อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 180 ข้าไปด้วยตนเอง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 180 ข้าไปด้วยตนเอง
โม่จงหรานพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ข้าเคยพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าจะยกเฟยเฟยให้กับซุนต้าเฉียง?”
“ตอนนี้ซุนต้าเฉียงเป็นคนตาบอด เท่ากับเป็นคนพิการไปแล้ว”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอีก
โม่จงหรานพูดขึ้นว่า “……ข้าเคยพูดแล้ว ไม่มีทางยกเฟยเฟยให้กับซุนต้าเฉียงแน่”
“อ้อ”
หยุนหว่านหนิงค่อยโล่งอก
เห็นทีโม่จงหรานไม่เคยคิดที่จะยกโม่เฟยเฟยให้กับซุนต้าเฉียง นางค่อยโล่งอก เดี๋ยวค่อยไปตำหนักเว่ยหยาง บอกข่าวนี้ให้โม่เฟยเฟยรู้
นางไม่พูดอะไรอีก โม่จงหรานนึกว่านางจะกลับแล้ว
ดึงนั้นจึงตรวจอ่านฎีกาของตนเองไป
ที่ไหนได้ ตรวจอ่านฎีกาหมดแล้ว เห็นหยุนหว่านหนิงยังนั่งกินชาอยู่…..
“ทำไมเจ้ายังไม่ไป?”
เขาเริ่มพูดไล่
“เสด็จพ่อ ชาของท่านน่าดื่มมาก ข้ายังกินไม่พอ ท่านให้ซูกงกง เตรียมชาให้ข้าแล้วไม่ใช่หรือ? ซูกงกงส่งซุนตายิ่งกลับไป ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ลูกสะใภ้รอชาอยู่”
โม่จงหรานพูดไม่ออก
นังเด็กคนนี้ มักสามารถทำให้เขาพูดไม่ออก
“ไปไปไป ชอบก็เอาไปให้หมด”
เขาก็ไม่รู้ว่าชาที่ซูปิ่งซ่านเตรียมให้หยุนหว่านหนิงนั้นวางที่ไหน จึงหยิบออกมาจากในลิ้นชัก เอาออกมาทั้งห่อแล้วโยนให้กับหยุนหว่านหนิง
เห็นสีหน้ารังเกียจของเขา หยุนหว่านหนิงรับมาอย่างยิ้มแย้ม แล้วหันเดินจากไป
ได้ของแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่รู้จักกันแล้ว
ไม่รู้จักทูลลา ก็จากไปแล้ว
มองดูหยุนหว่านหนิงยิ้มร่าออกไปจากห้องทรงพระอักษร โม่จงหรานวางฎีกาลง นวดขมับอย่างปวดหัว
……
หยุนหว่านหนิงถือในชาเดินเข้าไปในตำหนักเว่ยหยาง
เข้าประตูไปแล้วก็ไม่เห็นเงาโม่เฟยเฟย มีเพียงโม่ลี่นั่งร้องไห้อยู่ตรงบันได ภายในตำหนัก ดูเหมือนจะมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
หยุนหว่านหนิงถามอย่างแปลกใจว่า “โม่ลี่ เจ้าร้องไห้ทำไม?”
“องค์หญิงล่ะ?”
เห็นว่าเป็นนางมา โม่ลี่รีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา องค์หญิงอยู่ข้างในตำหนัก”
นางก็ร้องไห้จนตาแดงทั้งคู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ซุนตายิ่งพูดยั่วยุฮ่องเต้ จะยกองค์หญิงให้กับซุนต้าเฉียงพี่ชายของนาง ได้ยินว่าซุนต้าเฉียงคนนั้น….”
“ข้ารู้เรื่องนี้”
หยุนหว่านหนิงพูดแทรกนางขึ้นมาว่า “วางใจเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว”
นางเดินเข้าไปในตำหนัก
เห็นโม่เฟยเฟยนอนฟุบอยู่บนเก้าอี้ไท่เฟย ร้องไห้อย่างเสียใจมาก
ร้องไห้ไปด้วย กินลูกอมไปด้วย
ลูกอมก็วางไว้ข้างมือ มีเต็มกล่อง ตอนนี้เหลือเพียงสองสามเม็ด…..ในปากของนางยังอมลูกอมไว้ แก้มป่องสูงนูนขึ้นมา
“นี่เจ้าหวานจนร้องไห้ หรือกินเยอะไปจนปวดฟันแล้วร้องไห้?”
