อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 211 เต๋อเฟยถูกพิษ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 211 เต๋อเฟยถูกพิษ
ตำหนักหย่งโซ่ว
ยามไฮ่ล่วงเลยไปแล้ว เดิมทีควรจะเป็นเวลาที่ดับไฟเข้านอนแล้ว แต่เวลานี้ตำหนักหย่งโซ่วกลับยังสว่างไสว
มองดูเต๋อเฟยที่ริมฝีปากเป็นสีม่วง นอนหมดสติอยู่บนเตียง โม่จงหรานโกรธจนยากที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ “พวกขยะไร้ประโยชน์ทั้งหลาย! หากรักษาเต๋อเฟยไม่ได้ ข้าจะฝังพวกเจ้าไปพร้อมกันเลย!”
บรรดาหมอหลวงต่างก็พากันคุกเข่าลงไปข้างเตียง ร้องขอความเมตตา
“ไว้ชีวิต? หากเต๋อเฟยตายไป พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดเลย!”
โม่จงหรานถีบหมอหลวงหยันที่อยู่ตรงหน้า “ขยะไร้ค่า! ล้วนเป็นขยะไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!”
มีเพียงหมอหลวงหยางหัวหน้าแห่งโรงหมอหลวง นั่งจับชีพจรอย่างละเอียดอยู่ข้างเตียง
ชั่วครู่หนึ่ง เขาเก็บมือกลับมา แล้วก็ลูบเคราอย่างครุ่นคิด…… “วันนี้หากเจ้าไม่สามารถรักษาเต๋อเฟยได้ ข้าก็จะเผาหนวดเคราของเจ้าซะ!”
หมอหลวงหยางที่กำลังลูบเคราอยู่: “……”
เขารีบร้อนวางมือลง “ฝ่าบาท อาการป่วยของเต๋อเฟยเหนียงเหนียง เกรงว่าจะถูกคนวางยาพิษ!”
“ข้าไม่รู้ว่าถูกคนวางยาพิษหรือ? ยังต้องให้เจ้าพูดอีกหรือ? !”
โม่จงหรานโกรธสุดขีด
ริมฝีปากที่เป็นสีแดงอมม่วงของเต๋อเฟยนั่น เขาไม่ได้ตาบอดซะหน่อย!
หมอหลวงหยางจนใจ
คืนนี้เต๋อเฟยถูกวางยาพิษ ฝ่าบาทก็ทรงกระวนกระวายและโกรธจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว ใครใช้ให้คนที่ถูกพิษ คือเต๋อเฟยเหนียงเหนียงที่เป็นยอดดวงใจและได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทมาหลายปีขนาดนี้กันล่ะ? !
เขาอยากจะบอกมากเลยว่า ฝ่าบาทในคืนนี้เหมือนกับทรราชพระองค์หนึ่งเลย
แต่เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาที่แดงก่ำและโกรธสุดขีดของโม่จงหราน เขาก็กลืนคำพูดที่มาถึงปากกลับไป
“ฝ่าบาท พิษนี้ร้ายแรงและก็หายากมาก!”
หมอหลวงหยางรีบกล่าว “พระชายาหมิงมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ถ้าอย่างไรเชิญนางมาแก้พิษให้เหนียงเหนียงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
โม่จงหรานหรี่ตาลง ในดวงตามีประกายแสงอันตรายพุ่งออกมา “เจ้ากำลังบอกว่า เจ้าที่เป็นหัวหน้าแห่งโรงหมอหลวง ทักษะทางการแพทย์ยังสู้พระชายาหมิงไม่ได้หรือ? !”
“ข้ามีเจ้าไว้เพื่ออะไร? ! เจ้าพวกคนไม่เป็นโล้เป็นพายทั้งหลาย!”
บรรดา “คนไม่เป็นโล้เป็นพาย” ก้มหน้าเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
หลี่หมัวมัวยืนเช็ดน้ำตาอยู่ด้านข้าง “ฝ่าบาท หมอหลวงหยางกล่าวถูกแล้ว ถ้าอย่างไรเชิญพระชายาเข้าวังมาเถอะ!”
โม่จงหรานถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “ซูปิ่งซ่าน ออกนอกวัง ไปเชิญพระชายาหมิงเข้าวังทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ซูปิ่งซ่านหันหลังจากไปทันที
โม่จงหรานอดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้ กล่าวถามหลี่หมัวมัว “อยู่ดีๆ ทำไมเต๋อเฟยถึงถูกวางยาพิษได้? คืนนี้กินอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ทูลฝ่าบาท คืนนี้เหนียงเหนียงรู้สึกเบื่ออาหาร ดื่มไปเพียงโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยถ้วยเดียว แล้วก็ซุปข้นตับแกะครึ่งถ้วยเล็กเท่านั้น”
โม่จงหรานขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดเต๋อเฟยถึงเบื่ออาหาร?”
