อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 178 ผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้นรังเกียจ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 178 ผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้นรังเกียจ
ซุนซันฝูร้องห่มร้องไห้เข้ามา
ไม่ต้องคิดก็รู้ ต้องเป็นเพราะเรื่องซุนต้าเฉียแน่
หยุนหว่านหนิงหันไปมองโม่จงหรานอย่างไม่รู้ตัว เห็นเขาคิ้วขมวด สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่ารำคาญแล้ว….เห็นได้ชัดว่า เขาไม่เพียงรำคาญโม่เฟยเฟยร้องไห้ คนที่กำลังเป็นคนโปรดอย่างซุนตายิ่ง ก็รำคาญ
จากที่ได้รู้จักกันมาหลายเดือน หยุนหว่านหนิงเข้าใจโม่จงหรานเป็นอย่างดีแล้ว
รู้ว่าคนที่มีตำแหน่งสูงส่งคนนี้ ที่จริงก็เป็นผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้น
แต่ผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้นก็แบ่งออกเป็นหลายประเภท
มีบางคนชอบสยบความแข็งกร้าว ด้วยความนุ่มนวลละมุนละไม ชอบผู้หญิงร้องห่มร้องไห้
และก็มีเหมือนอย่างโม่จงหราน ที่ไม่ชอบผู้หญิงร้องไห้ แทบอยากที่จะชกต่อยกระเด็นไปไกลๆ
ดูจากสนมในวังหลังของเขาก็รู้แล้ว
ฮองเฮาจ้าวชอบแสดงท่าทีอ่อนแอ ดังไม่เป็นที่โปรดปราน
แต่เต๋อเฟยนั้นดื้อ ยังกล้าตะคอกใส่โม่จงหราน….ดังนั้นด้วยนิสัยของนาง ยิ่งดึงดูดโม่จงหราน
ฉินซื่อเสวียชอบงอแง โม่จงหรานไม่แม้แต่จะมองนาง
นางที่เป็นลูกสะใภ้คนนี้ ก็กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขา….
จึงเป็นที่โปรดปรานของโม่จงหราน
สมดั่งคำที่ว่าไม่ใช่คนพวกเดียวกัน ไม่ไปสุมหัวอยู่ด้วยกัน
นางกับเต๋อเฟย นิสัยเหมือนกันเลย
แต่นางฉลาดกว่าเต๋อเฟยหน่อยหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงคิดในใจ เต๋อเฟยเป็นคนซื่อ
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ซุนตายิ่งก็พยุงประตูเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าพี่ชายของหม่อมฉัน ไปล่วงเกินอะไรพระชายาหมิง นางถึงได้ทำร้ายพี่ชายของข้าอย่างรุนแรง”
นางคงวิ่งมาตลอดทาง ดวงตาทั้งคู่ทั้งแดงทั้งบวม เหมือนอย่างลูกท้อ
ซุนตายิ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโม่จงหราน กอดขาของเขาไว้ พร้อมร้องห่มร้องไห้พูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ท่านจะต้องให้ความยุติธรรมแก่พี่ชายหม่อมฉัน”
โม่จงหรานเงียบ
เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองนาง
เพียงเงยหน้ามองซูปิ่งซ่านกับเหลียงเสี่ยวกงกงที่ตามเข้ามาอย่างตื่นเต้น สายตาตำหนิว่า เจ้าสองคนไม่ได้เรื่อง ปล่อยนางเข้ามาได้ยังไง?
ซูปิ่งซ่านรู้ว่าเขาไม่พอใจแล้ว
แส้ขนหางจามรีในมือ เคาะหมวกบนหัวเหลียงเสี่ยวกงกงอย่างแรง
เหลียงเสี่ยวกงกงคุกเข่าลงอย่างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ซุนตายิ่ง นางบุกเข้ามา”
“ปกติเลี้ยงข้าวเจ้าไม่อิ่มหรือ?”
แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ห้ามไว้ไม่ได้?
