อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 202 บุกน้ำลุยไฟง้อภรรยา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 202 บุกน้ำลุยไฟง้อภรรยา
หยุนหว่านหนิงยังไม่ทันตอบ โม่เฟยเฟยก็โอบหยวนเป่าเข้าอ้อมแขน ราวกับแม่ไก่แก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ
“ชอบใส่หน้ากากไม่ได้หรือ”
นางถลึงตามองโม่ฮั่นอี่ว์ “พี่รอง ท่านจะดูแลกว้างขวางไปหน่อยแล้วกระมัง นี่ท่านจะมากินข้าว หรือจะมาทำให้ลูกคนอื่นตกใจกันแน่”
อยู่กับหยุนหว่านหนิงนาน โม่เฟยเฟยจึงค่อยๆ สลัดความเรียบร้อยขององค์หญิงไปทีละน้อย
ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือรูปแบบการพูด ล้วนไปทางหยุนหว่านหนิงหมด
เห็นดังนั้น หยุนหว่านหนิงแสดงออกว่าพอใจมาก
กลับเป็นโม่ฮั่นอี่ว์ที่ตะลึง เกาศีรษะ “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น ทำไมถึงกลายเป็นทำให้เด็กตกใจได้”
“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ได้ทำให้เด็กตกใจเล่า”
โม่เฟยเฟยอุ้มหยวนเป่า พูดด้วยความไม่พอใจ “เด็กคนนี้น่าสงสารมากพออยู่แล้ว”
“ท่านยังจะซ้ำเติมเขาอีกหรือ”
โม่ฮั่นอี่ว์ถูกใส่ความเล็กน้อย
เขาแค่ถามประโยคเดียว ทำไมถึงกลายเป็นซ้ำเติมไปได้ล่ะ!
กลับเป็นโจวหยิงหยิง วางตะเกียบลงแล้วมองโม่เฟยเฟยอย่างสงสัย “เฟยเฟย เจ้าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้คือใครไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าเขาน่าสงสารล่ะ”
“ข้า…”
ยังดีที่โม่เฟยเฟยหัวไว รีบตอบ “เมื่อกี้ตอนที่ข้าเป็นลูกมือพี่สะใภ้เจ็ดยู่ในห้องครัว นางก็เล่าให้ข้าฟังแล้ว”
“อ้อ”
โจวหยิงหยิงไม่ถามมาก คีบอาหารให้โจวเถียนเถียน
โจวเถียนเถียนกับหยวนเป่าถือน่องไก่คนละน่อง กำลังกินคำโต
นังหนูนี่ในมือก็ถือน่องไก่อยู่แท้ๆ แต่ดวงตากลับจ้องตีนไก่ในจานเขม็ง
ขณะที่นังหนูยื่นมือจะไปคว้าตีนไก่ อย่างมือเร็วตาไว โม่เฟยเฟยก็คีบไปวางในถ้วยของหยวนเป่าแล้ว “เจ้าลูกบุญธรรม รีบกิน!”
โจวเถียนเถียนคว้าอากาศ ได้แต่เอาปีกไก่มาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
หลังจากแคะปีกไก่เสร็จ นางก็สนใจขาหมูที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวในอีกจานหนึ่งอีก
พอเห็นมือป้อมๆ ทำท่าจะยื่นมา โม่เฟยเฟยก็คีบขาหมูตัดหน้านางไปก่อนหนึ่งก้าวอีกครั้ง “เจ้าลูกบุญธรรม ให้เจ้ากิน!”
โจวเถียนเถียนมองจานที่ว่างเปล่า ตะลึงงัน
พักใหญ่ถึงจะ “แง” ร้องไห้ขึ้นมา
เสียงร้องไห้ของนางทำให้โจวหยิงหยิงที่กำลังกินอาหารอย่างแร้งลง และโม่ฮั่นอี่ว์ที่นั่งอยู่ข้างนางตกใจ
โจวหยิงหยิงถามด้วยความงุนงง
“นาง!”
โจวเถียนเถียนยื่นมือออกไปชี้โม่เฟยเฟย “นางไม่ให้ข้ากิน!”
โม่เฟยเฟยทำหน้าบริสุทธิ์ “พี่สะใภ้รอง ใช่ว่าไม่ให้นางกิน! แต่ท่านดูนังหนูนี่สิ อ้วนขนาดไหน ขืนกินอีก ต่อไปก็ต้องลดความอ้วน ข้าหวังดีต่อนางต่างหาก”
เมื่อได้ยินโม่เฟยเฟยว่านางอ้วน โจวเถียนเถียนก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม!
