อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 186 เจ้าเจ็ด เจ้าเลี้ยงชายาได้ดี
“ดูท่าระยะนี้หยุนธิงหลานจะว่างงาน วอนแล้วจริงๆ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น
คนที่หยวนเป่าเอ่ยขึ้นมาเมื่อครู่ ก็คือหยุนธิงหลานนี่เอง
วันนี้หยุนธิงหลานไปตระกูลกู้
นางไม่ได้พูดถึงหยวนเป่า เพียงแต่บอกว่าบิดาหยุนเจิ้นซงให้นางมาส่งจดหมายฉบับหนึ่ง จดหมายเป็นของกู้ป๋อจ้ง ไม่รู้ว่าในนั้นเขียนว่าอะไร
ทีแรกกู้ป๋อจ้งไม่อยากจะเจอนาง
ให้นางมอบจดหมายให้กับบ่าวรับใช้ที่หน้าประตู จากนั้นก็ไสหัวไปเสีย
ไหนเลยจะรู้ หยุนธิงหลานเป็นตายก็ไม่ยอมไป สุดท้ายยังหน้าด้านเข้าห้องโถง
พอกู้ป๋อจ้งรู้ก็รีบมา แล้วหยุนธิงหลานอ้างว่าปวดท้อง จะเข้าห้องน้ำตระกูลกู้อีก
นางเลี้ยวไปเลี้ยวมา เข้าห้องหนังสือตระกูลกู้ แล้วเห็นหยวนเป่ากำลังฝึกคัดลายมืออยู่พอดี
ดังนั้นจุดประสงค์การมาตระกูลกู้ในวันนี้ มิใช่เพื่อส่งจดหมายให้กู้ป๋อจ้ง
แต่คือการไปหาหยวนเป่า!
หยวนเป่ามีความจำเป็นเลิศ ยังจำได้ว่านางคือน้องสาวแท้ๆ ของมารดา ต้องเรียกว่าน้ารอง ในตระกูลหยุน นอกจากน้าเล็กแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกดีกับใครทั้งนั้น
โดนเฉพาะน้ารองคนนี้ เห็นชัดว่าท่านแม่ไม่ชอบนาง
หยวนเป่าก็ไม่ชอบนางเหมือนกัน!
หยุนธิงหลานตีไข่ใส่นม กระพือไฟเล็กน้อย ยุยงให้แตกแยกต่อหน้าหยวนเป่า
หยวนเป่าจะฉลาดอย่างไร ก็เป็นเพียงเด็กสามขวบกว่า
หากเป็นแผนการอื่น เขายังอาจรู้ว่าหยุนธิงหลานมีใจคิดไม่ซื่อ…แต่หยุนธิงหลานกลับแทงใจดำเขาพอดี จู่โจมส่วนที่เขาเปราะบางที่สุด
สำหรับหยวนเป่า ไหนเลยมารดาหยุ่นหว่านหนิงจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา!
หลังจากถูกหยุนธิงหลานยุแหย่ หยวนเป่าก็คิดว่าหยุนหว่านหนิงไม่ต้องการเขาแน่แล้ว รู้สึกว่าเขาเป็นตัวถ่วง
ดังนั้นจึงมีการร้องไห้จ้าในเมื่อครู่
“เจ้าลูกชาย วางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะไม่ยอมรามืออย่างแน่นอน! เจ้าต้องจำไว้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ข้าสามารถปล่อยไปได้ทุกคน ละทิ้งได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมละทิ้งเจ้าเด็ดขาด”
หยุนหว่านหนิงประคองใบหน้าของเขา พูดอย่างจริงจัง
“รู้แล้ว ท่านแม่”
หยวนเป่าพยักหน้า ใบหน้าเล็กๆ เปื้อนไปด้วยความสุข
“ท่านแม่ ท่านยังมีธุระไม่ใช่หรือ เช่นนั้นท่านก็รีบไปเถอะ ข้าจะรอท่านกลับมา!”
เขาพูดอย่างว่านอนสอนง่าย
หยุนหว่านหนิงเห็นบุตรชายรู้ความเช่นนี้ นอกจากความปลาบปลื้มแล้ว ที่มากกว่าคือความสงสาร
หยุนธิงหลาน…
นางหันตัว ระหว่างคิ้วมีความอึมครึมแผ่ซ่าน
…
ขณะที่หยุนหว่านหนิงเข้าวัง ฮองเฮาจ้าวกำลังสั่งให้คนนับจำนวนเงิน หลังจากตรวจสอบว่าครบหนึ่งร้อยตำลึงแล้ว ฮองเฮาจ้าวจึงวางถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือ
“เรื่องในวันนี้ ข้าจะละเว้นเจ้า แต่จงจำไว้ว่าอย่ามีครั้งต่อไปอีก!”