ห้ามหยุนหว่านหนิงไม่ได้ก็ช่างเถอะ นังเด็กคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะยิ่งกว่าตารากบัว…..แต่แค่ซุนตายิ่งคนหนึ่ง เขากลับห้ามไม่ได้?
แล้วจะมีไปทำไม
เหลียงเสี่ยวกงกงร้อนใจจนจะร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้…..”
“ซุนตายิ่งบอกว่า หากข้าน้อยไม่ปล่อยนางเข้ามา นางก็ นางก็จะร้องตะโกนว่าถูกลวนลาม”
พูดเสร็จ เหลียงเสี่ยวกงกงก็หน้าแดงหูแดงไปหมด เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้ตอนที่ซุนซันฝูพูด เขาตกใจแค่ไหน
ลวนลามผู้หญิงของฮ่องเต้?
นี่ไม่เท่ากับดนหาที่ตายหรือ?
“ฮ่องเต้ ข้าน้อยไม่ได้ทำอะไรซุนตายิ่ง”
เหลียงเสี่ยวกงกงพูดอธิบาย
ฟังเสียงแล้วก็รู้ว่าร้องไห้
หยุนหว่านหนิง “……”
นางหันไปมองโม่จงหราน เพียงเห็นสีหน้าเขาไม่พอใจ
ระหว่างซุนตายิ่งกับเหลียงเสี่ยวกงกง นางเข้าข้างคนหลังมากกว่า
เห็นไหล่เหลียงเสี่ยวกงกงกระตุก โม่จงหรานก็ไม่มีวี่แววจะพูดอะไร หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ ดูเจ้าทำตัว”
“ต่อให้เจ้ากล้าลวนลามนาง เจ้าสามารถทำอะไรได้?”
หยุนหว่านหนิงพูดเตือนเขาว่า “เจ้าหวั่นอะไร กลัวอะไร?”
เหลียงเสี่ยวกงกงค่อยเข้าใจขึ้นมา
ใช่
ต่อให้เขาอยากลวนลามซุนตายิ่ง เขาจะสามารถทำได้หรือ?
ดังนั้น เหลียงเสี่ยวกงกงรีบเงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาพร่ามัวว่า “ฮ่องเต้ ข้าน้อยเป็นขันที ข้าน้อยลวนลามซุนตายิ่งไม่ได้”
โม่จงหรานขำกับความซื่อบื้อของเขา
เขาอดไม่ได้ แตะเหลียงเสี่ยวกงกงไปเบาๆหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าร้องไห้ทำไม?”
“ไม่ได้เรื่อง”
เขาแตะเบามาก แต่เหลียงเสี่ยวกงกงก็ไว้หน้าเขา แกล้งทำเป็นถูกแตะล้มกองลงบนพื้น แล้วก็รีบคลานลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยก็แค่กลัว…..”
“ไม่ได้เรื่อง”
ซูปิ่งซ่านก็รีบพูดขึ้น คว้าดึงเหลียงเสี่ยวกงกงขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าสิ ยังไม่รีบไสหัวไป เช็ดหน้าของเจ้าด้วย ร้องไห้น่าเกลียดเหมือนอย่างหมู”
เหลียงเสี่ยวกงกง “……”
อาจารย์โดยแท้จริง
เขามองดูหยุนหว่านหนิงอย่างซาบซึ้ง แล้วก็รีบออกไป
ซุนตายิ่งที่คุกเข่ากอดโม่จงหราน ตอนนี้ยังไม่ได้สติกลับมา
ทำไมวันนี้นางมาฟ้องยังห้องทรงพระอักษร ให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมให้พี่ชายของนาง
ทำไมไม่มีคนสนใจนาง?
เหลียงเสี่ยวกงกงออกไป ซุนตายิ่งก็ร้องไห้พูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ พี่ชายไม่เคยเห็นพระชายาหมิง ดังนั้นไม่มีทางไปล่วงเกินพระชายาหมิง”
“วันนี้พระชายาหมิงควักลูกตาพี่ชายทั้งสองข้าง ไม่เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตพี่ชายหรือ?”