โม่เฟยเฟยยังคงคีบอาหารให้หยวนเป่าต่อ
กระทั่งกับข้าวกองอยู่ในชามของเขาจนเป็นภูเขาลูกน้อยๆ แล้วจึงจะหยุดมือ มองหยวนเป่ากินอาหารอย่างพึงพอใจ
ราวกับแค่มองเขากิน นางก็อิ่มแล้ว
นี่ก็คือความรักที่อาแท้ๆ มีต่อหลานกระมัง
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าด้วยความจนใจ คืนนี้โม่เฟยเฟยทำเกินไปหน่อยแล้ว…ดีกับหยวนเป่าขนาดนี้ แต่กลับทำให้โม่ฮั่นอี่ว์และโจวหยิงหยิงสงสัย
แต่ เห็นได้ชัดว่าหยุนหว่านหนิงคิดมากไปแล้ว!
เพราะหลังจากยกอาหารขึ้นโต๊ะ โจวหยิงหยิงกับโม่ฮั่นอี่ว์ก็สวาปามอยู่ตลอด
หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าสองคนนี้ไม่ยึดติดกับมารยาทอยู่แล้ว หยุนหว่านหนิงยังนึกว่าพวกเขากำลังเคร่งครัดกับ ‘เวลากินห้ามพูด’ ระเบียบโต๊ะอาหารของราชวงศ์
สองคนนี้ ปกติมีคำพูดไร้สาระมากกว่าอะไร
ที่ตั้งใจกินอาหารแบบใจจดใจจ่อในตอนนี้ แค่เพราะอาหารโอชาถูกปากเท่านั้น!
แม้แต่โจวเถียนเถียนก็ยังต้องกินเอง โจวหยิงหยิงไม่สนใจนางสักนิด
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้โม่เฟยเฟยจะ ‘รังแก’ หนูน้อยโจวเถียนเถียนคนนี้อีก พวกโจวหยิงหยิงก็ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติสักนิด กลับกัน ยังมองพวกนางด้วยความสงสัยอีก “มีอะไรหรือ”
“พี่สะใภ้รอง ไม่มีอะไรจริงๆ!”
โม่เฟยเฟยเท้าแก้ม “รีบกินเถอะ อาหารจะเย็นแล้ว”
โจวหยิงหยิงกับโม่ฮั่นอี่ว์สวาปามต่อ
ทั้งสอง ‘ก้มหน้าก้มตากินด้วยความลำบาก’ โม่เฟยเฟยทำหน้าทะเล้นกับโจวเถียนเถียน…นังหนูถลึงตาใส่นางทีหนึ่งด้วยความคับแค้น ทั้งยังมองขาหมูในถ้วยหยวนเป่าตาเยิ้ม
“พี่หยวนเป่า ให้ข้ากินคำหนึ่งได้หรือไม่”
ตามการเติบโตทุกวันของหยวนเป่า…แม้บอกว่ายังเป็นเด็กน้อยสามขวบกว่า แต่มารยาทบนโต๊ะอาหารของเขายอดเยี่ยมมาก
ขณะกินอาหาร ท่วงท่าสง่างาม มีลักษณะแห่งราชวงศ์อย่างยิ่ง
อย่างน้อยก็ยังสง่างามมากกว่าโม่ฮั่นอี่ว์ผู้เป็นอารองท่านนี้
“ให้เจ้ากินแล้วกัน”
หยวนเป่ายื่นขาหมูให้โจวเถียนเถียน “กินมื้อนี้แล้ว เจ้าควรลดความอ้วนแล้วล่ะ”
โจวเถียนเถียนกะพริบตา ครั้นได้ยินพี่หยวนเป่าก็บอกว่านางสมควรลดความอ้วนแล้ว อาหารอันโอชะเบื้องหน้าจึงไร้ความอยากไปชั่วขณะ นางคืนขาหมูให้หยวนเป่าแบบหงอยๆ กระโดดลงจากเก้าอี้
เมื่อเห็นนางเดินออกไปข้างนอก หยุนหว่านหนิงก็รีบตามไป “เถียนเถียน นี่เจ้าจะไปทำอะไรหรือ”
“พี่หยวนเป่าบอกว่าข้าควรลดความอ้วนแล้ว ข้าจะออกไปวิ่ง”
โจวเถียนเถียนหน้าละห้อยคอตก ดูแล้วห่อเหี่ยวใจยิ่งนัก
หยุนหว่านหนิงจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่
นางก่ายหน้าผากมองไปทางหยวนเป่า “หยวนเป่า ใครเรียนผูกคนนั้นก็เรียนแก้”
นางส่งสัญญาณให้หยวนเป่ามาตามโจวเถียนเถียนกลับไป ไหนเลยจะรู้ โม่เฟยเฟยเสริมอีกประโยคพลัน “นังเด็กนี้ควรลดความอ้วนแล้วจริงๆ! หยวนเป่าของพวกเราพูดไม่ผิด!”