นางสั่งสอนหยุนหว่านหนิงสองสามประโยค แล้วจึงให้นางออกไป
นางเห็นนังเด็กนี่แล้วเป็นต้องปวดหัวจริงๆ!
เมื่อมีเงินหนึ่งล้านตำลึงนี่ ฮองเฮาจ้าวก็สบายใจขึ้นมาก
ใช้เงินนี่สร้างตำหนักซีเยว่หลังใหม่ได้พอเหลือเฟือ!
ที่เหลือย่อมเข้ากระเป๋าของนาง
ฮองเฮาจ้าววางแผนได้ดีมาก แต่กลับไม่รู้ว่ายามนี้หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ไปเข้าเฝ้าที่ห้องทรงพระอักษรแล้ว
พอเข้าห้องทรงพระอักษร หยุนหว่านหนิงก็คุกเข่าตรงหน้าโม่จงหราน ฟ้องร้องด้วยความโศกสลดเหลือคณา “เสด็จพ่อ! ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันด้วยนะเพคะ!”
บัดนี้ ไม่เพียงแต่ฮองเฮาจ้าวที่พอเห็นนางก็ปวดหัว
โม่จงหรานเห็นนางก็ปวดหัวเหมือนกัน!
หยุนหว่านหนิงแทบจะเป็นแขกประจำของห้องทรงพระอักษร
หากไม่ให้นางเข้า นางก็จะอาละวาดหรือไม่ก็ทำตัวน่ารัก
พอให้นางเข้า นางก็ใช้ลูกไม้ต่างๆ ยั่วโมโหเขา!
โม่จงหรานนึกเสียใจอย่างหนัก ที่ตอนนั้นให้สิทธิ์นางเข้าออกห้องทรงพระอักษรตามใจชอบ…อยากจะถอนคำสั่งก็เกรงว่าจะสายไปแล้วกระมัง
แต่จะถอนคำสั่งได้หรือไม่ นั่นยังเป็นปัญหาใหญ่อีกเรื่อง
เขานวดระหว่างคิ้ว สูดลมหายใจลึกๆ หลายครั้ง แล้วจึงแลหยุนหว่านหนิงที่คุกเข่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงพื้นด้วยความรังเกียจ
“น้อยๆ หน่อยเถอะ! ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก”
โม่จงหรานหมุนตัวจะไป หยุนหว่านหนิงเอื้อมมือกอดขาของเขาพลัน “เสด็จพ่อ หากไม่ทรงคืนความเป็นธรรมให้หม่อมฉัน วันนี้ลูกจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้แหละเพคะ!”
นางเลียนแบบลูกไม้ของซุนตายิ่ง
โม่จงหราน “…”
ปวดหัว ปวดหัว!
“ว่ามา!”
เขานั่งลงอย่างอารมณ์ไม่ดี “เช็ดน้ำตาเจ้าเสีย ร้องไห้ขี้เหร่จะตายอยู่แล้ว”
“วันนี้ลูกหวังดี รื้อหลังคาตำหนักซีเยว่ คิดจะควักเงินตัวเองสร้างตำหนักซีเยว่ใหม่ ไหนเลยจะรู้ เสด็จแม่เข้าพระทัยลูกผิด แล้วยังทรงหลอกเอาเงินของลูกไปตั้งหนึ่งล้านตำลึงแน่ะเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงไม่เช็ดน้ำตา ร้องไห้ต่อ
ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งขี้เหร่ ยิ่งขี้เหร่ก็ยิ่งร้องไห้
นอกจากจะถอนหายใจ โม่จงหรานก็ไร้วิธีอื่น
เขามองโม่เยว่ด้วยสายตาขอให้ช่วย เอาตัวชายาเจ้าไปได้ไหม ข้าปวดหัว!
โม่เยว่ได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น
โม่จงหรานโมโหจนปวดเหงือก
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเสนอจะมอบเงินหนึ่งล้านตำลึงเอง แล้วเหตุใดเจ้าจึงกลับดำเป็นขาวเสียล่ะ?”
โม่จงหรานฝืนยิ้ม “หว่านหนิงเอ๋ย พวกเราต้องพูดด้วยเหตุผลนะ!”
“เสด็จพ่อ นี่ยังมิใช่เพราะเสด็จแม่ไม่ทรงปล่อยลูกไปหรือเพคะ! ทั้งยังขว้างแจกันดอกไม้แตกเต็มพื้น จะให้ลูกกับเฟยเฟยคุกเข่ารับโทษ”
หยุนหว่านหนิงไม่พอใจ “หากไม่ให้เงิน ลูกก็ยากจะพ้นเคราะห์แล้ว!”
“ยังมีอีกนะเพคะ เสด็จแม่ทรงอ้างว่าลูกรังแกซุนตายิ่ง ยั่วจางหมัวมัวโมโหจนเป็นลม ยังด่าหม่อมฉันอีกแน่ะ”
“ลูกยังจะทำอย่างไรได้อีกเพคะ!”
