อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 154 เสวียนซันเซียนเซิง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 154 เสวียนซันเซียนเซิง
ครั้นเงยหน้าขึ้น ยอดภูเขาสูงตระหง่านนี้สูงจนมองไม่เห็นยอดเขา ตรงเอวเขามีเมฆหมอกอบอวลล้อมรอบ ปกคลุมเป็นชั้นบางๆ
สถานที่แห่งนี้มีภูเขาล้อมสี่ทิศ ต้นไม้เขียวขจี ยินเสียงคำรามของเดรัจฉานอะไรดังมาเป็นพักๆ แต่ครั้นมองไปกลับเห็นเพียงพนาวัลย์ทึบไร้ขอบเขต ไม่เห็นบ้านเรือนสักหลัง
ยากจะเชื่อว่าในสถานที่ที่ไกลจากเมืองหลวงสองชั่วยามจะมีป่าทึบแบบดั้งเดิมอย่างนี้อยู่
ที่นี่ประหนึ่งสถานที่พักของเทพเซียน ปราศจากโลกีย์แดนมนุษย์ ปราศจากการรบกวนจากผู้คน
เส้นทางถัดจากนี้ ลำบากขรุขระ ม้าไม่สามารถขึ้นได้
หยุนหว่านหนิงได้แต่พึ่งตนเองปีนขึ้นเขาแล้ว
นางหันไปลูบหน้าของม้า เอ่ยเสียงเบา “กลับไปเถอะ! หาที่ซ่อนตัวเองไว้ ห้ามหยุดระหว่างทางนะ จะได้ไม่ถูกคนจับ…กินเนื้อม้า!”
ม้าพ่นลมออกจมูก
เมื่อหยุนหว่านหนิงตบก้นม้า มันก็ไปแบบไม่เห็นฝุ่น
นางดึงสายตากลับ เตรียมตัวขึ้นเขา
วัชพืชรกชัฏ มองไม่เห็นเส้นทางภูเขา ไร้ที่ย่างเดิน
หยุนหว่านหนิงจะสะท้อนใจในเวลานี้ทุกวัน ทำไมนางถึงไม่รู้วิชาตัวเบานะ!
หากเป็นเหมือนอย่างโม่เยว่ เหาะไปเหาะมาไม่มีสิ่งกีดขวาง ยังต้องขึ้นเขากระหืดกระหอบอย่างนี้หรือ!
ดีที่มาหลายครั้งแล้ว นางสามารถหาเส้นตรงขึ้นเขาได้อย่างแม่นยำ แม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังต้องใช้เวลาขึ้นเขาถึงสองชั่วยาม
หยุนหว่านหนิงทิ้งตัวลงกับพื้น เหนื่อยสายตัวแทบขาด
ตอนนี้เป็นยามเว่ย(*ช่วงเวลา13.00-15.00)แล้ว
ปกติตอนนี้นางจะลงจากเขานานแล้ว แต่เช้าวันนี้ถูกท่านตาขวางเอาไว้ครู่หนึ่ง…
หยุนหว่านหนิงเพิ่งนอนพักบนหินก้อนใหญ่ ก็มีเสียงฮึเบาๆ ดังมาจากข้างหลัง “นังหนูหนิง วันนี้เจ้ามาสาย! ลงโทษเจ้าเพิ่มสุราให้ข้าสองขวด”
“ฝันไปเถอะ!”
หยุนหว่านหนิงกระหืดกระหอบตอบแบบหัวก็ไม่หัน “วันนี้ข้ามีธุระ”
ภูเขาสูงลูกนี้มีชื่อเรียกว่าภูเขาหยุนอู้
มีเมฆหมอกรายล้อมทั้งปี ดังนั้นจะเป็นที่มาของชื่อนี้
ภูเขาลูกนี้มีความลึกลับมากมาย ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่กล้าขึ้นเขาโดนพลการ
จากเอวเขาลงไปมีสภาพอากาศเย็นชื้น คล้ายกับมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
แต่แทบจะไม่มีคนรู้ว่ายอดเขาลูกนี้นี่แหละที่ดินแดนงามวิไล
แม้จะเลยยามเว่ยไปแล้ว แต่แสงอาทิตย์บนยอดเขายังสาดส่องอย่างอบอุ่น สุริยาทอแสงมายังเมฆหมอกตรงเอวเขา ราวกับเมฆสีสันที่ฉาบผงทองคำชั้นหนึ่ง
ประกายทองเรืองรอง งามตระการตายิ่ง
บนยอดเขาไม่นับว่ากว้างขวาง
มีเพียงกระท่อมสองสามหลัง และมีแปลงผักที่ใช้รั้วไม้ล้อมอยู่ละแวกนั้น
ด้านหลังกระท่อมเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน ข้างๆ ยังมีบ่อปลาเล็กๆ…
หากบอกว่าทิวทัศน์อันงดงามของยอดเขาคือดินแดนในอุดมคติ เช่นนั้นเสียงไก่ เป็ด ห่านเหล่านี้ก็เพิ่มอรรถรสของชาวเกษตรกรรม จากวิมานเซียนบนดิน กลายเป็นความจริงในแดนมนุษย์
หยุนหว่านหนิงคลานขึ้นมาจากก้อนหินแบบขี้เกียจ นางพักพอประมาณแล้ว
นางหันไปมอง เห็น ‘เซียน’ ที่มีท่วงท่าเซียนกระดูกเต๋าท่านหนึ่ง กำลังนั่งยอง…ฆ่าปลาอยู่บนพื้น
ปลาลื่นมาก เดี๋ยวๆ ก็ดิ้นหลุดจากมือเขา กระเซ็นน้ำโคลนใส่เต็มหน้าเขาแล้ว
ตรงขนคิ้วขาวยังมีเกล็ดปลาติดอยู่อีกสองสามเกล็ดด้วยแน่ะ
หยุนหว่านหนิงอดหัวเราะไม่ได้
‘เซียน’ ถลึงตามองนางอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่ง “เจ้าก็รู้ว่าข้าฆ่าปลาไม่เป็น! ยังไม่รีบมาช่วยอีก จะดูไปถึงเมื่อไร”
“ข้ายังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย หิวจะตายอยู่แล้ว!”
