อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 185 ท่านแม่ไม่ต้องการข้าแล้ว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 185 ท่านแม่ไม่ต้องการข้าแล้ว
“ถ้าท่านเอาเงินล้านตำลึงออกมาได้จริง ต่อไปข้าจะเรียกท่านด้วยความเคารพนอบน้อมว่า ‘หยุนเงินล้าน’เลย!”
โม่เฟยเฟยจ้องนางอย่างตกตะลึงตาค้าง
ตลอดทางที่ออกมาจากตำหนักคุนหนิง สีหน้าโม่เฟยเฟยยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน
หยุนเงินล้าน “ไยไม่พูดเล่า”
“ข้ามีค่าแค่หนึ่งล้านตำลึงหรือ”
โม่เฟยเฟยแสดงออกว่าห่อเหี่ยวใจมาก “พี่สะใภ้เจ็ด เกรงว่าท่านจะไม่มีญาณทัศนะต่อตนเองเอาเสียเลย! ในเมืองหลวง ด้วยวาทศิลป์นี้ของท่าน น่ากลัวว่าคนจะไม่กล้าซื้อหนึ่งล้านตำลึงนะ”
หยุนหว่านหนิง “…เจ้าคนไม่รู้คุณคน!”
นี่นางทำเพื่อใครกันฮะ!
เมื่อนั้นโม่เฟยเฟยจึงหัวเราะแหะๆ เดินไปกอดแขนนางแบบประจบประแจง “พี่สะใภ้เจ็ดดีที่สุดเลย! วันนี้พี่สะใภ้รับภาระหนี้ใหญ่หลวงหนึ่งล้านตำลึงเพื่อข้า ข้ารู้สึกผิดตำหนิตัวเองนัก”
“อย่างนี้แล้วกัน! พวกเราเริ่มกันเลย ข้าจะไปขนจากตำหนักเว่ยหยางมาให้หมด”
“พี่เจ็ด ท่านไปที่ตำหนักเสด็จแม่ ยกเค้าตำหนักหย่งโซ่วมาให้หมด”
“พี่สะใภ้เจ็ดกลับจวนอ๋อง เก็บของที่มีค่าออกมาให้หมด พวกเราร่วมด้วยช่วยกัน หนึ่งล้านตำลึงน่าจะไม่ยาก”
ฟังแล้วปวดใจยิ่งนัก
ทว่าขณะเดียวกันหัวใจหยุนหว่านหนิงก็รู้สึกอบอุ่น
ดีที่ตอนนี้นังเด็กโม่เฟยเฟยอยู่ฝั่งเดียวกับนางแล้ว จะต่อกรกับฉินซื่อเสวียก็ง่ายขึ้นเยอะ…
โม่เยว่อีกคน กลับทำให้นางคาดไม่ถึงนิดๆ
วันนี้เขาถึงกับออกตัวปกป้องนางเอง?!
นางรู้ ถึงวันนี้นางจะไม่เอ่ยปาก โม่เยว่ก็มีวิธีพานางออกมาจากตำหนักคุนหนิง ทั้งยังพาออกมาได้อย่างชนิดที่ว่าครบสามสิบสอง ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว
แต่นางมีจุดประสงค์อื่น…
ดังนั้นจึงจงใจพูดถึงเรื่องเงินหนึ่งล้านตำลึง
ครั้นเห็นนางทอดสายตามา โม่เยว่ก็แค่นฮึเสียงเบา “ไม่ต้องมองข้า! ข้าไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ของเจ้าหรอก เจ้ามีเงิน คิดหาเงินหนึ่งล้านตำลึงนี่เองเถอะ”
หยุนหว่านหนิงคว่ำปาก
เสียทีที่นางยังซาบซึ้งครู่หนึ่ง เจ้าผู้ชายเลวนั่นยังคงจำแลงกายมาจากสุนัขเช่นเดิม
ชอบไม่ลง!
“ไม่รบกวนท่านอ๋องให้ต้องลำบากหรอก”
หยุนหว่านหนิงแค่นฮึเย็นเสียงหนึ่ง “อย่างมากข้าก็ขายหยวนเป่าไปเสีย”
โม่เยว่เดือดพลุ “เจ้ากล้า?!”
“ถ้าเจ้ากล้าขายหยวนเป่า ข้าจะขายเจ้า!”
“ขายข้าต้องขาดทุนนะ! เฟยเฟยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ข้ายังขายไม่ได้หนึ่งล้านตำลึงเลย”
หยุนหว่านหนิงทำหน้าบริสุทธิ์ “เจ้าคิดว่า ถ้าเสด็จพ่อรู้ว่ามีหยวนเป่าอยู่…อย่าว่าแต่หนึ่งล้านตำลึงเลย ต่อให้ร้อยของล้านตำลึง เสด็จพ่อก็ต้องให้ข้ากระมัง”
โม่เยว่สบตากับโม่เฟยเฟยทีหนึ่ง “วิธีนี้ได้!”
