อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 192 ท่านไม่ดีกับท่านแม่
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 192 ท่านไม่ดีกับท่านแม่
ขณะกำลังพูด ข้างหูมีเสียงหัวเราะของโม่เยว่ดังมา “ล้วนกล่าวว่า ขุนนางใหม่ดำรงตำแหน่ง ต้องทำเรื่องใหญ่สามเรื่อง”
“เรื่องนี้ของซ่งจื่ออวี๋ ทำจนเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ”
“เจ้าติดค้างน้ำใจข้า”
หยุนหว่านหนิงกวาดมองเขาแวบหนึ่ง
“เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ถึงตัวพี่สาม แม้แต่ตำหนักคุนหนิงกับจวนเฉิงเซี่ยงก็พลอยเต้นผางไปด้วย เสด็จพ่อเชื่อถือและให้ความสำคัญกับซ่งจื่ออวี๋มาก”
โม่เยว่เดินเข้ามาใกล้
“เจ้าติดค้างน้ำใจข้า”
หยุนหว่านหนิงเตือนเขาต่อประหนึ่งเครื่องอ่านทวน
หนนี้ ต่อให้โม่เยว่อยากกลบเกลื่อนให้ผ่านไปอย่างไร ก็ไม่สามารถทำเป็นไม่ได้ยินได้ ดังนั้นจึงพยักหน้าด้วยความจนใจ “หนิงเอ๋อร์ ข้าไม่ได้หูหนวก”
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้หูหนวก และไม่ได้เป็นใบ้ แล้วทำไมถึงไม่ตอบข้า”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองเขา
หรูอวี้กลั้นหัวเราะอยู่ด้านข้าง เดี๋ยวนี้เขาชอบดูท่าทางจ๋อยของนายตัวเองมาก
คนที่เอานายของเขาอยู่หมัดได้ ก็คงมีแต่พระชายาแล้วกระมัง
“หัวเราะอะไร”
สายตาเย็นเยียบของโม่เยว่แทงเข้ามา “ชอบหัวเราะขนาดนี้ ก็หัวเราะทั้งคืนเลยแล้วกัน! ถ้าหัวเราะจนปากไม่ฉีก ก็ห้ามหยุด!”
หรูอวี้แสดงออกว่าไร้ความผิด
“นายท่าน ถ้าหัวเราะจนปากฉีก น่ากลัวว่าจะลำบากหน่อยนะขอรับ”
ทำไมเวลานายท่านทะเลาะกับพระชายา เขาต้องเป็นคนรับเคราะห์ทุกทีสิน่า!
เขามองหยุนหว่านหนิงตาละห้อย สายตาวิงวอน
“ไสหัวไปเถอะ”
หยุนหว่านหนิงเอ่ยปาก หรูอวี้ราวกับได้รับการนิรโทษกรรม รีบจากไปด้วยความสบายใจทันที
โม่เยว่นั่งตรงข้ามนาง “หนิงเอ๋อร์ ครั้งนี้เป็นผงงานของเจ้าจริงๆ! เจ้าเป็นคนหาเสวียนซันเซียนเซิงกับซ่งจื่ออวี๋พบ เป็นเจ้าที่เกลี้ยกล่อมลงจากเขา
“และเป็นเจ้าอีก ที่เกลี้ยกล่อมพวกเขาให้อยู่ฝ่ายเดียวกับข้า”
“แล้วอย่างไร”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองเขา “เจ้าวางแผนจะตอบแทนข้าอย่างไร”
โม่เยว่กำลังจะเอ่ยปาก เสียงอ่อนเปียกก็เข้าโสตหู “ท่านแม่”
หยุนหว่านหนิงที่เมื่อครู่ยังเชิดหน้าเอาจมูกให้โม่เยว่ เปลี่ยนเป็นยิ้มหน้าบาน ‘จ๋า! เจ้าลูกชาย รีบมาหาข้าทางนี้เร็ว!’ ทันที
เจ้าก้อนแป้งอ้วนตุ๊ต๊ะ วิ่งมาเข้าอ้อมอกหยุนหว่านหนิงด้วยความรวดเร็วราวกับหัวกระสุนดีดตัว
เห็นท่าทางสนิทสนมอย่างที่สุดของสองแม่ลูกแล้ว โม่เยว่ก็รู้สึกตาร้อน
เขามองพวกเขาด้วยความอิจฉาทีหนึ่ง “หยวนเป่า เจ้าลืมอะไรไปหรือไม่”
“อะไรหรือ”
หยวนเป่ามุดหัวออกมาจากอกของหยุนหว่านหนิง
โม่เยว่อดกลั้นความอิจฉาอย่างหนัก “เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าตรงนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง”
“ยังมีอีกคน? ใครหรือ”
ดวงตาโตดำมิดของหยวนเป่ากำลังมองเขาอยู่ ลูกตากลิ้งไม่หยุด “หรือว่ายังมีผีอีกหรือ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”
โม่เยว่ “…”
เจ้าเด็กหน้าเหม็น จงใจกระมัง!