หยุนหว่านหนิงพูดล้อเล่น
โม่เฟยเฟยค่อยเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมานั่ง ยื่นกล่องลูกอมให้กับหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ กินลูกอม”
หยุนหว่านหนิงหยิบมาหนึ่งลูก พร้อมพูดขึ้นว่า “โย้ นี่กล่องไม่เล็กเลยนะ เจ้ากินไปแล้วเท่าไหร่?”
“กินไปแค่ยี่สิบกว่าอันเอง…..”
โม่เฟยเฟยพูดตอบ
“แค่? กินไปแล้วยี่สิบกว่าอัน เอง?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัวอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? รู้สึกทุกข์ใจ จึงกินลูกอมแทน?”
โม่เฟยเฟยพยักหัว ก้มหน้าก้มตาแล้วก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้เจ็ด เมื่อกี้ซุนตายิ่งยังส่งคนมา เอาของมาให้ บอกว่าเอามาเยี่ยมข้า”
“อยู่ดีดี ข้าไม่ได้ป่วยไม่ได้เป็นอะไร จะมาเยี่ยมข้าทำไม?”
นางเอื้อมมือชี้ไป ตรงมุมมีสิ่งของหลายกล่องเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายเต็มพื้น
คงเป็นเพราะเมื่อกี้โม่เฟยเฟยโมโห จึงโยนทิ้งไปทั้งหมด
“ข้าไม่มีสิ่งของเล็กน้อยพวกนี้หรือ? นางกำนัลคนนั้นยังพูดว่า ตอนนี้ซุนตายิ่งอาวุโสกว่าข้า ต่อไปกลับจะได้เป็นพี่น้องกับข้า เราอายุไม่ต่างกัน”
โม่เฟยเฟยโกรธจนกำหมัดแน่น พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำว่า “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นการบ่งบอก ข้ากำลังจะแต่งงานกับซุนต้าเฉียง”
“ข้ายอมแขวนคอตาย ไม่มีทางยอมแต่งงานกับซุนต้าเฉียง”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าหยุนหว่านหนิงค่อยๆเยือกเย็นลง สายฉายแววเป็นประกายเย็นชา
นางถามขึ้นว่า “ซุนตายิ่งสั่งคนเอาของมาให้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อกี้นี้เอง ยังไม่ถึงธูปหนึ่งดอกเลย”
โม่เฟยเฟยเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
ไม่ถึงธูปหนึ่งดอก คำนวณดูแล้วก็เป็นช่วงหลังจากซุนตายิ่งออกมาจากห้องทรงพระอักษร แล้วสั่งนางกำนัลมายังตำหนักเว่ยหยาง พูดจาไร้สาระพวกนั้น เอาสิ่งของเล็กน้อยพวกนี้มาให้
เห็นที ซุนตายิ่งคนนี้ยังถูกสั่งสอนไม่พอ?
แล้วซูปิ่งซ่านไปไหน?
หยุนหว่านหนิงระงับความสงสัยในใจ ค่อยๆยิ้มอย่างเยือกเย็น พร้อมเรียก “โม่ลี่”
โม่ลี่รีบเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา มีธุระหรือ?”
“เมื่อกี้ซุนตายิ่งสั่งนางกำนัลคนไหนมา?”