โจวเถียนเถียนกัดริมฝีปาก น้ำตาแห่งความน้อยใจกำลังกลิ้งกลอกอยู่ในกรอบตา
นางออกไปวิ่งแล้ว…ดื้อดึงถึงขั้นที่หยุนหว่านหนิงห้ามไม่อยู่
ด้วยเหตุนี้ นางจึงสั่งให้หรูเยียนตามไป อย่าให้นังเด็กนี่เกิดเรื่องได้
ครั้นหันกลับมามองโจวหยิงหยิงและโม่ฮั่นอี่ว์ ที่ยังเอาแต่กินๆๆๆๆ…
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว โม่ฮั่นอี่ว์ก็ตบพุงด้วยความอิ่มเอม “หว่านหนิง วันหลังให้พี่สะใภ้รองเจ้ามาเรียนฝีมือทำครัวกับเจ้าหน่อยสิ ข้าไม่ได้กินอิ่มขนาดนี้นานแล้ว!”
โจวหยิงหยิงพองขนทันที “โม่ฮั่นอี่ว์ ทำไมเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ!”
“ยังจะให้ข้าเรียนฝีมือการทำครัวมาปรนนิบัติเจ้าอีก เจ้าเป็นลำดับที่เท่าไรกันฮะ!”
“ลำดับที่สองอย่างไร”
โม่ฮั่นอี่ว์ตอบด้วยท่าทีจริงจัง
ครั้นกล่าวจบ โจวหยิงหยิงก็เริ่มรูดแขนเสื้อ โม่ฮั่นอี่ว์รีบยิ้มร่าดึงมือนาง “ข้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง เจ้าอย่าโกรธเลย! ข้าจะเรียน”
“ข้าจะเรียน เรียนฝีมือการทำครัวแล้วกลับไปปรนนิบัติเจ้า ได้หรือยัง”
“นี่ยังพอเข้าที”
โจวหยิงหยิงปล่อยแขนเสื้อลง
ทั้งสองหยิกนิดหยอกหน่อย โม่เยว่สีหน้าเรียบเฉย ทว่าในดวงตากลับซับซ้อน
หากดูโดยละเอียด ในสายตาของเขายังมีความอิจฉาและความไม่พอใจอยู่ด้วย
โม่เฟยเฟยกล้าเดาเลย พี่เจ็ดต้องอิจฉาความรักของพี่รองกับพี่สะใภ้รองแน่…ครั้นมองหยวนเป่าที่กำลังพูด และหยุนหว่านหนิงที่ไม่มองโม่เยว่สักนิดแล้ว โม่เฟยเฟยก็แอบหัวเราะขึ้นมา
สมน้ำหน้า!
ใครใช้ให้ตอนนั้นพี่เจ็ดทำอย่างนั้นก็พี่สะใภ้เจ็ดเล่า
ตอนนี้ก็สมควรลิ้มรสชาติบ้างแล้ว!
ให้เขารู้ซึ้งเสียบ้าง อะไรเรียกว่าบุกน้ำลุยไฟง้อภรรยา!
โม่เฟยเฟยเท้าแก้ม “จริงสิพี่สะใภ้เจ็ด ครั้งที่แล้วเรื่องที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง ท่านประธานรังแกภรรยาอะไร บุกน้ำลุยไฟง้อภรรยาอะไรนั่น สุดท้ายสำเร็จหรือไม่”
เพื่อดึงโม่เฟยเฟยที่เป็น ‘ผู้ช่วยมือดี’ คนนี้ หยุนหว่านหนิงถึงกับใช้ทุกกลเม็ดเด็ดพราย
อาหารรสเลิศ ทุ่มเงิน ทุ่มของขวัญ เล่าเรื่องความรักน้ำเน่า เรื่องท่านประธานกับแมรี่ซู กระทั่งหยวนเป่าที่เป็นไพ่สำคัญนี่ก็ใช้ด้วย
ดีที่โม่เฟยเฟยถูกนางสยบได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ตอนนี้โม่เฟยเฟยคือแฟนตัวยงหมายเลขหนึ่งของนาง!
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “ก็บอกว่าบุกน้ำลุยไฟง้อภรรยาแล้ว ก็ต้องไม่สำเร็จนะสิ”
โม่เฟยเฟยมองทางโม่เยว่ด้วยความหมายลึกซึ้ง “จริงด้วย รังแกภรรยาสะใจเพียงครู่ บุกน้ำลุยไฟง้อภรรยาหนอ…”
โม่เยว่ “…”
นังเด็กหน้าเหม็นนี่ กำลังบอกเป็นนัยกับเขาหรือ!