เขาเอามือชี้ตัวเอง “เจ้าลืมไปแล้วหรือ ยังมีใครที่เจ้ายังไม่ได้ทักทาย”
“ใคร?”
หยวนเป่ากะพริบตาต่อ น่ารักบริสุทธิ์
โม่เยว่ “…”
“ยังมีข้าอีกคน!”
“อ้อ พ่อเก๊ดี”
เมื่อนั้นหยวนเป่าจึงเผยรอยยิ้มจอมปลอมตามแบบมาตรฐานออกมา
โม่เยว่ “…”
ตอนนี้เขาถูกสองแม่ลูกเอาอยู่หมัดแล้ว!
“พ่อเก๊ ตอนนี้ท่านไม่ควรยุ่งอยู่ที่ค่ายเสินจีหรือ ทำไมถึงอยู่ที่นี่ ท่านแม่เคยบอกว่าผู้ชายสมควรเห็นการงานเป็นสำคัญ จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้!”
หยวนเป่าทำหน้าขึงขัง ท่าทางอย่างกับผู้ใหญ่ “ถ้าท่านไม่ตั้งใจทำงาน”
“ก็จะไม่มีเงินเลี้ยงข้ากับท่านแม่! ทำให้ข้ากับท่านแม่มีชีวิตที่ดีไม่ได้ พวกเราก็จะไม่เอาท่านแล้ว!”
โม่เยว่ “…”
มีใครรับรู้ ความรู้สึกที่มีทุกข์แต่ยากจะเอื้อนเอ่ยของเขาในตอนนี้บ้าง?
ถ้าคนอื่นกล้าพูดอย่างนี้ เขาคงสั่งให้คนลากไปตัดหัวนานแล้ว
แต่นี่คือบุตรชายของเขา…
โม่เยว่สูดลมหายใจเข้าลึก กดอารมณ์ร้อนลง “วางใจเถอะ! จะเลี้ยงพวกเจ้าสองคนง่ายนิดเดียว ข้าต้องพยายามแน่”
“ท่านขี้โม้กระมัง!”
หยวนเป่ามองเขาด้วยความดูถูกอย่างเปิดเผย
“เจ้าว่าอะไรนะ”
โม่เยว่อึ้งตะลึงงัน
หยวนเป่าแค่นฮึเสียงเบา “ท่านไม่ดีกับท่านแม่แม้แต่นิดเดียว! ข้าเห็นผู้ชายคนอื่นเอาอกเอาใจภรรยาของตัวเองสารพัด ต้องการอะไรก็ให้หมด”
“สร้อยคอไข่มุกที่คอ ใหญ่กว่าโซ่เหล็กอีก!”
“ท่านดูท่านแม่ของข้า!”
เขาเอ่ยพลางหันไปคว้ามือของหยุนหว่านหนิง “ท่านแม่ของข้า นอกจากกำไลหยกวงนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
ปกติหยุนหว่านหนิงชอบความสมถะใจกว้าง
ดังนั้นการแต่งตัวของนางจึงเรียบสง่า
แต่ในสายตาของหยวนเป่า กลับขมขื่นเล็กน้อย
อย่างน้อย ‘น้ารอง’ ท่านนั้นที่เขาพบในวันนั้น ก็แต่งตัวสีสันฉูดฉาด อย่างกับอีกาที่คลุมขนนกยูงทั้งตัวตัวหนึ่ง
แต่งตัวอย่างกับเป็นผู้ดี ปากเหม็นยิ่งกว่าอีกา!
โม่เยว่คิดไม่ถึง หยวนเป่าอายุน้อยๆ ก็รู้จักพูดอย่างนี้แล้ว
ครั้นมองหยุนหว่านหนิงอย่างละเอียด นางแต่งตัวธรรมดาจริงๆ
เขาที่เป็นสามี ทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอจริงแท้
โม่เยว่วางแผนการในใจแล้ว ประเดี๋ยวจะสั่งหรูโม่ไปกวาดเครื่องประดับที่กำลังนิยมที่สุด แพงหรูหรามากที่สุดในเมืองหลวงมาที่เรือนชิงหยิ่งให้หมด!
