป็นเจ้าที่รู้จักพูด”
เขายิ้มมองนาง “จริงสิ เจ้าคืนดีกับเยว่เอ๋อร์แล้วหรือ”
มือของหยุนหว่านหนิงหยุดชะงัก สีหน้าแข็งทื่อ
ไม่นาน สีหน้าของนางก็กลับคืนเป็นปกติ “หม่อมฉันกับท่านอ๋องไม่มีอะไรกันสักหน่อย ทำไมต้องคืนดีหรือไม่คืนดีเพคะ”
“งั้นหรือ”
โม่จงหรานมองนางอย่างน่าขัน “แล้วทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่ตระกูลกู้ ไม่ยอมกลับจวนอ๋องล่ะ”
“เจ้ามันปากร้ายแต่ใจดี! ข้ารู้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้าจะลงโทษเยว่เอ๋อร์ เจ้าก็ไม่แอบฟังอยู่ข้างนอกโดยพลการแล้ว ทั้งยังทำไม้ทำมือกับข้าอีก!”
เพิ่งกล่าวจบ โม่เยว่ที่เดินมาถึงปากประตูก็ชะงักฝีเท้า
เมื่อกี้เสด็จพ่อบอกว่าทีแรกจะลงโทษเขา แต่หยุนหว่านหนิงห้ามเอาไว้?!
บทที่ 151 อ๋องหมิงจัดการยาก
บทที่ 153 สงครามประสาท