แต่หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “แต่ข้ายินดีขายท่านอ๋อง ก็ไม่ขายหยวนเป่า”
โม่เยว่ “…”
นังคนนี้ ต้องเป็นพังพอนจำแลงกายมาแน่!
เจ้าคิดเจ้าแค้น!
นิดๆ หน่อยๆ ก็จะเอาคืน!
โม่เฟยเฟยหัวเราะ “เอิ๊กๆๆ” “ข้าเข้าใจเสียที! พี่สะใภ้เจ็ด หนึ่งล้านตำลึงในวันนี้ แม้จะให้เสด็จแม่”
“แต่ถึงตอนนั้นก็ต้องเอามาจากเสด็จพ่ออยู่ดี!”
นางรู้อยู่แล้วเชียว หยุนหว่านหนิงฉลาดปราดเปรื่องออกปานนี้ จะยอมแพ้ง่ายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร
นั่นคือหนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ!
หยุนหว่านหนิงไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับเช่นกัน
โม่เฟยเฟยพูดถูกเพียงครึ่งเดียว
นางต้องการเอามาจากโม่จงหรานจริง แต่โม่จงหรานจะเอามาจากผู้ใดนั้น…ปัญหานี้ น่าสนุกจะตาย!
ความซุกซนวาบผ่านดวงตานาง
…
พอกลับถึงจวนอ๋อง หยุนหว่านหนิงก็กวาดเรือนชิงหยิ่งจนเรียบ
ขณะกำลังจะไปเอาเงินข้างนอก ใบหน้าแก้มยุ้ยของหยวนเป่าก็ปรากฏที่ปากประตู “ท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ จะยกเค้าบ้านหรือ”
หยุนหว่านหนิงเหล่ตามองเขา ขนเงินด้วยความกระหืดกระหอบ “อย่าพูดมาก มาช่วยกัน!”
“อ้อ!”
หยวนเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วออกแรงช่วย…ให้ยุ่งกว่าเดิม
เงินตำลึงเทกระจาด หยวนเป่าก้นจ้ำเบ้านั่งกับพื้น “ท่านแม่ นี่ท่านใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมายนะ!”
หยุนหว่านหนิงเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนกัน
หนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ หีบใบใหญ่ตั้งหลายใบ!
นางเหนื่อยจนหอบฮัก
อันที่จริง นางให้พวกหรูอี้กับหรูโม่มาช่วยได้ แต่เรื่องช่องว่างสารพัดประโยชน์ของนางจะถูกเปิดเผยในตอนนี้ไม่ได้ จะให้ใครรู้ก็ไม่ได้
ไม่อย่างนั้นจะเกิดเป็นปัญหาที่ไม่จำเป็น
ดังนั้นจึงได้แต่ขนเงินออกมา แล้วค่อยสั่งให้คนขนไปต่อ
ก่อนกระทำการ นางยังร่าย ‘เวทย์’ มากมาย
พวกแม่นมจางถูกนางสั่งให้ไปจำนวนของมีค่าจำนวนมากมายที่โรงรับจำนำ
และของเหล่านั้น ก็แทบจะเป็นของที่โม่เยว่มอบให้นางทั้งสิ้น
นางไม่เสียดายของที่เจ้าผู้ชายเลวนั่นมอบให้หรอก!
ดังนั้น หลังจากฮองเฮาจ้าวสั่งให้คนมาสืบข่าว ก็พบว่าหยุนหว่านหนิงกำลังรวบรวมเงินจริงๆ…เมื่อนั้นจึงวางใจ ไม่ได้สงสัยอะไรเพิ่ม เพียงแต่รอให้นางส่งเงินเข้าวังเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น จะต้องให้นางได้เห็นดีแน่!
ทีแรกยังคิดว่าวันนี้หยุนหว่านหนิงคงรวบรวมเงินไม่ครบหนึ่งล้านตำลึง
ไหนเลยจะรู้ พอโพล้เพล้ รถม้าของจวนอ๋องหมิงก็เข้าวังมา
รถม้าตั้งหลายคันแน่ะ!