“ดี ข้ารู้ความผิดแล้ว”
โม่เยว่รับผิดแต่โดยดี
เมื่อนั้นหยวนเป่าจึงอภัยให้เขา
โม่เยว่ไม่เข้าใจเอาเสียเลย
ทำไมเวลาหยวนเป่าอยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิง เขาเป็นเด็กน้อยน่ารักแท้ๆ
แต่พออยู่ต่อหน้าเขากลับกลายเป็นเด็กแก่ แถมยังปากคอเราะรายหยิ่งทะนง…โม่เยว่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก็จำใจต้องกล้ำกลืน
“จริงสิ เจ้าลูกชาย พวกเราไม่ได้พนันกันไว้หรือ เจ้ายังจำได้หรือไม่”
หยุนหว่านหนิงมองหยวนเป่าอย่างขบขัน
“ข้าจำได้”
หยวนเป่าหาวหวอด “ข้าติดค้างท่านแม่หนึ่งเรื่อง ท่านแม่คิดออกแล้วหรือยัง”
“ยังเลย คิดออกแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างพอใจ “เจ้าต้องจำให้แม่นนะ ไม่แน่ว่าวันไหนข้าจะคิดออก ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าลืมเสียล่ะ!”
“ข้ารู้แล้ว ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ปลาทองที่สามเหมี่ยว(*วินาที)ก็ลืมสักหน่อย”
หยวนเป่าทำหน้ารังเกียจ “ข้าไม่เหมือนท่าน!”
หยุนหว่านหนิง “…”
เมื่อเห็นนางถูกบุตรชายโต้แย้ง โม่เยว่จึงจะยิ้มด้วยความพึงพอใจ
เขาเรียกหรูอวี้เข้ามา พาหยวนเป่าออกไปเล่น แล้วจึงหารือเรื่องจริงจังกับหยุนหว่านหนิง
“ตอนนี้ชื่อเสียงพี่สามเสื่อมเสีย ถูกกักตัวอยู่ในจวนอ๋องหยิง”
ขณะที่หารือธุระ โม่เยว่จะมีสีหน้าจริงจัง “ทางฮองเฮากับจวนเซี่ยงต้องไม่ยอมรามือแน่ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ เจ้ามีแผนการอะไรหรือไม่”
“นี่มิใช่เรื่องของเจ้าหรือ เกี่ยวอะไรกับข้า”
หยุนหว่านหนิงเห็นต่าง
การที่นางลงมือกันหยุนธิงหลาน แม้จะเพราะเรื่องส่วนตัว
แต่ก็เป็นการช่วยโม่เยว่ทางอ้อม ขัดขวางจวนยิ่งกั๋วกง อย่างน้อยหยุนเจิ้นซงจะไม่แอบเล่นตุกติกอะไรกับเขา
ส่วนที่เหลือก็อาศัยตัวเขาแล้ว
“เจ้ามิใช่ว่าจะเป็นกุนซือให้ข้าหรือ”
“แต่เจ้าไม่ได้ให้ผลประโยชน์อะไรกับข้า! ข้าเป็นกุนซือให้เจ้าตั้งหลายครั้งขนาดนี้ มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าให้ประโยชน์ข้า”
หยุนหว่านหนิงฮึเบาๆ “ฝันเฟื่อง!”
“เป็นเช่นนั้นจริง”
โม่เยว่พยักหน้า ลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าจะเอาประโยชน์มาให้เจ้ามากๆ แล้วเจ้าค่อยเป็นกุนซือให้ข้าต่อเถอะ”
ใช่ว่าเขาจะแก้ไขเรื่องพวกนี้เองไม่ได้
เพียงแต่ทุกครั้งเขาเคยชินกับการถามหยุนหว่านหนิง…
ความเคยชิน คือสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
โม่เยว่เพิ่งจะออกจากเรือนชิงหยิ่ง หรูโม่ก็ปรากฏตัวออกมารายงาน “นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องจะรายงานขอรับ”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขา โม่เยว่ก็หันไปมองหยุนหว่านหนิงตามจิตใต้สำนึก เห็นนางไม่สังเกตพวกเขา จึงส่งสายตากับหรูโม่ สองนายบ่าวจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าห้องหนังสือ หรูโม่ก็รายงาน “นายท่าน ทางฮองเฮามีความเคลื่อนไหวแล้ว…”