อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 156 กลับไปกับข้า
ฝีเท้าหยุนหว่านหนิงหยุดชะงัก
ได้ยินกู้ป๋อจ้งปกป้องหลานสาวของตัวเอง โต้กลับอย่างไม่พอใจ “ไฉนเต๋อเฟยเหนียงเหนียงจึงดูแลกว้างขวางเช่นนี้ หนิงเอ๋อร์ออกบ้านไปทำอะไร กระหม่อมยังจะไม่รู้หรือ”
“ในเมื่อทรงทราบ ก็ทรงลองบอกมาว่านางออกไปทำอะไร!”
“ท่านบอกมาก่อน ค่ำมืดแล้วหลานสาวท่านยังไม่กลับมา นางทำอะไรอยู่ข้างนอก!”
เต๋อเฟยย้อนถาม
หยุนหว่านหนิงเดินไปถึงข้างหน้าต่าง มองดูข้างในแวบหนึ่ง ได้ยินกู้ป๋อจ้งกับเต๋อเฟยทำท่าทำทาง…เตรียมจะทะเลาะกัน
เมื่อครู่หยวนเป่าบอก ว่าท่านตาทวดกำลังรำไทเก๊กกับเต๋อเฟยอยู่
ทีแรกหยุนหว่านหนิงนึกว่าพวกเขาเจ้าพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดประโยคหนึ่งเหมือนรำไทเก๊กอย่างนั้น
ไหนเลยจะรู้ พอเห็นท่าทางจะทะเลาะกันของพวกเขาแล้ว กลับเหมือนกำลังรำไทเก๊กอยู่จริงๆ!
นี่มิใช่ชุดกระบวนไทเก๊กที่เมื่อเช้านางสอนกู้ป๋อจ้งก่อนออกจากบ้านหรือ!
แม้จะทะเลาะก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการรำไทเก๊กของทั้งสอง
กู้ป๋อจ้งยื่นมือโบกหมัด เอ่ยกับเต๋อเฟย “แขนนี้ของเจ้าต้องอ่อน แต่พร้อมกันนั้นยังต้องมีกำลังด้วย! นี่ถึงจะสวยงามทั้งยังได้ฝึกแขน!”
เต๋อเฟยเบะปาก ทำตามเขารอบหนึ่ง
“เช่นนี้จึงดีมาก”
กู้ป๋อจ้งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เต๋อเฟยเหนียงเหนียงฐานะสูงส่งอยู่ดีกินดี ปกติก็ต้องออกกำลังกายให้มากจึงจะถูก”
“ท่านยังไม่ได้บอกเลย ว่าหยุนหว่านหนิงออกบ้านไปทำอะไร!”
เต๋อเฟยยังไม่ลืมวิวาทะเมื่อครู่
แม้กู้ป๋อจ้งจะอายุมากกว่านางหนึ่งรอบเศษ แต่ก็มีนิสัยเป็นเฒ่าทารก
กับโม่จงหราน บทจะไม่สนใจก็ไม่สนใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเต๋อเฟย?
“เต๋อเฟยเหนียงเหนียงทรงทราบมิใช่หรือ ไยจึงต้องถามข้า?”
กู้ป๋อจ้งย้อนถามแทงใจ “ทรงไม่ได้มีอะไร หูตาสับปะรดหรือ ในเมื่อทรงทราบว่าหนิงเอ๋อร์ไปทำอะไร ก็ทรงว่ามาสิ?”
เมื่อฟังการวิวาทะของทั้งสอง หยุนหว่านหนิงเชื่อ ว่าหากนางไม่เข้าไป…
ด้วยปัญหานี้ ทั้งสองต้องต่อปากกันถึงเที่ยงคืนแน่!
นางเข้าไปด้วยความระอาใจ “เสด็จแม่ ท่านตา”
“โอ กลับมาแล้ว?”
เมื่อนั้นเต๋อเฟยจึงนั่งลง มองนางด้วยสายตาเย็นชา “หยุนหว่านหนิง ฝ่าบาทให้ข้ามาเยี่ยมเจ้า ไหนเลยจะรู้ว่าข้ารออยู่ตั้งนาน จนน้ำชาเย็นชืดหมดแล้ว ถึงจะได้เห็นเงาของเจ้า
“เจ้าออกไปทำอะไรมา”
“พอไม่มีการควบคุมจากเยว่เอ๋อร์ ก็ออกไปทำตัวเหลวแหลกหรือ”
“เจ้าไม่ละอายต่อเยว่เอ๋อร์หรือ!”
เต๋อเฟยถามติดๆ
หยุนหว่านหนิงอยากกลอกตามาก แต่นางอดทน!
