อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 19 ข้าจะทำให้เจ้าประหลาดใจ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 19 ข้าจะทำให้เจ้าประหลาดใจ
ความคิดของโม่เยว่ดุดันและเด็ดขาด แต่ความจริงแล้ว
วันรุ่งขึ้น เขาได้ใช้เหตุผลที่ว่า “เจ้าก้อนแป้งครบสามขวบแล้ว ต้องเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือ ”จึงได้เชิญอาจารย์ที่ดีที่สุดในเมืองหลวงให้หยวนเป่า ผู้ซึ่งเคยเป็นอดีต ใต้เท้าไท่ฟู่ มาสอนหยวนเป่า
อดีต ใต้เท้าไท่ฟู่ ท่านนี้ ยังเป็นท่านตาของหยุนหว่านหนิงด้วย
แม่ของหยุนหว่านหนิงกู้ซื่อ ป่วยตายไปตั้งนานแล้ว ยิ่งกั๋วกงได้เลื่อนสถานะของเมียรองเฉินซื่อขึ้นมาเป็นภรรยาหลวง
แม่เลี้ยงท่านนี้เอาแต่ยุยงให้หยุนหว่านหนิงตัดสัมพันธ์กับตระกูลกู้
ตอนแรก ตระกูลกู้ยังรู้สึกเสียดาย
แต่หลังจากเห็นว่าหยุนหว่านหนิงหยิ่งผยองมาก และใกล้ชิดเชื่อฟังแต่เฉินซื่อ ไม่สนใจตระกูลกู้เลยแม้แต่น้อย
ฉะนั้น จึงตัดสินใจกล้ำกลืนความเจ็บปวด ค่อยๆเลิกไปมาหาสู่
ไท่ฟู่เฒ่ากู้ป๋อจ้งตอนนี้อายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ สีหน้าก็ดูสดชื่น เขามีลูกชายและลูกสาวคือกู้ซื่อและกู้หมิงเท่านั้น แต่ลูกสาวได้จากไปเร็วมาก ลูกชายก็มีโรคเก่ารุมเร้า
เพราะกู้หมิงมีโรครุมเร้านอนซมอยู่หลายปี ฉะนั้นจึงไร้ทางสืบทอดตำแหน่งไท่ฟู่ได้
ตระกูลกู้ ได้แต่มอบตำแหน่งตระกูลกู้ให้คนอื่นไป
แม้ว่าฮ่องเต้จะช่วยออกหน้า ให้เขาช่วยอบรมสั่งสอนเหล่าจวิ้นจู่ทั้งหลาย เขาก็ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย บอกว่า ตอนนี้ได้มอบหมายหน้าที่ให้คนที่มีความสามารถแล้ว ฮ่องเต้อย่ามารบกวนเขาอีกเลย
ด้วยนิสัยที่แปลกประหลาด จึงถูกคนในเมืองหลวงเรียกเขาอย่างเป็นกันเองว่า “ท่านโบราณ”
โม่เยว่ได้เชิญท่านโบราณมาที่จวนอ๋องหมิง เพื่อสอนหยวนเป่า เห็นได้ชัดว่ากู้ป๋อจ้งก็ยังให้เกียรติเขาอยู่บ้าง
และบัญเอิญมาก ที่วันนี้เป็นต้นเดือนเก้า เป็นวันที่จวนแจกจ่ายเงินเดือน
หยุนหว่านหนิงกับลุงเว่ย หลิ่วมามาตรวจสอบบัญชีเสร็จแล้ว ก็แจกจ่ายเงินเดือนออกไป แล้วจึงกลับมายังเรือนชิงหยิ่ง
พอเข้ามาแล้วไม่เจอหยวนเป่า ก็เรียกหาแม่นมจางมาถาม
“พระชายา ตอนเช้าตอนที่ท่านเพิ่งจะออกไปได้ครู่เดียว หรูยี่ก็มาพาคุณชายน้อยออกไปแล้ว บอกว่า บอกว่าจะพาไปที่ห้องหนังสือ ท่านอ๋องได้เชิญอาจารย์มาสอนคุณหนู”
“อาจารย์ อาจารย์อะไร”
หยุนหว่านหนิงไม่เข้าใจ
“ท่านอ๋องบอกว่า พระชายามีการศึกษาไม่มาก……”
แม่นมจางมองนางอย่างระมัดระวัง “จึงได้เชิญไท่ฟู่เฒ่ามาสอนหนังสือคุณชายน้อยเป็นการเฉพาะ”
จากนั้น ก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว มีฐานะเป็นท่านตาของพระชายาด้วย”
ท่านตา
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าของร่างเดิมทีท่านตาคนหนึ่งชื่อกู้ป๋อจ้งจริงๆ เพียงแต่เจ้าของร่างคนเดิมถูกเฉินซื่อปิดหูปิดตา ตัดขาดจากตระกูลกู้ตั้งนานแล้ว
แต่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม คนของตระกูลกู้นั้นรักและดีกับนางมาก
ช่างเป็นคนอกตัญญูจริงๆเลย
นางก่นด่าเจ้าของร่างเดิมในใจ พยักหน้าเดินไปทางห้องหนังสือ “ข้ารู้แล้ว”