“ฮ่องเต้ ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่พี่ชายหม่อมฉันนะ”
นางร้องไห้ต่อ น้ำมูกน้ำตาไหลเปื้อนชุดคลุมมังกรของโม่จงหราน
โม่จงหรานแสดงสีหน้ารังเกียจ อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง
แต่ซุนตายิ่งกอดขาเขาไว้แน่นมาก เขาก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ลากนางไปด้วยก็ขยับไม่ได้
“ลุกขึ้นมา”
โม่จงหรานพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
“หม่อมฉันไม่ลุก หากฮ่องเต้ไม่คืนความยุติธรรมแก่พี่ชายหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะคุกเข่าอยู่ที่นี่ไปตลอด”
ซุนตายิ่งเห็นแก่ที่ช่วงนี้โม่จงหรานโปรดปรานนาง
นางร้องไห้อย่างเสียใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้หม่อมฉันร้องไห้จนตาบอด ก็จะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่ชาย”
สายตารำคาญของโม่จงหราน แสดงออกมาอย่างไม่ปกปิดแล้ว
หยุนหว่านหนิงค่อยพูดขึ้นว่า “ซุนตายิ่งมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จริงๆ แต่จะร้องไห้จนตาบอดนั้นค่อนข้างยาก”
“จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตาของคนเราไม่มีทางร้องไห้จนตาบอด แต่สถานการณ์แบบนี้ก็ไม่เสมอไป การร้องไห้อย่างเหมาะสมถือเป็นประโยชน์ต่อสายตา ไม่มีทางทำให้ตาบอดแน่”
นางพูดอธิบายอย่างจริงจังว่า “หากเจ้าร้องไห้ไปด้วยสีตาไปด้วย มีโอกาสหกล้มจนตาบอด”
“เจ้าบอกว่าร้องไห้จนตาบอด…..ข้าคำนวณดูแล้ว ความเป็นไปได้น่าจะต้องใช้เวลาสิบปีมั้ง”
ตัวเลขนี้ ยังถือว่าค่อนข้างให้เวลา ไม่นับกรณีมีเหตุสุดวิสัยอย่างอื่น
อย่างเช่น นางร้องไห้อยู่ตลอด แบบนี้อาจจะไม่ต้องถึงสิบปี
หรือว่า สักสิบวันตาทั้งคู่ก็บอดแล้ว
แต่หยุนหว่านหนิงรู้ ซุนตายิ่งไม่ทำแบบนี้แน่ สิบวันไม่กินไม่ดื่มไม่เข้าห้องน้ำไม่พักผ่อนนอนหลับ จะร้องไห้จนถึงสิบวันจริงๆหรือ
คำพูดนี้ สำหรับซุนตายิ่งเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องที่ยากจะเข้าใจ
สีหน้าซุนตายิ่งมึนงง รู้อยู่แล้วว่าฟังไม่รู้เรื่อง
“ฟังไม่เข้าใจใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงถาม
ซุนตายิ่งหยุดร้องไห้แล้ว ยังพยักหัวอย่างมึนงง
“ด้วยสติปัญญาของเจ้า ฟังไม่เข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่า พี่ชายของเจ้าไม่ได้หาเรื่องข้า?”
ประโยคนี้นางฟังเข้าใจแล้ว
ซุนตายิ่งรีบพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ท่านเป็นพระชายาหมิงสูงศักดิ์ พี่ชายของข้าเป็นเพียงอันธพาลคนหนึ่ง ปกติเขาก็ไม่ได้เห็นท่าน จะหาเรื่องท่านได้อย่างไร?”
“เจ้าก็รู้วว่าพี่ชายของเจ้าเป็นอันธพาล?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่า ใครเป็นคนบอกเจ้าว่า พี่ชายของเจ้าไม่ได้หาเรื่องข้า?”