นางเชื่อว่าหากนางทำเช่นนั้น เต๋อเฟยต้องถูกนาง ‘โมโหจนล้มป่วย’ อีกแน่ ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา “วันนี้ลูกอึดอัดใจ จึงออกไปเดินเล่นเพคะ”
“เดินเล่น?”
เห็นชัดว่าเต๋อเฟยไม่เชื่อ
“เดินเล่นกับใคร เดินเล่นต้องออกไปแต่เช้ากลับค่ำมืดหรือ ต้องเดินเล่นครึ่งเดือน?”
ประโยคหนึ่งเจ็บแสบกว่าอีกประโยคหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงอดไม่ไหว “เสด็จแม่ทรงหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเสด็จแม่ยินดีเชื่อว่าหม่อมฉันออกไปขลุกอยู่กับผู้ชายขี้เหล้าเมายามากกว่าหรือ”
“เจ้า…”
เต๋อเฟยอึ้งจนเบิกตาโต “เจ้าจะให้ข้าโมโหตายหรือ”
“ลูกมิกล้า นี่มิใช่ความหมายจากคำพูดของเสด็จแม่หรอกหรือ อ้อมค้อมเช่นนี้เหนื่อยยิ่งนัก หม่อมฉันพูดออกมาเลยจะไม่ดีกว่าหรือ”
หยุนหว่านหนิงเอาแต่สนใจตัวเองนั่งอยู่ด้านข้าง
เต๋อเฟยรู้ว่านางฝีปากกล้า
หากมีปากเสียงกับนางตอนนี้ ตนจะเสียเปรียบ
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้ป๋อจ้ง ตาแก่หน้าเหม็นนี่ต้องปกป้องหลานสาวบ้านตัวเองแน่…
สองต่อหนึ่ง นางชนะไม่ได้!
เมื่อนั้นเต๋อเฟยจึงข่มไฟโกรธอย่างรู้จักสถานการณ์ ฮึเสียงเย็น “ข้าไม่เสียเวลากับเจ้าแล้ว! ฝ่าบาททรงให้ข้ามาถาม ว่าเจ้าวางแผนจะกลับจวนอ๋องหมิงเมื่อไร”
“เจ้าเป็นสามีภรรยากับเยว่เอ๋อร์ หรือว่าต่อไปจะแยกกันอยู่อย่างนี้หรือ”
นางเอาแต่พูดว่า ‘ฝ่าบาท’ คือรู้ว่าหยุนหว่านหนิงไม่ฟังนาง ดังนั้นจึงจงใจยกโม่จงหรานมาข่ม
“ค่อยว่ากันเถอะ”
หยุนหว่านหนิงเหนื่อยมาก ไม่อยากพูดมากกับเต๋อเฟย จึงลุกขึ้น “ลูกเหนื่อยมาก อยากกลับไปพักแล้ว เชิญเสด็จแม่ตามสบาย”
เมื่อเห็นนางหมุนตัวจะจากไป เต๋อเฟยก็โกรธจนพองขน
“นายท่านกู้! ท่านดูสิ นี่คือหลานสาวที่ท่านอบรมสั่งสอนหรือ”
รู้ว่ารั้งหยุนหว่านหนิงไม่อยู่ เต๋อเฟยจึงหันไปบ่นกับกู้ป๋อจ้ง “ข้าจะบอกให้นะ ปกตินางก็เถียงข้าเช่นนี้แหละ!”
กู้ป๋อจ้งหลุบตาเงียบ สีหน้าเคร่งขรึม
อันที่จริงในใจเขาสุขสันต์ชื่นบาน ลอบพูดในใจ หนิงเอ๋อร์ทำได้ดี!
“เต๋อเฟยเหนียงเหนียง แต่ไหนมาหนิงเอ๋อร์บ้านพวกเราก็รู้หนังสือมีเหตุผล แต่การทะเลาะกันเนี่ย ล้วนร่วมกัน!”
เขาเริ่มวิเคราะห์อย่างไร้หลักการ “หากทรงอ่อนโยนมีเมตตากับหนิงเอ๋อร์บ้านกระหม่อมอีกนิด คาดว่าหนิงเอ๋อร์ต้องเป็นเด็กดีกตัญญูแน่”
“และหากอ๋องหมิงเอาใจหนิงเอ๋อร์อีกหน่อย หนิงเอ๋อร์ก็ต้องปรนนิบัติสามีอย่างดีแน่นอน”
เต๋อเฟยขมวดคิ้ว “ท่านกำลังสั่งสอนข้าหรือ”
“มิบังอาจ เพียงแต่เป็นข้อเสนอแนะเล็กๆ ของกระหม่อมเท่านั้น”
กู้ป๋อจ้งเอื้อมมือลูบเคราที่คาง แย้มยิ้ม
เต๋อเฟย “…”
ได้!