โม่เยว่นำเงินเข้าวังก่อน ส่วนหยุนหว่านหนิงยังปลุกปลอบหยวนเป่าอยู่ที่จวนอ๋อง
“ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ! รับรองว่าจะกลับมาเล่นเป็นเพื่อนเจ้าในครึ่งชั่วยาม ดีหรือไม่”
หยุนหว่านหนิงมองหยวนเป่าที่กอดขานาง จนปัญญาอย่างยิ่ง “เจ้าลูกชายตัวโตของข้า! ตอนนี้ที่ข้าเข้าวังเพราะมีเรื่องสำคัญจริงๆ!”
“ท่านแม่ ท่านไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนข้านานแล้วนะ”
หยวนเป่าทำหน้าน้อยใจ
เขาเงยหน้ามองนาง ดวงตามีน้ำระยับ “ข้าอยู่ตระกูลกู้ทุกวัน ทำไมไม่ให้ข้าแซ่กู้ไปเลยเล่า!”
หยุนหว่านหนิง “…เจ้าอยากแซ่กู้ ก็ได้เหมือนกัน”
นางยังอยากเปลี่ยนชื่อเป็นกู้หว่านหนิงเลย!
ใครจะไปอยากใช้แซ่หยุนนั่น?!
“ท่านแม่ไม่รักข้าแล้วจริงๆ ไม่ต้องการข้าแล้ว!”
หยวนเป่าร้องจ้า
เด็กน้อยสามขวบกว่า มีอารมณ์หลากหลายแล้ว และสามารถแสดงอารมณ์ของตนได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะหยวนเป่าที่เป็นเด็กฉลาดคนนี้ เขาเหนือเด็กในวัยเดียวกัน
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ หยุนหว่านหนิงก็หัวใจรัดแน่น “หยวนเป่า เจ้าบอกข้ามาตามตรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นางย่อตัวอุ้มเขาขึ้นมา “มีคนปากมากต่อหน้าเจ้าใช่หรือไม่”
ถ้ามีคนกล้าพูดเพ้อเจ้อต่อหน้าหยวนเป่าจริง…นางจะต้องทำให้มันผู้นั้นนึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้แน่นอน!
หยวนเป่าคือชีวิตของนาง!
“ไม่มี”
ตอนแรกหยวนเป่ายังไม่ยอมรับ
เขาพูดสะอึกสะอื้น “ข้าแค่รู้สึกแย่นิดหน่อย ข้ารู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารนิดหน่อย ตอนที่ยังไม่ได้ออกจากเรือนชิงหยิ่ง ท่านแม่อยู่เป็นเพื่อนข้าทุกวัน ข้ายังขุดหลุมเอง…”
“แต่พอออกจากเรือนชิงหยิ่ง ถึงจะอิสระแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีความสุขเลย!”
หยวนเป่าสะอื้น น้ำตาไหลเปาะแปะ
ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้หนัก “เวลาที่ท่านแม่อยู่เป็นเพื่อนข้าน้อยลงทุกที ไม่ต้องการข้าแล้วใช่หรือไม่!”
ครั้นเห็นท่าทางบุตรชายร้องไห้สะอึกสะอื้น หัวใจของหยุนหว่านหนิงก็ราวกับมีคนบีบจนแหลกละเอียด!
นางลืมไปได้อย่างไร หยวนเป่ายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!
ถึงเขาจะฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่เขาก็เป็นแค่เด็กน้อยอายุสามขวบกว่า
เป็นวัยที่ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อน ต้องการการปกป้อง!
ช่วงนี้นางไม่ค่อยได้อยู่เป็นเพื่อนเขาจริงๆ
หยุนหว่านหนิงหลั่งน้ำตาตาม ปวดใจจนหายใจไม่ออก กอดเขาไว้แน่น “จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าเป็นดวงใจของข้า เป็นชีวิตของข้า!”
“ข้าจะไม่เอาใครก็ได้ แต่จะไม่เอาเจ้าไม่ได้!”
หยวนเป่ากอดคอนางแน่นๆ ยิ้มทั้งน้ำตา “ท่านแม่ ข้ารักท่าน!”
“ข้าก็รักเจ้า”
แม่ลูกกอดกันตัวกลม
อยู่นานหยุนหว่านหนิงจึงปล่อยหยวนเป่า ถามอย่างจริงจัง “เจ้าลูกชาย เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย ที่แท้แล้วมีคนพูดอะไรต่อหน้าเจ้าใช่หรือไม่”
ดวงตาหยวนเป่าวูบไหว ก้มหน้าเล็กน้อย
“หยุนเสี่ยวหยวน ห้ามโกหกข้า! ห้ามปิดบังเรื่องใดๆ กับข้า!”
สองมือหยวนเป่ากำแน่น พักใหญ่จึงเงยหน้า เอ่ยชื่อหนึ่งออกมาเบาๆ
หยุนหว่านหนิงสีหน้าพลันเปลี่ยน “เป็นนาง?!”