วางเต๋อเฟยเอาไว้บนยอดดวงใจจริงๆ ด้วย
ได้ยินว่านางเบื่ออาหาร…….โม่จงหรานก็สอบถามในทันที ถึงขั้นลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่นี้เขากำลังถามว่า คืนนี้เต๋อเฟยกินอะไรไป
“นี่……”
หลี่หมัวมัวแสดงออกว่าตอบได้ยาก
นางมองไปที่โม่จงหรานอย่างลำบากใจครู่หนึ่ง อยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ “วันนี้ในตำหนักคุนหนิง พระนางฮองเฮากับซูเฟยเหนียงเหนียง รวมหัวกันถากถางเหนียงเหนียงของเรา”
ในดวงตาของโม่จงหรานมีความโหดเหี้ยมไร้ความปรานีแวบผ่านไปเล็กน้อย “พวกนางว่าอะไรเต๋อเฟย? !”
ผู้หญิงปากมากขี้นินทาพวกนี้!
ตอนนี้เขาแค่อยากจะดึงลิ้นของพวกนางออกมาเท่านั้น!
ผู้หญิงสามคนอยู่ด้วยกันก็มีเรื่องวุ่นวายต่างๆ นานาแล้ว แต่เขาดันมีหญิงงามในวังหลังสามพันนาง!
แสดงละครกันอยู่ตลอดเวลา ไม่มีหยุดพักกันเลยสักวัน!
หลี่หมัวมัวก้มหน้าเอาไว้ กล่าวตอบอย่างระมัดระวัง “พระนางฮองเฮากับซูเฟยเหนียงเหนียง เยาะเย้ยท่านอ๋องกับพระชายาว่าไร้ทายาท ดังนั้นเหนียงเหนียงก็เลยโกรธมาก……”
“หลังจากกลับตำหนักแล้ว เหนียงเหนียงก็อ่อนเพลียทั้งวัน”
“มื้อกลางวันก็ดื่มไปแค่น้ำซุปถั่วเขียวเท่านั้น มื้อเย็นก็กินไปแค่ซุปข้นตับแกะกับโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยเท่านั้น”
หัวข้อสนทนากลับไปที่ มื้อเย็นเต๋อเฟยกินอะไร
โม่จงหรานถึงได้กล่าวถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ซุปข้นตับแกะ?”
“ซุปข้นตับแกะคืออะไร?”
เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน? !
“บ่าวก็ไม่ทราบเพคะ มันถูกส่งมาจากห้องเครื่อง ได้ยินว่าวันนี้เหนียงเหนียงเบื่ออาหาร และซุปข้นตับแกะนี้ก็เรียกน้ำย่อยบำรุงกำลัง ดังนั้นจึงทำซุปข้นตับแกะมาให้เหนียงเหนียงโดยเฉพาะ”
หลี่หมัวมัวกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากที่โม่จงหรานขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ยกซุปข้นตับแกะมา ข้าจะลองชิมดู”
หมอหลวงหยาง: “……ฝ่าบาท ซุปข้นตับแกะยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีพิษหรือไม่เลย”
“ถึงแม้ข้าจะตาย ก็เป็นคุณความดีความชอบของพวกขยะไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้า!”
เขาไม่เอ่ยปากยังดี ทันทีที่เอ่ยปากโม่จงหรานก็โกรธขึ้นมาอย่างมาก “ข้าเลี้ยงพวกไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างพวกเจ้าเอาไว้! ช่วงเวลาสำคัญ กลับยังต้องให้เมียเจ้าเจ็ดเข้าวังมาอีกในตอนดึกดื่นเที่ยงคืน!”
หมอหลวงหยางปิดปากลงช้าๆ
ดีที่ไม่ช้า หยุนหว่านหนิงก็เข้าวังมาแล้ว
แม้แต่โม่เยว่ ก็เข้าวังมาพร้อมกัน
ไม่มีเวลาสนใจการคำนับน้อมทักทาย หยุนหว่านหนิงถูกโม่จงหรานเร่งให้เดินไปถึงข้างเตียง “รีบตรวจวินิจฉัยให้เสด็จแม่ของเจ้า ถูกพิษเพราะสาเหตุอะไร ถูกพิษชนิดไหน สามารถแก้พิษได้หรือไม่”
ถามคำถามหลายข้อติดต่อกัน……
จู้จี้จุกจิกเหมือนกับหญิงชราคนหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงนั่งลงไปตรวจชีพจรทันที ขณะเดียวกันนี้พี่ใหญ่ช่องว่างก็ “ปรุงยา” ขึ้นมาแล้ว
แต่ว่า ในด้านของการรักษา เห็นได้ชัดว่าความสามารถของพี่ใหญ่ท่านนี้มีข้อจำกัด
ทุกครั้งที่ถูกพิษ ยาที่มันให้ล้วนเป็นยาเม็ดบ่านหลานเกิน(ยาจีน)ทั้งนั้น……
หยุนหว่านหนิงปาดเหงื่อ ขณะที่ตรวจชีพจรให้เต๋อเฟย ก็สอบถามหลี่หมัวมัวไปด้วย วันนี้เต๋อเฟยกินอะไร ดื่มอะไรไป สอบถาม——รายละเอียดในทุกเรื่อง
หลังจากที่หลี่หมัวมัวตอบคำถามอีกครั้ง หยุนหว่านหนิงก็พยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด
“ซุปข้นตับแกะ?”