“ชุ่ยจือ”
“เจ้าไปเรียกนางมา บอกว่าข้ามีเรื่องจะถาม หากซุนตายิ่งไม่ให้มา เจ้าก็ให้ซุนตายิ่งมาด้วย ข้าจะถามพร้อมกัน”
หยุนหว่านหนิงพูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “หากนางกล้าเอาเสด็จพ่อมาอ้าง เจ้าก็กลับมา”
“ข้าจะไปหานางด้วยตนเอง”
หากนางไปหาซุนตายิ่งด้วยตนเอง นางจะรื้อหลังคาห้องของนางเสีย
“เจ้าบอกซุนตายิ่ง ดีที่สุดอย่ารอให้ข้าไปหานางด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำให้นางเจอดีแน่”
มองดูใบหน้าที่เย็นชาของนาง แม้แต่โม่ลี่ก็ขนลุก รีบตอบกลับแล้วก็ออกไปทันที
นางจะไม่รู้ได้อย่างไร พระชายาหมิงทำไปเพื่อองค์หญิงของตน?
เมื่อก่อนพระชายาหมิงเหมือนหนูข้างถนน มีแต่คนจ้องจะทำร้าย ไม่กล้าพูดอะไรในวังหลัง
แต่พระชายาหมิงในตอนนี้ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อย่าว่าแต่แค่ซุนตายิ่ง แม้แต่ฮองเฮาจ้าว ยังต้องหวั่นเกรงนาง
ซึ่งทุกอย่างนี้ เพราะเบื้องหลังของนางมีฮ่องเต้ให้ท้าย
โม่ลี่เร่งรีบฝีเท้าอย่างดีใจ ในใจก็คิดว่าคราวนี้องค์หญิงมีที่พึ่งแล้ว
หยุนหว่านหนิงหันกลับมา พูดปลอบโม่เฟยเฟยว่า “เจ้าวางใจ เมื่อกี้ข้าออกมาจากห้องทรงพระอักษร ได้เจอเสด็จพ่อแล้ว”
“เสด็จพูดว่า จะไม่มีทางยกเจ้าให้กับซุนต้าเฉียง”
“จริงหรือ?”
โม่เฟยเฟยดีใจ
แต่ไม่นานก็ก้มหน้าก้มตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยกข้าให้กับซุนต้าเฉียง แล้วทำไมตอนที่ข้าไปหา เขายอมเจอซุนตายิ่ง แต่ไม่ยอมเจอข้า?”
เห็นท่าทีนางหดหู่สลดใจ หยุนหว่านหนิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอเจ้า”
“แต่เสด็จพ่อพูดว่า…เจ้าร้องไห้ไม่จบไม่สิ้น เขาไม่กล้าเจอเจ้า”
หยุนหว่านหนิงปรับเปลี่ยนคำพูดของโม่จงหรานให้ดูดีหน่อย
หากให้โม่เฟยเฟยรู้ว่า เพราะโม่จงหรานรำคาญที่นางร้องไห้ จึงไม่อยากเจอนาง นางคงจะร้องไห้อีก
“ดูเจ้าสิ สองวันนี้เอาไปร้องไห้ จนตาบวมหมดแล้ว หากเจ้ายังร้องไห้อยู่แบบนี้ เสด็จพ่อจะกล้าเจอเจ้าหรือ?”
โม่เฟยเฟยยิ้มหัวเราะอย่างเกรงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็ข้าทุกข์ทรมานใจไง?”
“เจอกับเรื่องยากก็ต้องกล้าเผชิญหน้า คิดหาวิธีแก้ปัญหา ร้องไห้มีประโยชน์อะไร?”
หยุนหว่านหนิงวางมาดพูดสอนในฐานะที่เป็นพี่สะใภ้ของนาง
โม่เฟยเฟยพยักหัวอย่างว่าง่าย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้แล้ว พี่สะใภ้เจ็ด”
ท่านแม่ไม่สนใจนาง เสด็จพ่อไม่สนใจนาง พี่เจ็ดไม่สนใจนาง
ยังดี พี่สะใภ้เจ็ดสนใจนาง
หวนคิดถึงหลายปีมานี้ที่เข้าใจนางผิด โม่เฟยเฟยรู้สึกผิด กำลังอยากที่จะขอโทษอีกครั้ง….โม่ลี่ก็กลับมาอย่าโกรธโมโห
“พระชายา ซุนตายิ่งไม่ให้ชุ่ยจือมา”
สายตาหยุนหว่านหนิงสั่นไหวเล็กน้อย หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีซุนตายิ่งต้องการให้ข้าไปด้วยตนเอง”