เพิ่งจะถึงห้องหนังสือ ก็ได้ยินเสียงที่ก้องกังวานดังขึ้น “เจ้าเด็กน้อย แม่เจ้าเป็นหลานสาวของข้า เจ้าควรจะเรียกข้าว่าท่านตาทวดจึงจะถูกต้อง ใครเป็นตาเฒ่ากันห๊ะ”
“หนวดท่านยาวขนาดนี้ ไม่ใช่ตาเฒ่าแล้วจะเป็นอะไร”
“พูดมีเหตุผล”
เสียงดังกังวานนั้น หัวเราะขึ้นมาอย่างสดใส “เจ้าเด็กคนนี้ พูดจาคล่องแคล่วจริงๆ เรียนรู้มาจากแม่เจ้าอย่างนั้นหรือ”
ได้ยินเสียงนี้ ในใจของหยุนหว่านหนิงก็รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมมาก
นางรีบผลักประตูเข้าไป เห็นเพียงหยวนเป่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสุภาพเรียบร้อย หันหลังให้กับเงาที่อยู่ตรงหน้าประตู หลังยืดตรงไม่เหมือนคนแก่อายุมากกว่าเจ็ดสิบปีเลย
โม่เยว่นั่งอยู่ตรงข้ามหยวนเป่า สายตาที่มองเขามีแววครุ่นคิด
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามา ทุกคนต่างก็มองไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยวนเป่ากระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งไปหาอย่างดีใจ “ท่านแม่ท่านมาแล้ว ท่านนี้คือท่านตาทวดของข้า เร็วเข้าข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จัก”
หยุนหว่านหนิง“……”
“ลูกจ๋า ท่านก็เป็นท่านตาของแม่ด้วยไม่ใช่หรือ”
ยังต้องให้เด็กอย่างเจ้าแนะนำอีกหรือ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของกู้ป๋อจ้งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาซับซ้อน
เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่หยุนหว่านหนิงไม่ได้เจอกับกู้ป๋อจ้ง
เขาดูแก่ชราลงไม่น้อย แต่ความสนิทสนมที่มีให้นางนั้นไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนตอนก่อนจะทะลุมิติมา เป็นความรักที่คุณปู่มีให้นาง ทั้งอบอุ่นและเป็นจริง
หน้าตาของหยุนหว่านหนิง เหมือนกับกู้ซื่อมากถึงเก้าส่วน
กู้ป๋อจ้งมองนาง แววตาเริ่มพร่าเลือน
ราวกับว่า สายตาได้มองทะลุตัวนางและเห็นลูกสาวของเขาที่ตายไป
สายตาเปล่าเปลี่ยวนั้น ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกปวดใจ
นางรีบจูงมือหยวนเป่าเดินเข้าไปใกล้ ทักทายกู้ป๋อจ้งด้วยรอยยิ้ม “ท่านตามาแล้ว ทำไมจึงไม่ให้คนไปบอกข้าสักคำ ข้าจะได้มาคำนับท่าน”
“เมื่อครู่ เจ้าเรียกข้าว่าอะไร”
ดวงตาของกู้ป๋อจ้งแข็งค้าง
เมื่อสิบปีก่อน หยุนหว่านหนิงถูกเฉินซื่อยุยง จึงไม่เห็นคนของตระกูลกู้อยู่ในสายตา
แม้แต่เขาที่เป็นท่านตา ก็ถูกเรียกว่าตาแก่ไร้ประโยชน์
เจ้าของร่างเดิมหยุนหว่านหนิง เป็นคนที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบขอคนอื่น
“ท่านตา ยังจะให้เรียกท่านว่าอะไร”
หยุนหว่านหนิงอดทนต่อความเจ็บปวดในใจ และยิ้มออกมา “ไม่เจอกันหลายปี ร่างกายของท่านตายังคงแข็งแรงเช่นนี้ หลายปีนี้ข้าไม่กตัญญู ที่จริงควรจะไปเยี่ยมท่านตาบ่อยๆ”
“ท่านแม่ตายตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้าควรจะแสดงความกตัญญูต่อท่านตา ในส่วนของท่านแม่ข้าด้วยจึงจะถูกต้อง ”
ว่าแล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
นางคิดถึงคุณปู่แล้ว
คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้นางจะรู้สึกผิดจริงๆแล้ว