“ใช่ไง! นั่นมันคืออะไรกัน?”
โม่จงหรานถามขึ้นมาอีก
หลี่หมัวมัวจึงสั่งการให้เซี่ยอี่ว ยกซุปข้นตับแกะครึ่งถ้วยที่เต๋อเฟยยังกินไม่หมดมา
หยุนหว่านหนิงก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักซุปข้นตับแกะ เพียงแต่ว่า……”เท่าที่ลูกทราบ การกินตับแกะกับถั่วแดงพร้อมกัน จะทำให้ถูกพิษจริงๆ”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? !”
โม่จงหรานแสดงออกว่าไม่อยากจะเชื่อ “ความหมายของเจ้าคือ กินสองสิ่งนี้จึงทำให้ถูกพิษ”
“แต่ไม่ใช่ถูกคนจงใจวางยาพิษ? !”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “เสด็จพ่อ ตอนนี้ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า เสด็จแม่ถูกพิษเพราะกินสองสิ่งนี้โดยบังเอิญ หรือว่าถูกคนจงใจวางยากันแน่”
โม่จงหรานเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
“ที่เจ้าพูดมาทำไมข้าถึงฟังไม่เข้าใจ?”
เวลานี้ โม่เยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อธิบายให้เขาฟัง “ความหมายของหนิงเอ๋อร์คือ”
“ตอนนี้ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า เสด็จแม่กินสองสิ่งเข้าไปจนทำให้เกิดเป็นพิษขึ้นมาโดยบังเอิญ หรือว่ามีคนจงใจ ให้เสด็จแม่กินสองสิ่งนี้เข้าไป ถึงทำให้ถูกพิษได้กันแน่”
อย่างแรก คือเต๋อเฟยถูกพิษด้วยตัวเอง
อย่างหลัง ก็คือถูกคนวางยาพิษไม่ใช่หรือ? !
เมื่ออธิบายเช่นนี้ โม่จงหรานก็ฟังเข้าใจมากขึ้นแล้ว
เขาพยักหน้า “แต่ว่าตับแกะกับถั่วแดง ทำไมถึงไม่สามารถกินพร้อมกันได้?”
“ข่มกัน”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างกระชับและรัดกุม “สรรพสิ่งในโลก ล้วนมีการข่มกันมากมาย แม้แต่อาหาร ก็มีการเชื่อมโยงกันข่มซึ่งกันและกันเหมือนกัน”
สีหน้าของโม่จงหรานตกตะลึงเล็กน้อย “เช่นนี้ วันหน้าข้าก็ไม่กล้ากินตามอำเภอใจแล้ว”
หยุนหว่านหนิง: “……เสด็จพ่อ ท่านคือพระราชาแห่งแผ่นดิน”
อาหารสามมื้อในหนึ่งวันของเขา ล้วนผ่านการทดสอบหลายต่อหลายครั้ง หลังจากผ่านการทดสอบยาพิษต่างๆแล้ว ถึงจะนำมาให้เขารับประทาน
“แก้พิษให้เสด็จแม่ก่อนดีกว่า”
โม่จงหรานลูบไปที่จมูกอย่างเขินอาย
ซุปข้นตับแกะครึ่งถ้วยที่อยู่บนโต๊ะ ได้กลิ่นแล้วก็ค่อนข้างหอมดีอยู่ ดูแล้วก็ทำให้คนรู้สึกอยากอาหารมาก……โม่จงหรานกลืนน้ำลาย ถอนสายตาที่น้ำลายสอจนใกล้จะหยดกลับมา
หลังจากที่หางตาของหยุนหว่านหนิงเห็นแล้ว ก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ
คนตระกูลโม่ของพวกเขาล้วนเป็นนักกินหรืออย่างไร? !
นางเขียนใบสั่งยา ให้หมอหลวงหยางกลับไปจัดยาแก้พิษให้เต๋อเฟยที่โรงหมอหลวง ถึงได้กล่าวต่อโม่จงหรานว่า “เสด็จพ่อ นำคนของห้องเครื่องมาถามให้ชัดเจนก่อนดีกว่า”