“เสวียนซันเซียนเซิงผู้มีท่วงท่าเซียนกระดูกเต๋า ในเมื่อท่านฆ่าปลาไม่เป็น แล้วจะเลี้ยงปลาเต็มบ่อไปทำไม”
หยุนหว่านหนิงเดินไปด้วยความจนใจ รับมีดทำครัวมาจากมือของเขาก่อนจะจัดการปลาซุกซนตัวนี้
ที่แท้ท่านผู้นี้ก็คือเสวียนซันเซียนเซิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นเอง!
ทว่าท่าทางในยามนี้ของเขา ไหนเลยจะมีท่าทางเสวียนซันเซียนเซิงที่เล่าขานสักนิด!
เมื่อหยุนหว่านหนิงรับปลาไป เขาก็ถอนหายใจยาว ลุกขึ้นเช็ดใบหน้าพลางฮึเบาๆ “สวยไม่ได้หรือ ข้าดูพวกมันว่ายไปว่ายมาก็พอแล้ว”
“ใครจะรู้ว่าปลานี่ยังกินได้?”
เขาเลี้ยงปลาพวกนี้ ก็เพื่อความสวยงามเท่านั้น!
จวบจนการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหยุนหว่านหนิง…ทำให้เขาเปิดประตูโลกใบใหม่
ประตูแห่งโลกอาหารใบใหม่!
ที่แท้ปลาตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้ก็กินได้ด้วยหรือ!
ใช้วิธีการทำอาหารของหยุนหว่านหนิง ปลาตัวเล็กๆ นำมาทอด ทำเป็นปลาทอดกรอบ หรือไม่ก็ตุ๋นน้ำแกง ผัดกับข้าว
ปลาตัวใหญ่สามารถนำมานึ่ง ทำน้ำแดง ทำเปรี้ยวหวาน หรือจะตุ๋นน้ำแกงก็ได้เหมือนกัน
อย่างพวกแกงทะเล แกงปลาผักกาดดอง แกงปลามะเขือเทศอะไร…
เยอะแยะละลานตา ชวนให้ตาลายไปหมด!
“เสวียนซันเซียนเซิง นี่ก็กินปลามาครึ่งเดือนแล้ว ท่านไม่รู้สึกเอียนหรือ”
หยุนหว่านหนิงฆ่าปลาจนแทบจะอาเจียนอยู่แล้ว!
ก่อนหน้านี้เขามีปลาอยู่เต็มบ่อ เพียงแค่ครึ่งเดือนกลับเหลือไม่ถึงครึ่ง…ที่นี่ห่างจากเชิงเขายิ่งนัก ถ้ากินปลาหมดบ่อแล้ว ยังมิต้องลงไปที่เชิงเขาจับปลาในแม่น้ำกลับมาเลี้ยงอีกหรือ
ยุ่งยากมาก!
“ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้พวกเรากินไก่ เป็ด ห่านพวกนั้นเถอะ?”
“เจ้านำภัยพิบัติมาสู่ปลาของข้าแล้ว ยังจะนำภัยพิบัติมาสู่เป็ดไก่ของข้าอีก?!”
เสวียนซันเซียนเซิงมองนางราวกับมองสัตว์ประหลาด “เจ้าเป็นนางมารร้ายกระมัง! เจ้าคือคนที่สวรรค์ส่งมาลงโทษข้าใช่ไหม”
เขาเลี้ยงไก่ ก็เพื่อบอกเวลา
เลี้ยงห่าน ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พังพอนมากินไก่ แถมยังเฝ้าบ้านได้ด้วย
เลี้ยงเป็ด…เพียงเพราะความสวยงามเท่านั้น
เขารู้สึกว่าท่าทางที่เป็ดเดินบิดก้นไปมาน่ารักมาก!