“ฉะนั้นเจ้ารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก?”
โม่จงหรานเท้าขมับ
“เพคะเสด็จพ่อ นั่นหนึ่งล้านตำลึงเต็มๆ นะเพคะ! ต่อไปลูกต้องกินแกลบแล้ว! แต่หากเป็นเช่นนั้นจะบำรุงร่างกายได้อย่างไรเพคะ หากไม่บำรุงร่างกาย แล้วจะมีบุตรชายให้ท่านอ๋อง ขยายเชื้อสายแห่งราชวงศ์ ให้เสด็จพ่อได้อุ้มหลานชายได้อย่างไรเพคะ!”
เหตุผลมั่วซั่วของนาง แต่ไรมาก็มีมากมายเป็นกระบุง
โม่จงหรานสู้ไม่ไหว จึงได้แต่ปลดอาวุธยอมจำนน “เช่นนั้นเจ้าคิดว่า ข้าต้องทำอย่างไร”
“ข้าบอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่มีล้านตำลึงชดเชยให้เจ้าหรอก”
เขารีบโบกมือ “อีกอย่าง ล้านตำลึงนั่งถึงมือฮองเฮาแล้ว น่ากลัวว่าข้าก็ล้วงออกมาไม่ได้สักแดงเหมือนกัน”
ความหมายก็คือ หนึ่งล้านตำลึงเข้าตำหนักคุนหนิง เข้าแล้วไม่มีออก
“ลูกทราบเพคะ เสด็จพ่อคือประมุขผู้ปรีชามือสะอาด”
หยุนหว่านหนิงสูดจมูก “เสด็จพ่อ ทรงไม่มีหนึ่งล้านตำลึง แต่มีคนมีนี่เพคะ!”
“ใคร”
โม่จงหรานขมวดคิ้ว
“ลูกได้ยินมา ห้องเก็บสมบัติจวนอ๋องหยิงเก็บเงินแน่นเอี๊ยด! อย่าว่าแต่หนึ่งล้านตำลึงเลย ต่อให้สิบล้านตำลึงก็มีเพคะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่จงหรานก็ตะลึง!
แม้แต่โม่เยว่ก็มองนางอย่างเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
หยุนหว่านหนิงถึงกับวางแผนกับโม่หุยเฟิง?!
เขานึกถึงที่นางพูดเมื่อก่อนหน้านี้ เพื่อหยวนเป่าต้องอยู่ฝั่งเดียวกับเขา…โม่เยว่นึกว่านางแค่พูดไปอย่างนั้น
แต่ตอนนี้ดูแล้ว นางวางแผนเพื่อจะหาเรื่องกับอ๋องหยิงอย่างเต็มกำลังจริง!
โม่เยว่เก็บสายตาอย่างมีความคิด
ท่าทีของเขาที่มีต่อนางในก่อนหน้านี้แย่เกินไปหน่อย
ไม่รู้ว่าชดเชยตั้งแต่วันนี้ จะสายไปหน่อยหรือไม่
โม่จงหรานตะลึงเช่นกัน อยู่นานจึงขมวดคิ้วถาม “หยุนหว่านหนิง เจ้าบอกข้ามาตามตรง ตั้งแต่ที่เจ้ารื้อตำหนักซีเยว่ในวันนี้ จนถึงชดเชยหนึ่งล้านตำลึง และการมาฟ้องข้า”
“เป็นแผนการต่อเนื่องของเจ้าใช่หรือไม่”
“เสด็จพ่อ ลูกหรือจะฉลาดเช่นนั้น ทรงบอกว่าลูกโง่งมเหมือนหมูไม่ใช่หรือเพคะ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะแหะๆ
โม่จงหรานทำหน้าตึง “พูดภาษาคน!”
“เสด็จพ่อทรงปรีชายิ่งแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงย่อตัวด้วยความเคารพนอบน้อม
โม่จงหรานเท้าคางแบบเจ็บฟัน สายตาเคียดแค้น “…ข้ารู้อยู่แล้วเชียว!”
หยุนหว่านหนิงยังมีความคิดชั่วร้ายอะไรอีก
นางก็แค่วายร้ายสิบส่วนคนหนึ่งเท่านั้น!
“เจ้าเจ็ด เจ้าเลี้ยงชายาได้ดี!”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ชมเชยพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เยว่ลุกขึ้นยืน ตอบรับอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย
โม่จงหราน “พวกเจ้าไสหัวออกไป!”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างฉับไว “ได้เลย เสด็จพ่อ”
โม่เยว่ “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
เมื่อเห็นทั้งสอง ‘ไสหัว’ ไปถึงข้างประตูอย่างไม่หันกลับแล้ว จู่ๆ โม่จงหรานก็เปล่งเสียง “หยุดนะ! ไสหัวกลับมา! หยุนหว่านหนิง ข้ายังมีเรื่องจะถามเจ้า!”