อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 187 โม่เยว่ ยังเป็นคนอีกหรือไม่
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 187 โม่เยว่ ยังเป็นคนอีกหรือไม่
“เสด็จพ่อเชิญตรัสเพคะ”
หยุนหว่านหนิง ‘ไสหัว’ กลับมาด้วยความเคารพนอบน้อม
เมื่อเห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ โม่จงหรานกลับมิค่อยคุ้นเคย เขาแค่นฮึอย่างปากไม่ตรงกับใจทีหนึ่ง “เจ้าซ่งจื่ออวี๋นั่น เมื่อไรจะกลับเมืองหลวงสักที”
“เขาโอ้อวดใหญ่โตต่อหน้าข้า ว่าไม่ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ครึ่งเดือนเขาก็ขจัดวิกฤตการณ์ได้แล้ว”
“ตอนนี้ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว! คงมิใช่ว่าหนีไปแล้วกระมัง”
“เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย หากพรุ่งนี้เจ้าซ่งจื่ออวี๋นั่นยังไม่กลับมา หม่อมฉันจะหิ้วตัวเขากลับมาถวายเสด็จพ่อด้วยตัวเองเลยเพคะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มประจบ “ขอเพียงเสด็จพ่อทรงรับปาก ว่าจะทวงความยุติธรรมเรื่องในวันนี้ให้ลูก ทุกอย่างก็พูดกันได้เพคะ”
โม่จงหรานพิจารณาถ้อยคำนี้ของนางโดยละเอียด “เจ้ากล้าขู่ข้าหรือ”
หากเขาไม่ทวงความเป็นธรรมให้ นางก็จะไม่ให้ซ่งจื่ออวี๋กลับมาหรือ
“เสด็จพ่อ ดูทรงตรัสเข้าสิเพคะ! ทรงทราบอยู่ในพระทัยก็พอแล้ว ไยต้องตรัสออกมาให้ลูกเขินด้วย!”
หยุนหว่านหนิงโบกมือ หน้าไม่อาย
โม่จงหรานคิดไม่ถึงว่านางจะยอมรับโดยตรงเช่นนี้ ยังอึ้งอยู่พักหนึ่ง
สุดท้ายก็ถูกทำให้โมโหจนหัวเราะ “เจ้านังเด็กหน้าเหม็น อาศัยที่ข้ายอมเจ้า!”
ดังนั้นถึงกล้ากระทำผิดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเขา
คำที่มีความหมายคล้ายกับกระทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง ก็คือทำอย่างที่ใจอยากทำ
หยุนหว่านหนิงตอบรับอย่างหน้าหนาไร้ยางอาย “ขอบพระทัยเสร็จพ่อที่ทรงเมตตาเพคะ! จริงสิ ลูกเล่าเรื่องขำขันให้พระองค์ฟังดีหรือไม่”
“พูด!”
“พระองค์ทราบหรือไม่เพคะ ว่าสุภาษิตที่ว่า ‘ทำอย่างที่ใจอยากทำ’ นี้ สามารถเล่นคำต่อสุภาษิตให้สนุกอย่างไรได้”
โม่จงหรานมองโม่เยว่แวบหนึ่ง เห็นเขาทำหน้าประหลาดใจอยู่ตรงปากประตู เห็นชัดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องน่าขันเรื่องนี้ ดังนั้นจึงส่ายหน้า “เจ้าว่ามา”
“ทำอย่างที่ใจอยากทำ!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มพลางเล่นตา
โม่จงหรานยังคิดไม่ได้ชั่วขณะ กลับเป็นโม่เยว่กลั้นหัวเราะอยู่ที่ปากประตู
“มีอะไรน่าขันหรือ”
โม่จงหรานขมวดคิ้ว
จุดชวนขันจะตื้นเขินไปแล้ว!
“เจ้าดูถูกข้าหรือ”
หยุนหว่านหนิงเห็นว่าเขายังคิดไม่ออกอย่างชัดเจน จึงหัวเราะไปพลาง ไขข้อฉงนใจของเขาไปพลาง ทำอย่างที่ใจอยากทำ ทำ ทำอย่างที่ใจอยากทำ ทำ ทำอย่างที่ใจอยากทำ”
โม่จงหรานคิดขึ้นมาได้ “…รีบไสหัวออกไปเลย!”
“เสด็จพ่อ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของพระองค์ไม่ไหวเลยนะเพคะ สงสัยว่าจะมีอายุแล้วกระมัง”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “เอาไว้วันหลังลูกจะเข้าวังมาใหม่ ขยายความคิดเป็นเพื่อนพระองค์สักหน่อย!”