ไก่ เป็ด ห่านของเขาเหล่านี้ล้วนฉลาดหลักแหลม ต่างมีหน้าที่ของตน
ตอนนี้นังเด็กหน้าเหม็นนี่กลับจะเชือดไก่ เป็ด ห่านของเขาแล้ว?!
เสวียนซันเซียนเซิงไม่พอใจ
“ข้าจะบอกให้นะ ไก่ เป็ด ห่านของท่านพวกนี้ ข้าเอามาทำอาหารเลิศรสได้มากกว่ายี่สิบอย่าง! รับรองว่าเป็นความสุขสันต์ดั่งเทพเซียนที่ดื่มน้ำค้างทุกวันสามมื้ออย่างที่ท่านไม่เคยลิ้มรสมาก่อนแน่นอน!”
หยุนหว่านหนิงรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“เช่นนั้นหรือ”
เสวียนซันเซียนเซิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เจ้าเด็กนี่ชอบพูดจาเพ้อเจ้ออวดอ้าง ข้าไม่เชื่อ”
“เป็นอย่างนั้นแน่นอน! ท่านไม่เชื่อตัวข้า แต่ยังไม่เชื่อฝีมือการทำอาหารของข้าหรือ”
หยุนหว่านหนิงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง
ท่านเสวียนซันลังเล
สุดท้าย ยังเป็นอาหารเลิศรสอยู่เหนือ ‘ความรัก’ ของเขาที่มีต่อไก่ เป็ด ห่านพวกนี้
“เช็ดน้ำลายตรงปากท่านก่อนเถอะ”
หยุนหว่านหนิงทำหน้ารังเกียจ “ถ้าท่านไม่กินไก่ เป็ด ห่านพวกนี้ พอพวกมันแก่แล้ว…”
“แก่แล้วจะเป็นอย่างไร”
เสวียนซันเซียนเซิงถามขึ้นอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
ไก่ เป็ด ห่านที่เขาเลี้ยงเมื่อก่อนหน้านั้น กระทั่งท้ายวาระจะถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ บัดนี้ต้นไม้ต้นนั้นเจริญงอกงามมากขึ้นทุกที ล่ำสันยิ่งกว่าเอวของเขาอีก…
หรือว่า ไก่ เป็ด ห่านเหล่านี้นั่นแหละที่เป็นปุ๋ย
“แก่แล้วก็เคี้ยวไม่ขาดนะสิ!”
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เสวียนซันเซียนเซิง “…”
นางยื่นมือชี้สวนผักที่อยู่ตรงหน้า “ยังมีผักที่อยู่เต็มไปหมดพวกนี้อีก จะให้กระรอกเอย ไก่ป่าเอย นกน้อยเอยพวกนั้นเอาไปกินเปล่าๆ ไม่ได้ใช่หรือไม่”
“ข้าทำเป็นของอร่อยๆ ให้ท่านได้นะ”
ผักเหล่านี้ เสวียนซันเซียนเซิงล้วนนำมาเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน
“ของที่ไก่ เป็ด ห่านกิน ข้าก็กินได้หรือ”
ใบหน้าของเสวียนซันเซียนเซิงย่นยู่เป็นก้อนแล้ว
ดูอายุที่แท้จริงของเขาไม่ออก
ผมขาวโพลน คิ้วก็ขาวหมดแล้ว เคราที่คางทั้งขาวทั้งยาว แล้วยังใส่ชุดสีขาวอีก…หากใช้คำพูดของหยุนหว่านหนิงพูด ก็คือออกบ้านตอนกลางคืนต้องทำคนตกใจตายแน่!
เสวียนซันเซียนเซิงทำหน้าดูถูกคัดค้าน เจ้าจะไปรู้อะไร นี่สิถึงเรียกว่าท่วงท่าเซียนกระดูกเต๋า!
หากไม่ใช่เพราะหยุนหว่านหนิงหยั่งเชิงรู้ชัดนานแล้ว มั่นใจว่าท่านที่อยู่ตรงหน้านี้คือเสวียนซันเซียนเซิงที่เล่าขาน…
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจนึกว่าเป็นเฒ่าทารกบ้านไหนวิ่งออกมา!
“เช่นนั้นเราทำข้อตกลงกัน?”
หยุนหว่านหนิงทำหน้าทำตามองเขา “ถ้าท่านรับปาก ข้าก็จะทำของอร่อยให้ท่าน แล้วยังจะสอนท่านหมักสุราด้วยนะ! ข้าหมักสุราเป็นตั้งหลายอย่างแน่ะ! ท่านก็รู้นี่!”
เสวียนซันเซียนเซิงหวั่นไหว
แต่ไม่นานเขาก็ขมวดคิ้วอีก “เจ้านี่มีแต่น้ำเสียอยู่เต็มหัวใจ(*เปรียบเปรยถึงแผนการร้าย)”
“แล้วจะทำข้อแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่เล่า”