นางเอาเรื่องไม่ได้ แต่นางหลบได้!
เต๋อเฟยฮึเย็น สะบัดแขกเสื้อจากไป
เช้าวันถัดมา
หยุนหว่านหนิงวางแผนจะหนีออกไปจากประตูด้านหลัง ไหนเลยจะรู้ว่าพอออกจากตระกูลกู้ ก็เห็นโม่เยว่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าตรอก พอเห็นนางออกมา เขาก็สาวเท้าเข้ามาประชิด
หยุนหว่านหนิงหันตัวเดินไปอย่างไม่คิด
เมื่อนั้นก็มีเสียงเอื่อยดังมาจากข้างหลัง “ถ้าเจ้าไม่พบข้า”
“ข้าก็จะพาหยวนเป่าไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเสด็จแม่! การจะพิสูจน์ชาติกำเนิดของหยวนเป่าก็ง่ายมาก นับแต่โบราณมีการหยดเลือดพิสูจน์…เหมาะใช้กับข้าและหยวนเป่าพอดี”
ไอ้ผู้ชายต่ำทรามไร้ยางอาย!
ถึงกับใช้หยวนเป่าข่มขู่นาง!
หยุนหว่านหนิงกัดฟัน ยืนอยู่กับที่
“หยุนหว่านหนิง พวกเรามาคุยกัน”
โม่เยว่เดินเข้ามาใกล้ ฉุดแขนนาง ให้นางหันหน้ามาทางเขา “เรื่องในวันนั้น ถึงข้าจะพูดแต่ใจมิได้คิดเช่นนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว เจ้าก็น่าจะคลายความโกรธแล้วกระมัง”
“ข้าขอโทษเจ้า”
“มิกล้า”
หยุนหว่านหนิงทำหน้าตึง “ท่านอ๋องคือมังกรหงส์ในผู้คน”
“ข้าเป็นใคร ก็คือหนอนตัวหนึ่งที่ทุกคนต่างรังเกียจ!”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว ปากคอเราะรายยิ่งนัก
“ข้าไหนเลยจะกล้าให้ท่านอ๋องยอมรับผิดขอโทษ คือข้าที่ไม่มีเหตุผลไม่จบไม่สิ้น คือข้าที่ไม่คู่ควรกล่าวถึงคนที่รักแต่มิได้เคียงคู่ของท่าน คือข้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของโม่เยว่ขยับเข้ามาใกล้
หยุนหว่านหนิงอดนึกถึงจุมพิตกะทันหันในจวนอ๋องวันนั้นไม่ได้
นางรีบถอยออกก้าวหนึ่ง “เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ข้าขอเตือน ท่ามกลางธารกำนัล กลางวันแสกๆ เจ้าอย่าให้มันมากนักนะ”
“หนิงเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าท่ามกลางธารกำนัล”
เขาไม่แก้ต่างว่ากลางวันแสกๆ
โม่เยว่ใช้หางตามองรอบๆ ตรอกสายนี้ว่างเปล่า…ปราศจากแม้เพียงคนเดียว!
เขาหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้ข้าไม่ได้เข้าประชุมเช้า แต่มารอเจ้าอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ เจ้ารู้หรือไม่ ที่เมื่อคืนเสด็จไปตระกูลกู้ ก็หาใช่คำสั่งของเสด็จพ่อ แต่ทรงเป็นห่วงเจ้า จึงไปเยี่ยมด้วยตนเอง”
หยุนหว่านหนิงดวงตาเป็นประกาย “เจ้าพูดอะไร”
การที่เขามารอนางอยู่ที่นี่ กลับไม่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อครู่โม่เยว่ยังบอกว่า เต๋อเฟยมาเยี่ยมนางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนาง?
แต่เมื่อวานเต๋อเฟยบอกว่าเพราะฝ่าบาทสั่งนี่?
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?
เต๋อเฟยเนี่ยนะจะเป็นห่วงนาง?!
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น “ทรงห่วง กลัวว่าข้าจะทำอะไรผิดต่อเจ้ากระมัง”
โม่เยว่รับกับฝีปากคมกริบ คำพูดเสียดแทงของนางไว้ทั้งหมด
เขาไม่เอาความนาง เพียงแต่ย่างเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ยื่นมือดึงนางเข้าอ้อมอก “หนิงเอ๋อร์ พอได้แล้ว ตามข้ากลับไป!”
เมื่อสิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงแตกดังมาจากข้างหลัง
โม่เยว่และหยุนหว่านหนิงหันไปมอง…