นางเคยคิดว่าจะพาหยวนเป่าเข้าวังไป ‘แหย่’ โม่จงหรานให้สนุกๆ สักหน่อย
เพราะหากเทียบกับเต๋อเฟยผู้เป็นเสด็จย่าผู้นี้…
นางอยากให้โม่จงหรานรู้มาก ว่าเขามีหลานชายตัวน้อยตั้งนานแล้ว
เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่มั่นคง เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ นางอยากให้เรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ค่อยให้หยวนเป่าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
มิเช่นนั้น กลัวแต่จะมีอันตราย
แม้ว่านางกับโม่เยว่ต้องปกป้องบุตรชายสุดความสามารถอยู่แล้ว แต่ก็ยังแผนร้ายนับไม่ถ้วนของศัตรูในที่ลับ…
หยุนหว่านหนิงออกจากวังหลวงด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
ม่านราตรีจวนจะมาถึง
หลังจากนางเข้านอนเป็นเพื่อนบุตรชาย มองใบหน้าสงบของหยวนเป่า นึกถึงท่าทางของเขาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในตอนกลางวัน
หยุนธิงหลาน…
ระยะนี้หยุนหว่านหนิงยุ่งงวดจนไม่ได้อยู่เฉย กลับลืมบุคคลหนึ่งไปเสียสนิท
นางไม่หาเรื่องหยุนธิงหลาน แต่หยุนธิงหลานกลับไม่รู้ดีชั่ว หันมาก่อกวนหยวนเป่า…
“หยุนธิงหลานหนอหยุนธิงหลาน เจ้าพันไม่ควรหมื่นไม่ควร ไม่ควรทำกับลูกชายข้า!”
หยุนหว่านหนิงกำผ้าห่มแน่น ในดวงตาวาบความชั่วร้ายเสี้ยวหนึ่ง
นางมองหยวนเป่าที่กำลังหลับทีหนึ่ง จากนั้นก็ลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบ
“หรูเยียน”
“พระชายา”
บัดนี้หรูเยียนและหรูอวี้เคารพนางมากกว่าโม่เยว่เสียอีก เมื่อเห็นนางออกมา หรูเยียนก็พลันปรากฏตัว “พระชายา มีเรื่องอันใดจะสั่งเจ้าคะ”
“อื่ม”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า “เจ้าไปสักรอบเดี๋ยวนี้…”
นางกวักมือกับหรูเยียน เป็นการบอกให้นางเงี่ยหูมา
ครั้นฟังคำสั่งจบ หรูเยียนก็แสดงออกว่าเข้าใจ หายตัวไปในความมืดมิดทันที
หยุนหว่านหนิงมองไปทางที่จวนยิ่งกั๋วกงตั้งอยู่ รอยยิ้มเย็นเยียบ
หยุนธิงหลานกล้าลงมือกับบุตรชายนาง อย่าหาว่านางไม่เกรงใจก็แล้วกัน!
เตรียมรับมือเถอะ!
…
หยุนหว่านหนิงเพิ่งนอนลง ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้น
ทีแรกนางนึกว่าหรูเยียนกลับมาแล้ว กำลังคิดว่าทำไมเร็วจัง ไหนเลยจะรู้ว่าพอเปิดประตูออกมา เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก กลับเป็นโม่เยว่…
นางขมวดคิ้ว “มาผิดห้อง?”
“ซ่งจื่ออวี๋กลับมาแล้ว”
โม่เยว่เพิ่งจะกล่าวจบ ประตูก็ปิดดัง ‘ปัง’
หากมิใช่เพราะเขาถอยหลังอย่างทันท่วงที ประตูยังจะกระแทกใส่สันจมูกเขาด้วย
เขาลูบจมูก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
วันนี้เขาไม่ได้หาเรื่องนางกระมัง
ทำไมไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ปิดประตูเสีย ไม่ต้อนรับเขา?
ขณะโม่เยว่จะเคาะประตูอีกครั้ง หยุนหว่านหนิงก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เดินออกจากประตูมาแล้ว “กลับมาได้พอดีจริงๆ! ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าต้องไปเขาอู้หยุนแล้ว!”
ความเร็วในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของนาง มิมีผู้ใดสู้ได้!