เห็นนางร้องไห้ออกมาอย่างกะทันหัน กู้ป๋อจ้งก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้นขึ้นมาบ้าง
เขารีบหันร่างไปทางอื่น ไม่ให้หยุนหว่านหนิงเห็นดวงตาที่กำลังแดงรื้นขึ้นมา “เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าก็ดีใจมาก แม่เจ้าที่อยู่ปรโลก คิดว่าคงจะสบายใจได้แล้ว”
“ท่านตา ท่านน้าดีขึ้นบ้างหรือยัง”
หยุนหว่านหนิงเช็ดน้ำตา “ที่จริงควรจะไปเยี่ยมท่านน้าตั้งนานแล้ว แต่สี่ปีมานี้ข้าก็สุขภาพไม่ดีเลย”
“เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้ออกจากจวนไปไหน”
โม่เยว่เคลื่อนสายตาออกไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เห็นทีผู้หญิงคนนี้ ยังรักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองอยู่
รู้ว่าหากพูดเรื่องที่ถูกกักบริเวณสี่ปีออกไปจะทำให้ขายหน้า จึงบอกว่าสุขภาพไม่ดี
เห็นหยุนหว่านหนิงร้องไห้ออกมา หยวนเป่าก็รีบเช็ดน้ำตาให้นางทันที กู้ป๋อจ้งก็หันร่างมา ทุกคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ความห่างเหินจึงถูกทำลายไปเกือบครึ่ง
ที่สุดแล้ว ก็เป็นคนในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกัน ไหนเลยจะมีความแค้นเคืองยาวนานต่อกัน
“มอบหยวนเป่าให้ท่านตาสั่งสอน ข้าก็วางใจแล้ว”
หยุนหว่านหนิงยิ้มและลุกขึ้นยืน “ท่านตาอยู่ทานอาหารค่ำด้วยกันเถอะ ข้าจะเข้าครัวเอง”
“ได้”
กู้ป๋อจ้งสีหน้าดีใจมาก
นึกถึงตอนนั้น การที่ลูกสาวป่วยตายไปทำให้หลานสาวคนนี้นิสัยเปลี่ยนไปมาก เฉินซื่อจงใจเลี้ยงดูอย่างตามใจ ยิ่งทำให้หยุนหว่านหนิงมีนิสัยที่ทำให้คนอื่นไม่ชอบมากขึ้น
ตอนนี้ได้แต่งงานเป็นภรรยาและมีลูกแล้ว ดูรู้ความมากขึ้นจริงๆ
โม่เยว่ลุกขึ้นเดินตามไป “หยุนหว่านหนิง วันนี้ข้าทำให้เจ้าประหลาดใจได้ขนาดนี้ ”
“เพื่อเป็นการตอบแทนข้า เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ว่า เงินกับข้อมูลเหล่านั้น เจ้าไปเอามาจากที่ไหนกันแน่”
ที่แท้ สาเหตุที่เขาเชิญอาจารย์มาให้หยวนเป่า และประสานความสัมพันธ์ของนางกับตระกูลกู้ให้ดีกัน ก็เพราะเหตุผลนี้
หยุนหว่านหนิงหมุนตัวไป มองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ท่านอ๋อง ท่านมีเจตนาไม่บริสุทธิ์นี่นา”
“เพราะฉะนั้น จะเรียกว่าประหลาดใจไม่ได้ เรียกได้แค่ว่า แผนการร้าย”
พูดจบแล้ว ก็เดินออกไปโดยไม่หันมามองเลย
โม่เยว่มองดูเบื้องหลังของนางที่เดินไกลออกไป อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าจะไปไหน”
“ท่านอ๋องอย่าลืมซิ พวกเราตกลงกันแล้ว ท่านจะไม่สามารถจำกัดอิสระข้าได้อีก ข้าจะไปไหน ก็ไม่ต้องรายงานให้ท่านรู้”
หยุนหว่านหนิงยืนหันหลังโบกมือให้กับเขา
“ผู้หญิงคนนี้ ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”
โม่เยว่โมโหจนกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น “ข้าไม่ควรปล่อยเจ้าออกมาเลย”
เห็นเงาหลังของนางหายไปที่หน้าประตู เขาก็รีบก้าวเท้าตามออกไปทันที
ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะไปถึงหน้าประตู ก็พบว่าหยุนหว่านหนิงที่ออกไปแล้ว กำลังก้าวถอยหลังทีละก้าวกลับมาที่ประตูใหญ่
ราวกับว่า กำลังถูกใครบังคับให้กลับมา