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่กลางคืนก็ยังหนาวเย็นอยู่บ้าง
ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงสวมเสื้อกั๊กอีกตัวหนึ่ง
เดินผ่านระเบียงทางเดิน เหนือศีรษะมีโคมไฟส่องสว่าง…
ทันใดนั้นหางตาโม่เยว่ก็พบว่าเสื้อกั๊กของหยุนหว่านหนิงคล้ายว่าจะใส่ผิดด้านแล้ว…“แค่ก หยุนหว่านหนิง เจ้าหยุดก่อน”
“อะไร”
นางหันกลับมาด้วยความหงุดหงิด ท่าทีแย่มาก!
หากนำท่าทีเมื่อสี่ปีก่อนที่จงใจประจบเขา เทียบกับสี่ปีให้หลังที่นางยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืนแล้ว ท่าทีของหยุนหว่านหนิงในระยะนี้กลับคล้ายจะแย่เกินไปหน่อย!
เขาหวนคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง
เหมือนว่าตั้งแต่ครั้งก่อนที่มีปากเสียงกับนาง หยุนหว่านหนิงพาหยวนเป่าหนีออกจากบ้าน และเขาก็ไปรับพวกนางหลายต่อหลายครั้งที่ตระกูลกู้ ท่าทีของทั้งสองก็สลับกัน
ตอนนี้เขาไม่กล้าแข็งขืนต่อหน้านาง
ส่วนนางนิดหน่อยก็สะบัดหน้า แถมยังปากคอเราะรายกับเขาอีก!
หรือว่าช่วงนี้เขาจะยอมนางมากเกินไป
ไปรับนางที่ตระกูลกู้หลายครั้ง ก็เลยทำให้นางหยิ่ง?!
“เจ้าใส่เสื้อผิดด้านแล้ว”
โม่เยว่ยื่นมือชี้
เอาล่ะหว่าทีนี้ เขาราวกับรู้สึกผิดที่พูด ส่วนหยุนหว่านหนิงก็เหมือนแมวเหมียวที่พองขนทั้งตัว ทำตาขวางจ้องเขาทันที “เจ้าจงใจกระมัง!”
“ตอนเพิ่งออกมาเจ้าก็ไม่บอก ตอนนี้เดิมมาถึงนี่แล้ว เจ้าเพิ่งจะมาบอกข้า?”
“เจ้าจงใจอยากเห็นข้าขายหน้าใช่หรือไม่!”
“โม่เยว่ เจ้ามีแผนอะไรอยู่ในใจ! เจ้ายังเป็นคนอีกหรือไม่!”
โม่เยว่ “…ไยข้าจะไม่ใช่คน”
เมื่อครู่นางรีบร้อนออกมา เขามองไม่ถนัดจริงๆ
ตอนนี้ทั้งสองคนหนึ่งหน้า หนึ่งหลัง เขาก็เลยเห็นชัด สู้อุตส่าห์เตือนนางว่าเสื้อกลับด้านด้วยความหวังดี ทำไมสุดท้ายคนที่ถูกด่ายังเป็นเขาอีกเล่า!
“เจ้าจะพูดเหตุผลหน่อยได้หรือไม่”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว
“แล้วเจ้าเคยพูดด้วยเหตุผลกับข้าหรือไม่! สี่ปีมานี้เจ้าให้โอกาสข้าได้พูดเหตุผลหรือ ตอนนี้ใครอยากจะพูดเหตุผลกับเจ้า?”
อารมณ์แม่เสือของหยุนหว่านหนิงกำเริบ
โม่เยว่ละอายใจ ด้อยด้วยเหตุผล
ได้ ถ้าข้ามผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้
พวกเขาสองคนก็ติดอยู่กับเรื่องนี้จนตายเถอะ!
หยุนหว่านหนิงกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างโมโหพลุ่งพล่าน
นางเดินหน้าพลางหันหลัง เห็นโม่เยว่ยังยืนถลึงตากับนางอยู่ ท่าทางอย่างกับผู้ไร้ความผิด…
เพ้ย! เขาทำหน้าอย่างนั้นให้ใครดู!
พ่อตรงแน่วดั่งไม้บรรทัด ไม่รู้จักขอโทษนางด้วยท่าทีจริงจังหรือ เอาใจนางหน่อย แก้ไขเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนเสียก็ได้แล้วนี่
อย่างกับข้าอยากจะใส่อารมณ์กับเขาอย่างนั้นแหละ!
นางเดินหน้าไปก็หันกลับไปมองไป พอหันมาอีกทีก็เกือบจะโหม่งกับเสา!
โม่เยว่ที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ด้านล่างทางเดิน เหินตัวมาฉุดนางไว้ทันที…